ตอนที่ 822 : หีบสมบัติโบราณ

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 822 : หีบสมบัติโบราณ

 

กระจกมหัศจรรย์ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ยสามารถตรวจพบร่างวิญญาณได้ นางขณะนี้มองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดเข้าไปภายในหีบยักษ์นั้นอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นแล้ว นางจึงมั่นใจ ว่าภายในหีบคือร่างวิญญาณที่คงอยู่มานานยิ่ง เรื่องนี้ยิ่งทําให้ฉินหยุนเกิดความสงสัย สิ่งที่กักเก็บไว้ภายในหีบยักษ์ เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต

 

“พวกคนตระกูลหลงเหล่านี้มาทําอะไรกันแน่? หยุนเอ๋อ เจ้ามีความเห็นใดหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามหลิงหยุนเอ๋อ

 

“ข้าไม่ทราบ บางที่พวกเราควรจับตัวคนของตระกูลหลงมาสักผู้หนึ่งเพื่อสอบถาม สิ่งที่อยู่ภายในหีบยักษ์นั่น สมควรต้องล้ำค่าเป็นอย่างยิ่งแน่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว

 

“บางทีสิ่งที่อยู่ภายในนั้นอาจถูกผนึกเอาไว้ เพราะหีบนั่นขนาดใหญ่มาก!” ฉินหยุนพลันเป็นกังวลว่าตระกูลหลงวางแผนคิดปลดปล่อยสิ่งชวนสะพรึงออกมา

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่กล้าลงมือใด เพราะกําลังโดยรวมของกลุ่มคนตระกูลหลงที่เบื้องหน้าเหนือล้ำอย่างยิ่ง

 

ทว่าการตามต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เพราะหากมีผู้แข็งแกร่งจากตระกูลหลงมาสมทบเพิ่ม ถึงตอนนั้นฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจะไม่มีโอกาสได้ยื่นมือเข้าฉกชิงสิ่งของภายในหีบยักษ์

 

“เย่ว์เหม่ย เตรียมลงมือกันได้แล้ว! เดี๋ยวข้าใช้งานปืนใหญ่ราชันราชสีห์ โจมตีใส่เรือบินสองลํานั้นให้หีบยักษ์ร่วงหล่นกับพื้น!” ฉินหยุนกล่าวคําเบา

 

หีบยักษ์ตรงหน้า ต้องมีสิ่งของล้ำค่าสําหรับตระกูลหลงคงอยู่ ความเร็วของเรือบินเป็นไปอย่างเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลงระมัดระวังอย่างดีเยี่ยม

 

ในเมื่อฉินหยุนและตระกูลหลงมีความแค้นต่อกันอย่างใหญ่หลวง เขาจึงไม่คิดปล่อยโอกาสเล่นงานตระกูลหลงให้หลุดลอย

 

และหากเขาสามารถฉกชิงสมบัติของตระกูลหลงมาได้ เช่นนั้นจึงถือเป็นความสาแก่ใจ

 

“วิเศษ บางทีพวกเราอาจล่อลวงให้พวกตระกูลหลงเกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นได้ บางทีอาจมีโอกาสฉกชิงสิ่งของในหีบยักษ์นั้นกระมัง?” เชียวเย่ว์เหม่ยเผยความตื่นเต้นยินดี นางคือผู้ที่ไม่หวั่นเกรงการสร้างความวุ่นวาย กระทั่งรักชอบได้รับชมด้วยซ้ำ

 

ฉินหยุนนําเอาปืนใหญ่ราชันราชสีห์ออกมา ระยะห่างระหว่างเขาและกองทัพตระกูลหลงคือกว่าหนึ่งหมื่นเมตร พื้นที่บริเวณนี้มีแต่ภูเขาสูงตั้งตระหง่าน แม้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น

 

ปืนใหญ่ราชันราชสีห์ของฉินหยุนสามารถยิงได้ไกลมากขึ้นหลังผ่านการยกระดับ ครั้งนี้ ฉินหยุนไม่ได้ควบแน่นพลังงานเพื่อยิงออก แต่เลือกที่จะใส่ไข่มุกลงไปเม็ดหนึ่ง สิ่งนี้คือแก่นเต๋ราชันยุทธ์

 

อํานาจทําลายล้างของแก่นเต่าราชันยุทธ์ยามระเบิดออกย่อมชวนสะพรึง กระทั่งจักรพรรดิยุทธ์ยังต้องโดนเผาหน้าดําไหม้กันถึงระดับหนึ่ง

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกํามือน้อยของนางยามได้เห็นฉินหยุนนําเอาแก่นเต๋ราชันยุทธ์ออกมา นางหัวเราะออก “พี่ชาย ท่านช่างรู้จักวิธีการสร้างความสนุกสนานยิ่งนัก!”

 

ฉินหยุนหัวเราะซุกซนตอบรับ เป้าหมายเวลานี้ คือเรือบินลําใหญ่

 

ฟุบ!

 

พลังพิเศษของปืนใหญ่ราชันราชสีห์ มันไม่เพียงแต่สามารถยิงได้รวดเร็ว แต่ยังเกิดเสียงที่เบายิ่ง

 

แก่นเต๋ราชันยุทธ์พุ่งทะยานออกไปนับหมื่นเมตรในพริบตา แม้มียอดฝีมือผู้ใดพบเห็น พวกเขาก็ไม่มีทางต้านรับได้ทันเวลา

 

ตุ้ม!

 

แก่นเราชันยุทธ์ปะทะที่ท้ายเรือบิน แรงระเบิดรุนแรงพร้อมคลื่นอากาศสีฟ้าครามทะลักล้นกระจาย แรงระเบิดครั้งใหญ่กินพื้นที่เป็นวงกว้างท้ายลําเรือ เศษซากโลหะของเรือกระจายออกทั่วสารทิศ ภายในเรือย่อมได้รับความเสียหายหนักหนายิ่งกว่าที่เห็น

 

ฟู ฟู ฟู

 

คลื่นอากาศพัดพาเพราะแรงระเบิดกระจายมายังบริเวณที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยบินอยู่ ภูเขาใหญ่เบื้องล่างเรือบินพังครืนถล่มทลาย ที่น่าสะพรึง คือคลื่นอากาศได้แผ่ขยายออกจนส่งผลให้เรือบินลําอื่นต้องสั่นไหวรุนแรง

 

ตู้ม ตู้ม!

 

เรือบินลําใหญ่ร่วงหล่นสู่พื้นเบื้องล่าง เกิดขึ้นเป็นเสียงปะทะดังกึกก้อง หีบยักษ์สูญเสียสมดุลกลางอากาศจนเอียงลงไปยังด้านของเรือบินอีกลําหนึ่ง

 

ด้วยขนาดและน้ำหนักของมัน จึงลากให้เรือบินอีกลําต้องร่วงหล่นลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

 

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม …

 

“วิเศษนัก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยและฉินหยุนปรบมือต่อกันพร้อมร้องตะโกนยินดี

 

ฉินหยุนเองก็ไม่คาดคิด ว่าพลังอํานาจของแก่นเต๋ราชันยุทธ์จะยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้ยามใช้งานยิงออก ราวกับปืนใหญ่ราชันราชสีห์ได้เพิ่มพูนอํานาจแก่มันอีกหลายเท่า

 

เดิมแม้เรือบินหนึ่งลําระเบิด ลําอื่นที่เหลือก็ยังสามารถช่วยพยุงหีบยักษ์เอาไว้ได้

 

กระนั้นด้วยแรงระเบิดที่สร้างคลื่นกระแทกรุนแรง จนส่งผลให้เรือบินลําอื่นได้รับความเสียหายจนเสียสมดุลไป และด้วยระยะเวลาเพียงอึดใจ หีบยักษ์สีดําหนักอึ้งใบนั้นก็นําพวกเขาร่วงหล่นลงมาแล้ว

 

“ตัวบัดซบใดลอบโจมตีในเงามืด? จงไสหัวออกมา! ข้าผู้อาวุโสหลงเฉวียนฮุยแห่งตระกูลหลง หากเจ้ามีความกล้า จงเสนอหน้าออกมา!” ครึ่งเซียนตระกูลหลงร้องตะโกนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง

 

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวพร้อมจิตสังหารรุนแรงปรากฏเขย่าฟากฟ้าแดนดิน ต้นไม้เบื้องล่างต่างสั่นไหว กระทั่งตัวภูเขาก็ไม่เว้น

 

อย่างไรแล้ว ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็ไม่มีทางออกมา ทั้งสองเพียงแต่ลอบเร้นหัวเราะยามรับชม ถึงตอนนี้ หีบยักษ์สีดําใบนั้นพลันสั้นรุนแรงพร้อมส่งเสียง “ตึง ตึง” ดังขึ้น

 

“ พี่ชาย มันมีการตอบสนอง สิ่งของในหีบมันมีชีวิต!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยส่งเสียงสื่อสารด้วยความตื่นเต้นยินดี “คิดว่ามันจะเป็นอะไร?”

 

“มังกรกระมัง?” ฉินหยุนถามกลับ

 

“เป็นไปไม่ได้… หากเป็นมังกร เหตุใดจึงถูกผนึกเอาไว้ภายในหีบ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว

 

“เช่นนั้นอาจเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!” ฉินหยุนตอบ

 

บนฟ้าไกลห่าง ผู้คนตระกูลหลงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับมดแตกรัง ยอดยุทธ์ที่ขี่มังกรกิ้งก่า เวลานี้ต่างบินไปมาสํารวจหาศัตรูในละแวก

 

“เย่ว์เหม่ย พวกเราจับพวกมันมาสอบถามน่าจะดี!” ฉินหยุนมองไปยังบรรดามังกรกิ้งก่าที่บินไปมาพร้อมกล่าว

 

“ข้าเห็นแล้วก็รําคาญสายตาเช่นกัน เอามันลงมาสักตัวหนึ่งถือเป็นดี!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มกล่าว “ให้ข้าลงมือ?”

 

“ยัง รอเวลาก่อน!” ฉินหยุนบอกกล่าวให้หลิงหยุนเอ๋อเตรียมตัว

 

ไม่นานนัก มังกรกิ้งก่าตัวเล็กพลันบินมาอยู่เหนือฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ทั้งสองเวลานี้ยืนอยู่บนยอดเนินเขา โดยซ่อนเร้นตัวตนอยู่เบื้องล่างต้นไม้โบราณ แม้ไม่แปรเปลี่ยนร่างเป็นโปร่งแสง คิดหาตัวพวกเขาก็เป็นเรื่องยากเย็น

 

ยามเมื่อมังกรกิ้งก่าตัวน้อยบินผ่าน ฉินหยุนจึงจงใจเผยออร่าออกเล็กน้อย ยอดยุทธ์ผู้ซึ่งขี่มังกรกิ้งก่าสัมผัสถึงได้ จึงควบคุมมังกรกิ้งก่าลงมารับชมที่ปาเบื้องล่าง และยามนี้ที่ฉินหยุนพบเห็นอีกฝ่ายลดเพดานบินลงมาต่ำเข้าใกล้ เขาจึงปลดปล่อยพลังแรงโน้มถ่วงอันหนักอึ้ง เข้าสะกดลงที่ร่างของมังกรกิ้งก่าและผู้ควบขี่

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบพุ่งทะยานไป นําเอากระสอบออกมาใบหนึ่งจับตัวผู้ขี่เอาไว้ ฉินหยุนใช้งานปืนใหญ่ราชันราชสีห์ประหนึ่งกระบอง ทุบฟาดหวดรุนแรงเข้าที่หัวมังกรกิ้งก่าหลายครั้งคราจนกระทั่งมันหมดสติ

 

ถัดจากนั้น เขาจึงหันไปทุบตีผู้ขี่ที่ถูกจับในกระสอบ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะพลางต่อยและเข้าใส่กระสอบเช่นเดียวกัน

 

หลังจากทั้งสองสาแก่ใจจึงค่อยหยุดมือและเปิดกระสอบ มังกรกิ้งก่าถูกเก็บสู่ไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ยอดยุทธ์ผู้นี้ยังเยาว์ เวลานี้เผยสีหน้างงงันไม่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใด

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนเม็ดยาสีดําออกมายัดเข้าใส่ปากชายหนุ่ม

 

“ที่เจ้าเพิ่งกลืนเข้าไปคือเม็ดยาทะลวงลําไส้ขยี้หัวใจ! หากเจ้ากล้าโป้ปดต่อข้า หรือบังอาจไม่ตอบคําถาม ที่เจ้าต้องเผชิญคือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะลําไส้และหัวใจของเจ้าถูกบดขยี้!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยใบหน้าโฉดชั่วยิ้มกล่าว

 

ฉินหยุนนึกถึงต่อเม็ดยาชวนสะพรึงนี้ของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ภายหลังเขาคงต้องขอนางมาไว้ติดไม้ติดมือบ้าง

 

“เจ้า… พวกเจ้าทําลายเรือของพวกเรา!” ชายหนุ่มตะโกนร้องกราดเกรี้ยว

 

“หยุดพูดกล่าววาจาไร้สาระ หากเจ้าไม่อยากให้ชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย เช่นนั้นจงตอบข้ามา หรือจะให้ข้าเริ่มทรมานเจ้าเสียเดี๋ยวนี้!” เชี่ยวเย่ว์เหมยนําเอาเข็มแหลมคมชี้พร้อมเผยยิ้มแสยะ กล่าวได้ว่างานถนัดของนางคือข่มขู่ผู้คนแล้ว

 

“เจ้า… อย่าได้ลงมือส่งเดช!” ชายหนุ่มตระกูลหลงรู้สึกเจ็บปวดตามร่างยามได้เห็นเข็มแหลมคมจ่อ

 

“ข้าจะถามคําถามเจ้า จงตอบมาตามตรง! หากไม่ตอบ หรือโกหกต่อข้า ถึงตอนนั้น…” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแทงเข็มเล่มหนึ่งเข้าในต้นไม้ จากนั้นจึงดึงมันออก ที่ปรากฏ เป็นลําต้นนั้นได้กลายเป็นรูกลวงชวนขนลุก

 

ชายหนุ่มตระกูลหลงเผยใบหน้าซีดเผือดหวาดกลัว เป็นเขาหวาดกลัวเชี่ยวเย่ว์เหม่ยกระทําเช่นนั้นกับร่างกายตนเองเป็นล้นพ้น เพราะหากเกิดขึ้น ความเจ็บปวดคงยากบรรยายแล้ว

 

“คําถาม สิ่งใดอยู่ภายในหีบยักษ์นั่น?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเริ่มถาม

 

“นั่น… สิ่งนั้น เป็นสมบัติที่พวกเราตระกูลหลงซ่อนมันเอาไว้นานยิ่งแล้ว!” ชายหนุ่มตระกูลหลงพูดติดอ่างตอบคํา

 

“ข้าถามว่าอะไรอยู่ภายใน!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยเสียงเย็น เข็มในมือของนางเริ่มที่มแทงต้นไม้อีกครั้งหนึ่ง

 

“เรื่องนั้น เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้… บรรพบุรุษที่จากไปแล้วของตระกูลหลงได้ซ่อนมันเอาไว้ในกาลก่อน เพราะ… เพราะพวกเราตระกูลหลงเผชิญศัตรูอันยิ่งใหญ่ พวกเราจึงต้องนํามันออกมา!” ชายหนุ่มตัวสั่นหวาดกลัวน้ำตาเวลานี้ร่วงหล่นเป็นสาย

 

ศัตรูอันยิ่งใหญ่ที่ตระกูลหลงเผชิญ ย่อมต้องเป็นตระกูลเจี้ยนที่ตระเตรียมบุกสู่แคว้นมังกรทะยานฟ้า

 

ผู้คนล้วนทราบ ว่าตระกูลเจี้ยนคิดอยากปกครองเขตแดนนอก จากนั้นจึงเบิกทางเข้าสู่เขตแดนลึกล้ำ

 

“เมื่อครูได้ยินสิ่งนั้นมันส่งเสียง ภายในเป็นสิ่งมีชีวิต?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม

 

“ข้า ข้าไม่รู้ ที่ข้ารู้ก็เพียงแต่บรรพบุรุษที่จากไปแล้วของตระกูลหลง ได้หลงเหลือสิ่งของหลายสิ่งอย่างเอาไว้ในสู่รุ่นหลัง บ้างก็เป็นหุ่นเชิด บางทีมันอาจเป็นหุ่นเชิดมังกร! นั่นคือหีบสมบัติของพวกเราตระกูลหลง มันมีไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน!” ชายหนุ่มตอบคํา

 

“พวกเจ้าคิดนําหีบนั่นไปที่ใด?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถามต่อ

 

“พวกเราคิดนํามันไปยังฐานลับของตระกูลหลง และคิดเป็ดมันออกที่นั่น!” ชายหนุ่มเริ่มปรับสภาพความกลัวภายในใจได้แล้ว สีหน้าของเขาเริ่มนิ่งมากขึ้น

 

ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างมองกัน ก่อนจะทุบตีอีกฝ่ายจนสิ้นสติและผนึกเอาไว้

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวเสียงเบา “ หีบสมบัติตระกูลหลง? ทั้งยังตกทอดมาจากบรรพบุรุษที่จากไปแล้ว? บรรพบุรุษผู้นั้นคงเข้าสู่แดนเซียนอ้างว้าง ก่อนจากไปจึงหลงเหลือของดีที่เคยมีเอาไว้จํานวนหนึ่งน่าจะเป็นของดี พวกเราต้องฉกชิงมันมา!”

 

“พวกเราไม่อาจฉกชิงมันมาและหลบหนี ตัวหีบใหญ่เกินไป นอกจากนี้ ยังมีแต่ผู้แข็งแกร่งคุ้มกันมันอยู่!” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวไม่ง่าย เป็นปกติที่เขาคิดอยากได้ ทว่าเรื่องนี้มันออกจะยากเกินไป

 

“อย่าได้บอกต่อข้า ว่าพวกเราจะหยุดที่เพียงเท่านี้” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรู้สึกเสียดายโอกาส

 

“พวกเราย่อมไม่ยอมแพ้ที่ตรงนี้อยู่แล้ว!” ฉินหยุนขมวดคิ้ว “พวกเราจะลงมืออย่างรวดเร็ว หากพวกเราปล่อยให้เวลายืดยาวออกไป ผู้คนของตระกูลหลงจะยิ่งมาสมทบ ถึงตอนนั้นก็ไม่เหลือโอกาสแล้ว!”

 

“พี่ชาย ท่านมีวิธีหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองทางหีบยักษ์อย่างร้อนใจ

 

“มี แต่เสี่ยงมาก พวกเราจะเข้าไปภายในหีบ เจ้าว่าอย่างไร?” ฉินหยุนกล่าว

 

“ดี นี่ถือว่าใช้ได้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนึกถึงความสามารถเทวะทะลุทะลวง หากเข้าสู่ภายในได้ราบลื่น เช่นนั้นย่อมสามารถฉกชิงของได้จากภายใน

 

“แต่อะไรก็ตามที่อยู่ข้างใน มันต้องน่าสะพรึงไม่ใช่น้อย ที่ข้ายังหวั่นเกรงคือเรื่องนี้!” ฉินหยุนยังคงครุ่นคิด