บทที่ 346 คุณสบายดีหรือเปล่า

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

“มาแช่ออนเซ็นไง” โซเมนตอบคำถามนี้อย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับทักทายคนทั้งสอง “บังเอิญจัง พวกคุณสองคนก็อยู่ที่นี่ด้วย?”

ถึงแม้โซเมนไม่เห็นด้วยที่เทาเท่ไล่ตามจีบหลินจือต่อ แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเทาเท่ เทาเท่ขอให้เขาช่วยแกล้งแสดงบทบังเอิญ เขาก็ทำได้แต่ช่วย

นทีบดีต้องอยู่กับภรรยา หมอไวท์งานยุ่ง ก็เหลือแต่เขาที่สามารถช่วยเทาเท่ทำเรื่องนี้

หลินจือตั้งสติได้ หันกลับไปถามนานิ “คุณเหมาสถานที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่” นานิก็งงเป็นไก่ตาแตก เพียงแต่มันเป็นการแค่แสดงเท่านั้น

“ถึงเหมาสถานที่ แต่ก็ต้องต้อนรับแขกวีไอพี” โซเมนให้คำตอบเรื่องนี้

หลินจือเม้มริมฝีปาก ใช่แล้ว แขกอย่างเทาเท่และโซเมนถือว่าเป็นแขกวีไอพีจริง พวกเขาต้องการเข้ามาแช่ออนเซ็น คิดว่าน่าจะติดต่อเถ้าแก่ของวิลล่าออนเซ็นโดยตรง ถึงที่นี้ถูกเหมาพวกเขาก็เข้ามาได้

หลังจากหลินจือครุ่นคิดสักพักจึงเชื่อคำพูดของโซเมน เธอคงจะสงสัยว่าเพื่อนสนิทนานิของตนเองและเทาเท่มีการสมคบคิดกันไว้ล่วงหน้าก่อนไม่ได้หรอกมั้ง?

นึกถึงเทาเท่ สายตาของหลินจือจับจ้องไปทางเทาเท่ที่เงียบมาโดยตลอด

ปรากฏว่าสบตาเข้ากับเทาเท่พอดี สายตาที่ลึกซึ้งราวกับหมึกสีดำจับจ้องเธอไม่กระพริบตา

หัวใจของหลินจือสั่นสะท้านอย่างกะทันหัน รีบหลบสายตาไปทางอื่น

และถึงขั้นมีอาการหน้าแดงเล็กน้อย ดูเหมือนเธอและเทาเท่ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือจนทำให้เธอหน้าแดงและหัวใจเต้นแรงมาก่อน

เริ่มแรกสุดเธอเป็นคนหวั่นไหวก่อน แต่เขาไม่ได้ชอบเธอ หลังจากหย่าร้างเขาเป็นคนสนใจเธอ เธอพยายามหลีกเลี่ยงมันอย่างสุดใจ ภายใต้สถานการณ์ทั้งสองจะทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่คลุมเครือได้อย่างไร

ปัจจุบันความรู้สึกของคนทั้งสองตรงกันแต่กลับอยู่ด้วยกันไม่ได้ ในพื้นที่เดียวกันไม่ใช่เพียงแค่อาศัยสายตาในการถ่ายทอดอารมณ์หรอกหรือ? เพราะเหตุนี้ เมื่อกี้จึงเกิดความรู้สึกที่คลุมเครือซึ่งไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด

หลินจือหลบสายตา เทาเท่กลับเป็นคนเอ่ยปากพูด แต่เป็นการเชิญหลินจือและนานิ “ในเมื่อเจอกันแล้ว งั้นก็มานั่งด้วยกันสักพักเถอะ”

หลินจือไม่อยากเข้าไปนั่ง เธอไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของตนเองและเทาเท่ในตอนนี้เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน

ส่วนนานิจะฝืนลากหลินจือเข้าไปก็ไม่ได้ แบบนั้นไม่เท่ากับเปิดเผยเรื่องที่เธอกำลังจับคู่หลินจือและเทาเท่หรือ?

สุดท้ายโซเมนเป็นคนออกหน้าประคับประคองสถานการณ์ เขาเดินเข้ามาทำท่าสุภาพบุรุษเชิญคนทั้งสอง “ก็แค่เลิกกันไม่ใช่เหรอ? คงไม่มีใครกำหนดหลังจากที่เลิกกันห้ามนั่งดื่มชาด้วยกันหรอกมั้ง?”

ก่อนที่หลินจือจะได้พูดอะไร ถูกโซเมนลากไปที่โต๊ะของพวกเขาโดยตรง

เธอจึงทำได้แต่นั่งลงที่ด้านข้างของเทาเท่

ตอนนั่งแขนของเธอไม่ทันระวังไปสัมผัสโดนแขนของเทาเท่ วินาทีที่ผิวหนังสัมผัสกัน ร่างกายของหลินจือราวกับโดนไฟช็อต รู้สึกสั่นและชาไปหมด

แน่นอน กระอักกระอ่วนด้วย

หลังจากรีบดึงแขนของตนเองกลับมา เธอหันไปถามโซเมน “พวกคุณอยู่เมืองเจสเวิร์ดไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงลงทุนมาแช่ออนเซ็นถึงที่นี่?”

หลินจืออยากถามคำถามนี้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว สำนักงานใหญ่ของเทาเท่และโซเมนล้วนแต่อยู่ในเมืองเจสเวิร์ด ทำไมถึงมาแช่ออนเซ็นที่นี่?

โซเมนอธิบายอย่างยิ้มแย้ม “ช่วงนี้กำลังสิ้นปีไม่ใช่เหรอ? พิธีมอบรางวัลและงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นในเมืองเวลฟ์ และช่วงนี้เราทั้งคู่อยู่ในเมืองเวลฟ์”

“อ๋อ” หลินจือตอบรับโดยไม่พูดอะไรอีก

เมื่อหลายปีก่อนทำไมถึงไม่เคยเห็นเทาเท่มาอยู่เมืองเวลฟ์เมื่อช่วงสิ้นปี?

“ขออภัย ฉันต้องไปรับโทรศัพท์” นานินั่งได้เพียงไม่นานจึงหาข้ออ้างแยกตัวออกไปก่อน

โซเมนที่เห็นสถานการณ์ก็ลุกขึ้นแล้วพูด “ผมไปห้องน้ำก่อน”

เพราะเหตุนี้หลังจากที่คนทั้งสองไป ชั่วขณะบนโต๊ะเหลือเพียงหลินจือและเทาเท่

หลินจือราวกับนั่งอยู่บนเข็มหมุดทันที สมองแล่นอย่างรวดเร็ว กำลังคิดหาข้ออ้างให้ตนเองไปแบบไหนดี

ก่อนที่จะคิดข้ออ้างทัน เทาเท่ชิงพูดขึ้นกับเธอก่อนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเกรงใจ “ช่วงนี้คุณสบายดีหรือเปล่า?”

“สบายดี” หลินจือยิ้มเล็กน้อย ท่าทางดูห่างเหิน

หลังเธอพูดจบ พบว่าเทาเท่ไม่ได้ดึงสายตาที่กำลังจ้องตนเองกลับ ในทางกลับกันสายตาของเขาลึกซึ้งลงหลายส่วน ราวกับไม่พอใจในคำพูดของเธอ

เธอจึงทำได้แต่ถามไปตามมารยาท “คุณล่ะ? เป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่ดีเท่าไหร่” เทาเท่พูดตรงไปตรงมา “สิ้นปีงานเยอะ คุณปู่ก็ป่วยอีกแล้ว ผมแทบจะยุ่งจนหัวหมุน”

“คุณปู่เป็นอะไร?” ความสนใจของหลินจือถูกคำพูดที่ว่าคุณปู่ไม่สบายดึงดูดเข้าแล้ว

เทาเท่จิบชาแล้วพูด “ปัญหาเดิมๆ พินอินไม่อยู่แล้ว ส่วนผมก็เลิกกับคุณ ชั่วขณะเขารับไม่ไหว จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล”

หลินจือมองตาต่ำโดยไม่ได้พูดอะไร เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเป็นระลอก

เทาเท่พูดอีกครั้ง “ถ้าหากในใจของคุณยังจำเรื่องที่เขาเคยดีกับคุณได้ คุณก็หาเวลาไปเยี่ยมเขาหน่อยเถอะ”

เขาไม่พูดแบบนี้ยังโอเค พอเขาพูดแบบนี้หลินจือรู้สึกผิดจากส่วนลึกในใจทันที

ถูกต้อง เธอควรไปเยี่ยมคุณท่านสักหน่อย

เดิมทีเธอตั้งใจหลังจากหย่าร้างกับเทาเท่ค่อยกตัญญูต่อคุณท่าน ใครจะไปคิด ตอนนี้เธอคือคนที่ทำร้ายจิตใจของคุณท่านมากที่สุดคนนั้น

แม้เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ความเสียใจส่วนหนึ่งของคุณท่านก็เกิดขึ้นจากเธอ

คุณท่านชอบเธอมาก จัดงานแต่งระหว่างเธอและเทาเท่ขึ้นด้วยความจริงใจ คิดว่าหลังจากที่เขารู้เรื่องสภาพร่างกายของเธอ คือเรื่องที่ทำร้ายเขามากที่สุดมั้ง

เทาเท่สามารถมองออกว่าเธอกำลังโทษตนเองได้ในทันที จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “คุณอย่าคิดมาก คุณปู่ไม่ใช่คนหัวโบราณแบบนั้น ไม่สนใจเรื่องสุขภาพของคุณ”

“เหตุผลสำคัญที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจคือหลานชายของเขาต้องโสดอีกแล้ว” คำพูดประโยคนี้ของเทาเท่มีความเศร้าปะปนหลายส่วน

หลินจือแสร้งทำเป็นฟังไม่ออก หลบสายตาแล้วพูด “ผ่านไปอีกสักพักคุณก็จะลืมฉัน ถึงเวลาค่อยหาแฟนคนใหม่ก็จบ”

หลังพูดคำพูดประโยคนี้จบ ในจิตใจส่วนลึกของหลินจือราวกับมีอะไรถูกปิดกั้น ชัวขณะทำให้เธอรู้สึกหายใจลำบากมาก

“ฉันขอไปดูนานิก่อน ทำไมถึงยังไม่กลับมา”

เธอลุกขึ้นเตรียมตัวเดินจากไป ทันทีที่เพิ่งหันหลังได้ยินเสียงที่แผ่วเบาของเทาเท่ดังมาจากด้านหลัง “สุขสันต์วันเกิด”

หลินจือพึ่งไปสักพัก หลังจากนั้นเพิ่งเข้าใจว่าเทาเท่กำลังพูดคําอวยพรวันเกิดที่มาสาย

เธอสงบสติอารมณ์ของตนเอง หันกลับไปยิ้มให้เขาอย่างมีมารยาท “ขอบคุณ”

พวกเขารู้จักกันมาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอวยพรวันเกิดให้เธอ แต่คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นภายใต้สถานการณ์แบบนี้ หลินจือเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีมากนัก

หลังหลินจือจากไปสักพัก โซเมนเดินกลับมาแล้ว เขาถามเทาเท่อย่างไม่เข้าใจ “ทำไมคุณถึงปล่อยให้เธอไป?”

เทาเท่มองตาต่ำลงดื่มชา “ไม่อย่างนั้นจะให้ทำยังไง?”

“อุตส่าห์ดั้นด้นมาตั้งไกล และนัดเธอออกมาในทางอ้อมแบบนี้ อย่างน้อยคุณก็น่าจะกอดเธอบ้าง อั้นเอาไว้แบบนี้คุณไม่รู้สึกอึดอัดเหรอ?” โซเมนไม่เข้าใจว่าเทาเท่กำลังคิดอะไรอยู่

ก็ไหนคิดถึงจนแทบจะคลั่งแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมพอเจอหน้ากันแล้วกลับกลายเป็นสุภาพบุรุษ

“คุณคิดว่าผมไม่อยากเหรอ?” เทาเท่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “แต่ถ้าผมทำแบบนั้นกับเธอในเวลาแบบนี้ เกรงว่าต่อไปเธอคงมองผมเหมือนกับเป็นอสรพิษ ผมต้องการเจอเธอมันจะยิ่งยากขึ้นไปอีก”