บทที่ 1568 – เริ่มต้น

 

ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ทักษะย่างก้าวเก้าเทวาของเขาภายใต้น้ำ

 

ในตอนนี้พวกเขาได้ดำดิ่งลงมาในมหาสมุทรที่ความลึก1แสนลี่ ยิ่งไปกว่านั้นแรงกดดันน้ำในที่แห่งนี้ นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่ปลาก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีแรงดันน้ำขนาดนี้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ย ไม่รู้สึกถึงความอึดอัดและแรงกดดันเลยแม้แต่น้อย ชิงสุ่ยรู้สึกว่าหากเป็นตัวเขาในก่อนหน้านี้คงจะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันขนาดนี้อย่างแน่นอน

 

ในขณะที่จระเข้ยักษ์ขนาดมหึมาได้พุ่งออกมาจากซอกหินโสกโครก มันกำลังจ้องที่จะเล่นงานไปที่ชิงสุ่ยและมู่หยุน ชิงเฉิง

 

เมื่อเห็นว่ามันพุ่งเข้ามาชิงสุ่ยไม่รอช้าที่จะสวนกลับ แต่ในเวลานั้นเองมู่หยุน ชิงเฉิงได้สะบัดฝ่ามือและควบคุมน้ำในที่แห่งนี้ จู่โจมเข้าใส่จระเข้ตัวนั้น

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ทันทีว่ามู่หยุน ชิงเฉิงเป็นตัวตนที่ลึกลับอย่างมากจริงๆ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนเขาก็ยังไม่สามารถควบคุมน้ำได้ดังเธอ

 

…..

 

หลังจากที่ดิ่งลงมากว่า2แสนลี้ แสงสว่างภายใต้ผิวน้ำได้จางหายไปจนหมด แต่ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็ยังคงส่องสว่าง อยู่ ด้วยแมงกะพรุนขนาดยักษ์และฟองสบู่เรืองแสง

 

“เจ้าสนุกกับการแสดงหรือไม่?” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“มันก็สวยดี แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่อาจสวยไปมากกว่าเจ้าหรอก” ชิงสุ่ยเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงกล้ากล่าวแบบนั้นออกมา ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องการหยอกล้อเธอเท่านั้น

 

 

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมา “รีบไปเถอะหนทางยังอีกไกลมากว่าจะถึงพระราชวังเทพสมุทร”

 

ชิงสุ่ยลูบไปที่จมูกของเขาก่อนที่จะยิ้มออกมามา และตามเธอไป

 

ในตอนนี้ พวกเขายังคงเผชิญหน้ากับสัตว์น้ำที่น่ากลัวจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านี้ยิ่งลึกลงไปมากแค่ไหน สัตว์อสูรในที่แห่งนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่คู่ปรับของทั้งสอง

 

 

โลกใต้น้ำนั้นไม่สดใส เท่าโลกภายนอก ที่แห่งนี้ราวกับเต็มไปด้วยแสงจันทร์ในเวลากลางคืน สว่าง มืดมนสลับกันไปเป็นจังหวะๆ …….

 

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าในตอนนี้สายตาของเขาเริ่มชินกับความมืดภายในท้องทะเลแล้ว อาจเป็นเพราะทักษะวชิระวารีของเขา จึงทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ดีในท้องทะเลที่มืดมนเช่นนี้

 

ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่บนบก หรือกระทั้งรู้สึกดีกว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากกว่าเก่า

 

หลังจากที่ลงมาลึกมากในตอนนี้ชิงสุ่ยเริ่มมองเห็นโครงสร้างที่ใหญ่โตและสง่างามอยู่ไม่ไกลมากนัก ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้แล้วเขาใกล้จะถึงพระราชวังเทพสมุทรเต็มทีแล้ว  ในขณะที่เขาผ่านม่านพลังเข้ามาได้ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยอากาศและเป็นดังโลกเบื้องบน

 

 

ชิงสุ่ยรู้สึกตะลึงอย่างมากเมื่อมองไปที่ภาพเบื้องหน้า

 

สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหมือนกุ้งขนาดยักษ์นับไม่ถ้วนยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้า พวกเขามีร่างที่สูงกว่า 10 เมตร และมีลักษณะคล้ายมนุษย์

 

“ทหารกุ้ง?”

 

 

นอกเหนือจากทหารกุ้งแล้วยังมี ปลา, นางเงือก และปลาหมึกเรียงรายอยู่นับร้อย …

 

 

หลังจากที่เข้าสู่พื้นที่ปราศจากน้ำแล้ว ชิงสุ่ยได้ตรงเข้าไปผ่านไปในประตูขนาดใหญ่ ข้างในนั้นมีเมืองขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยเผ่าอสูรมากมายที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ บางคนนั้นดูคล้ายกับมนุษย์อย่างมาก มีเพียงเกล็ดไม่กี่อันบนใบหน้าของพวกเขา

 

หลังจากเข้ามาสู่รูปแบบฟองอากาศขนาดยักษ์นี้แล้ว ชิงสุ่ยสัมผัสได้ว่านี่เป็นเสมือนโลกอีกใบที่แยกออกจากกัน เขาไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของขอบปลายฟ้า ที่แห่งนี้เหมือนโลกภายนอกราวกับเป็นที่เดียวกัน ที่แห่งนี้มีท้องฟ้าและภูเขา แม่น้ำ แม้แต่ชิงสุ่ยเองก็สงสัยว่าใครกันที่สามารถสร้างรูปแบบขนาดนี้ขึ้นมาภายใต้ท้องทะเลที่ลึกเช่นนี้

 

ที่นี่คือพระราชวังเทพสมุทร ซึ่งเป็นหนึ่งพระราชวังเทพสมุทรที่เป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนทะเลน้ำแข็ง ซึ่งที่นี่หนึ่งในสามสาขาพระราชวังเทพสมุทรและเป็นที่อาศัยของมู่หยุน ชิงเฉิง

 

นี่เป็นที่ๆจะทำให้เขาพบเจอกับอีเย่ เจี้ยนเก้ออีกครั้งหลังจากที่จากกันไปถึง10ปี …

 

 

“ท่านราชินี!”

 

“ท่านราชินี!”

 

……

 

ผู้คนจำนวนมาก รีบทำความเคารพเธอ แต่เธอกับโบกมือให้สัญญาณกับพวกเขาให้ทิ้งพิธีการต่างๆไป ในขณะที่ชิงสุ่ยยังคงเดินตามเธอเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของพระราชวัง

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยเดินตามเธอเข้าไปที่ห้องโถงขนาดใหญ่ โดนที่เพดานของที่แห่งนี้ถูกวาดเอาไว้ด้วยรูปภาพดวงดาวที่สวยงาม ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่านี่คือการแสดงออกถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่

 

การสร้างโลกในที่นี้ถูกสร้างมาด้วยผลึกอสูรจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงมีปัญหากับมนุษย์ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ชิงสุ่ยก็ยังไม่สังเกตเห็นมนุษย์คนไหนที่นี่เลย

 

 

“ท่านราชินีได้กลับมาแล้ว!”

 

มีเสียงลึก  ที่ทรงพลังดังขึ้น ในขณะที่เขาได้หันมองเห็นชายหนุ่มร่างอ้วนร่าง และมีตาแหลม ยื่นอยู่ไม่ไกลออกไป

 

ชิงสุ่ยไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นมนุษย์หรือไม่ … แต่ที่รู้คือกลิ่นอายของเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก

 

“อวี้ เหลียง ข้าเชื่อว่าคง ไม่มีปัญหาอะไรระหว่างที่ข้าไม่อยู่ พระราชวังมังกรสมุทร และพระราชวังฉลามพยัคฆ์มีการเคลื่อนไหนอะไรรึไม่? “มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวและยิ้ม

 

ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เขาจะดูเยาว์วัยอย่างมาก แต่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าอายุของเขาต้องมากกว่าที่เห็นถึง10เท่า

 

 

“ถึงตอนนี้เรายังป้องกันเอาไว้ได้ แต่พระราชวังมังกรสมุทร และพระราชวังฉลามพยัคฆ์ก็ยังเข้ามาจู่โจมพวกเราอยู่หลายครั้ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงรับมือได้อีกไม่นานมากนัด “อวี้เหลียง กล่าวออกมาอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาเดินตามหลังชิงสุ่ย และมู่หยุน ชิงเฉิง

 

ถึงชิงส่ยจะรู้ว่าพระราชวังเทพสมุทร มีอยู่สามสาขาในดินแดนทะเลน้ำแข็ง และอีก 2 แห่งนั้นจะควรแต่พระราชวังมังกรสมุทร และพระราชวังฉลามพยัคฆ์ใช่รึไม่

 

พระราชวังมังกรสมุทรเป็นขุมอำนาจที่มีพลังอย่างมาก พวกเขาเป็นกลุ่มอำนาจที่รวมเอาเผ่าพันธุ์มังกรเอาไว้ ในขณะที่พระราชวังฉลามพยัคฆ์นั้นรวบรวมเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในทะเลเอาไว้

 

 

“รู้แล้วอย่าได้กังวลไป” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าว

 

อวี้ เหลียงพยักหน้าก่อนที่จะถอยหลังกลับไป โดยไม่ต้องถามอะไรเกี่ยวกับชิงุส่ยเลยสักคำ นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเขาจะมีสถานะสูงส่งอย่างมาก แต่ก็ห่างไกลจากการมีคุณสมบัติที่เพียงพอ ที่กล่าวมัน

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยหันไปที่ด้านข้าง เขากลับผมชายหนุ่มรูปงามอีกคนที่เดินเข้ามา

 

“ราชินีได้กลับมาแล้ว!”

 

ชิงสุ่ยมองไปที่ชายคนนี้อย่างจริงจังเขานั้นไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป  ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายของเขาก็ไม่เลวร้ายมากนักหรอก นอกจากนี้ดวงตาของเขายังส่องไสวไปด้วยความชอบธรรม

 

นอกจากนี้การแสดงออกของเขานั้นยังเป็นของจริงอีกด้วย!

 

“แล้วเราพวกเขาหยุดบุกมากี่วันแล้ว” เธอกล่าวออกมาอย่างเบา ๆ

 

“ประมาณสามวัน แล้วท่านนี่คือ?” เขาหันมามองและยิ้มให้ชิงสุ่ย

 

“เขาคือชิงสุ่ย และเขามาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยแก้ไขวิกฤติของเรา”มู่หยุน ชิงเฉิงยิ้มตอบ ส่วนความสัมพันธ์ของชิงสุ่ยและเจี้ยนเก้อยังเป็นความลับอยู่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

 

“ยินดีต้อนรับ ข้า จิน ลี่อวี้” ชายคนนั้นกล่าว

 

ถึงแม้ชิงสุ่ยจะไม่ชอบผู้ชายคนนี้และรู้สึกไม่ดี แต่เขาก็ยิ้มและทักทายออกไป

 

“วันนี้ที่แห่งนี้ นั้นจะมีงานเลี้ยงกันเชิญคุณชายชิงสุ่ยมาร่วมด้วยสิ!” เขายิ้มออกมา ก่อนเดินออกไป

 

คำพูดนี้เป็นการดูถูกชิงสุ่ยทางอ้อม แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่นเพราะเขารู้ดีว่า จิน ลี่อวี้ ชอบมู่หยุน ชิงเฉิงเขาจึงได้แสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา

 

 

“อย่าได้ตำหนิเขาเลย เดิมทีเขาเป็นปลาคาร์พธรรมดาที่แต่บังเอิญได้กินหญ้าสวรรค์เทียนหมิง เข้าไปจึงทำให้เขานสามารถกลายร่างมาเป็นเช่นนี้  มันจึงทำให้เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตลอดเวลาที่เห็นคนที่ดีกว่าตัวเอง” หยุน ชิงเฉิงหัวเราะ

 

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปลาจะสามารถกลายร่างมาเป็นมนุษย์เช่นนี้ ดูเหมือนว่าโลกใบนี้จะกว้างใหญ่กว่าที่ข้าเห็นมาอย่างมาก” ชิงสุ่ยยิ้มให้

 

“ในระดับนี้จริงๆแล้วก็ไม่มีความแตกต่างอะไรเลย ระหว่างสัตว์และมนุษย์เลย หากมีก็แค่ระดับสติปัญญาและการรับรู้  หากพวกเขาสามารถพัฒนาสติปัญญาและความตระหนักได้เท่าเทียมกับมนุษย์แล้ว พวกเขาอาจถูกมองว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง “

 

ชิงสุ่ยสามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ โดยทั่วไปก็ยังมีสัตว์อสูรจำนวนมากที่ทรงปัญญากว่ามนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์บางคนก็กลับมีสติปัญญาที่ต่ำต่อยกว่าสัตว์อสูรเสียอีก

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกไม่ใช่เครื่องหมายที่จะบ่งบอกว่าใครเป็นคนดี คนที่แข็งแกร่ง แม้ว่าที่คนที่มีหน้าตาที่ดีก็อาจเป็นคนเลว คนที่หน้าตาอัปลักษณ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนไม่ดีเสมอไป ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ยึดติดเกี่ยวกับเรื่องนี้