ตอนที่ 506 กลัวจนปอดแหก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ช่างเป็นถนนที่แคบเสียจริง ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับพวกเขาที่นี่

“นายท่าน หยกวิญญาณนั่นพวกเราไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว ท่านปล่อยพวกเราไปเถอะนะ”

“ใช่แล้ว! โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”

เสียงของคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “คิดจะมีชีวิตรอดออกไปรึ ? หึ! เป็นไปไม่ได้”

ในตอนนี้เอง เสียงที่เกียจคร้านเสียงหนึ่งลอยมา “หืม ? พวกเจ้ามิใช่ผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่ข้าหรอกรึ ? ช่างบังเอิญเสียจริง! นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบพวกเจ้าที่นี่  แล้วเจ้าผู้เฒ่าเหล่านั้นเล่า คงไม่เสร็จไปแล้วกระมัง!” สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ล้วนแต่มีบุคคลระดับมหาจักรพรรดิผ่านมาผ่านไป พวกเขานั้นไม่ได้พบเงาร่างของผู้นำที่สามของฝ่ายสู้รบเลย

ด้วยการที่พลังวิญญาณของนางปกคลุมไปทั่วพื้นที่แห่งนั้น หากมีผู้อื่นที่อยู่รอบด้าน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะสัมผัสไม่ได้

การที่ได้ฝึกพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งในดาวสัตว์วิญญาณนั้น สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แล้วในตอนนี้

ดวงตาของคนจากหุบเขาหมอเทวดาหรี่ลงอย่างฉับพลัน เงาสตรีชุดม่วงที่สะท้อนอยู่ในตาของพวกเขาเป็นปีศาจในฝันร้ายของพวกเขาจริง ๆ

มู่เฉียนซีมีดพันเล่มนั้นกลับกล้าที่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา คงมิเป็นเพราะว่ามีชายผู้นั้นอยู่ด้วยกระมัง

สายตาของพวกเขาเริ่มฉายแววสับสนออกมา และรวบรวมสมาธิกวาดตามองหาไปรอบด้าน คิดที่จะสัมผัสความรู้สึกดูว่าจิ่วเยี่ยผู้น่ากลัวอยู่ใกล้ตัวมู่เฉียนซีหรือไม่

แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขานั้นไม่ใช่มนุษย์แล้ว เมื่อนึกถึงตรงนี้ พวกนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าหากเขาจะหลบซ่อนขึ้นมาก็ไม่สามารถที่จะมองออกได้

ถึงแม้ว่าจะอดไม่ได้ที่จะจับมู่เฉียนซีมัดและสับเป็นหมื่นชิ้น แต่ทั้งมือและเท้าของพวกเขาแต่ละคนกลับไม่กล้าขยับเลยแม้แต่น้อย

เจ้าพวกนี้ก็ขี้ขลาดไปหน่อยกระมัง!

ถ้าหากว่าพวกเขานั้นรู้ถึงสิ่งที่มู่เฉียนซีคิดจะกระทำอยู่ในใจ จะต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอน มิใช่ว่าพวกเขาขี้ขลาด แต่พวกเขาถูกบุรุษผู้ที่เหมือนดั่งเทพมารซิวหลัวทำให้กลัวจนหัวหดไปแล้วต่างหาก มู่เฉียนซีเดินเข้าไปหาหินวิญญาณก้อนใหญ่ก้อนนั้นที่อยู่ตรงหน้า พลังวิญญาณของหินวิญญาณก้อนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่เสียทีที่เป็นสิ่งล้ำค่าของหอฉงโหลวบนเมฆา

“พวกเจ้าต้องการหินวิญญาณนี้หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะเป็นคนของสำนักนิกายครึ่งระดับแห่งทวีปเซี่ยโจว สามารถเข้ามาได้ถึงชั้นที่สองได้ ถือว่ามีความสามารถและโชคดวงที่ไม่เลวเลย

พวกเขากล่าวตอบ “ไม่ต้องแล้ว มันเป็นของท่านแล้วผู้นำตระกูลมู่” พวกเขานั้นวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว หากไม่หนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะรอให้พวกหุบเขาหมอเทวดาจอมเสแสร้งมาฆ่าปิดปากหรือไร ?

สำหรับคนของหุบเขาหมอเทวดานั้น มู่เฉียนซีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะถามพวกเขาแล้ว รีบเก็บเอาหยกวิญญาณนั้นไปก่อนค่อยว่ากัน

กล้วยที่เข้าปากแล้วกลับหลุดลอยออกไปเช่นนี้  ผู้ที่แย่งชิงมันไปยังเป็นศัตรูคู่แค้นของตนอีกด้วย นี่มันช่างทำให้อดไม่ไหวเสียจริง!

คนเหล่านี้ของหุบเขาหมอเทวดากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา “เจ้า… เจ้าอย่าได้ใจให้มันมากไปนัก นี่เป็นสิ่งที่พวกเราพบเจอก่อน เช่นนั้นมันก็ถือว่าเป็นของพวกเรา”

มู่เฉียนซีแค่นเสียงกล่าวขึ้น “ข้าไม่สน ข้าจะทำตัวให้มากเกินไป จะแย่งของของพวกเจ้ามา พวกเจ้าจะทำไม ?”

“ก็มาเซ่! หากพวกเจ้าโกรธละก็ ลงมือกับข้าเลยสิ! ตอนนี้ข้าเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับเจ็ดเท่านั้น จะอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้ามิใช่หรือ ?” มู่เฉียนซีกล่าวยั่วยุ

“เจ้า… เจ้าตั้งใจยั่วยุให้พวกเราลงมือ พวกเรานั้นไม่ติดกับเจ้าอย่างแน่นอน”

“ใช่! ไม่มีทางติดกับแน่”

หากว่าพวกเขาลงมือ ชายผู้ที่เป็นดั่งเทพมารซิวหลัวผู้นั้นก็จะปรากฏตัวขึ้นและจัดการพวกเขา ถึงตอนนั้นแม้สถานที่ที่จะให้ร้องไห้ออกมาก็ยังไม่มี

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ยังกล้ามาพูดอีกว่าพวกเจ้าเป็นลูกศิษย์แห่งหุบเขาหมอเทวดาที่เป็นสำนักนิกายระดับสอง ความใจกล้านั้นมีน้อยนิดดั่งใจหนู หากพูดออกไปก็น่าละอาย  พวกเจ้ายอมฆ่าตัวตาย ณ ที่แห่งนี้เสียเถอะ จะได้ไม่ต้องให้หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้าขายหน้า”

มู่เฉียนซีก้าวเท้ามาที่ด้านหน้าของพวกเขาอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาเพียงไม่กี่คนเพียงแค่ขยับนิ้วก็สามารถที่จะปลิดชีพนางได้ แต่ทว่าบนหน้าของนางนั้น ไม่ได้ปรากฏร่องรอยของความหวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

“เจ้า… เจ้ากล้าดูถูกข้า ข้าจะทำให้เราตายไปด้วยกัน!”

คนของหุบเขาหมอเทวดานั้นหยิ่งผยองนัก และพวกเขายังเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิ พวกเขาไม่ยอมให้เด็กสาวผู้หนึ่งมากล่าววาจาดูถูกเป็นแน่

เมื่อมีผู้ที่จะระเบิดความโกรธขึ้นมา เหล่าสหายของเขาก็ได้เข้ามาดึงเขาเอาไว้แล้วกล่าวขึ้น “ใจเย็นก่อน ศิษย์พี่ต้องใจเย็นเข้าไว้ มิเช่นนั้นแล้วพวกเราทั้งหมดล้วนต้องตายสิ้น!”

“ใช่แล้ว! ใช่ ๆ ๆ”

พวกเขานั้นหวาดกลัวอยู่ในใจ สุดท้ายแล้วมู่เฉียนซีเฉียดกายเข้าไปใกล้พวกเขา แต่พวกเขานั้นไม่มีความกล้าที่จะลงมือกับนาง

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยาที่มู่เฉียนซีมีอยู่ทั้งหมดถูกปล่อยออกไป

พวกเขานั้นเป็นยอดฝีมือระดับมหาจักรพรรดิที่ห่างชั้นกับนางไม่รู้ตั้งกี่ระดับ พวกเขามิเพียงไม่กล้าลงมือทำอะไรนาง อีกทั้งยังไม่ได้ป้องกันตัวจากนางด้วย  แต่นางต้องพยายามโจมตีด้วยแรงทั้งหมดที่มีถึงจะได้ผล

พวกเขาไม่ได้ป้องกันตัวกับมู่เฉียนซีจริง ๆ ถ้าหากว่ามู่เฉียนซีต้องการที่จะฆ่าพวกเขาจริง ๆ  ก็แค่เพียงเปิดปากเอ่ยกับเทพมารซิวหลัวผู้นั้นให้ดีดนิ้วจัดการก็ได้แล้ว เหตุใดจึงต้องมายุ่งยากเช่นนี้

แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็ได้ลงมือไปแล้วจริง ๆ  เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปปักอยู่บนร่างกายของพวกนั้น ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้มีสภาพที่เหมือนดั่งรังผึ้ง

“อ๊ากกกก!”

ถึงแม้ว่าเข็มยานั้นจะเป็นเข็มเล็กเรียว แต่ถ้าหากถูกปักเข้าไปบนร่างกาย มันจะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก

ใบหน้าของพวกเขาบูดบึ้งแล้วในเวลานี้ “เจ้า… หากว่าเจ้าต้องการที่จะสังหารพวกเรา ก็สามารถให้ท่านผู้ยิ่งใหญ่ผู้นั้นจัดการก็ได้ เหตุใดจึงต้องมาทรมานพวกเราเช่นนี้ด้วย ? คิดจริงหรือว่าข้าไม่กล้าลงมือ ? ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วข้าจะต้องตายไปกับเจ้าก็ตามที”

มู่เฉียนซีกล่าวโต้ด้วยเสียงอันดัง “มีจิ่วเยี่ยของข้าอยู่ เกรงว่าโอกาสที่เจ้าจะได้ตายไปพร้อมกับข้านั้นคงจะไม่มีหรอก  เหอะ! พวกเจ้าเป็นลูกผู้ชายเสียเปล่า นี่ก็เพียงแค่ฝังเข็มหรือฉีดยาเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย”

มู่เฉียนซีฝังเข็มลงไปบนร่างของพวกเขาหลายเข็ม พวกเขานั้นได้แต่ลืมตามองมู่เฉียนซีดึงเอาเข็มยาอันล้ำค่าของนางกลับไป หลังจากที่เก็บเข็มยาไปหมดแล้ว ก็ได้หันหลังจากไป

เมื่อเดินมาได้สักระยะหนึ่ง มู่เฉียนซีก็หันหลังกลับมามอง มุมปากของนางพลันปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “โอ้! ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป มิติของหอฉงโหลวบนเมฆานั้นมีความซับซ้อนอยู่บ้าง ข้าแยกกับจิ่วเยี่ยตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีเพียงข้าตัวคนเดียวเท่านั้น ที่จริงแล้วพวกเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้โดยง่าย”

ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านั้นมองดูที่ตัวนางแล้วหันมามองพวกพ้องของตน นั่นคงเป็นการหลอกลวงกันกระมัง!

ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! สตรีผู้นี้เหมือนกำลังหลอกล่อให้ลงมือ จากนั้นก็หาข้ออ้างให้บุรุษน่ากลัวผู้นั้นฆ่าสังหารพวกเขาเสีย

“มู่เฉียนซี หากเจ้าจะไปก็รีบไปซะ พวกข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก”

“มู่เฉียนซี เจ้าเลิกหวังเสียเถอะ!” “ไปได้แล้วไป๊!…”

ในตอนนี้เองที่มู่เฉียนซีสามารถเข้าใจได้ถึงความรู้สึกของเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน  อะไรกัน ?! ในปีนี้นางจะสามารถพูดเรื่องจริงให้ผู้อื่นเชื่อไม่ได้เลยหรือ ?

อันที่จริงเครื่องกลไกลวิญญาณนั้นคอยติดตามดูเรื่องแสนสนุกอยู่ มาตอนนี้มู่เฉียนซีถึงคราวอับจนหนทางแล้ว มันจึงได้ช่วยมู่เฉียนเล็กน้อยด้วยความหวังดี

อย่างไรเสียเมื่อครู่นี้ก็มีคนทำให้ยายเฒ่าผู้นี้โกรธเกรี้ยวไปแล้ว

เครื่องกลไกวิญญาณกล่าวขึ้น “ที่แห่งนี้มีเพียงแค่พวกเจ้าไม่กี่คน ไม่ได้มีผู้อื่นอยู่ด้วย ที่กลางป่าพวกเจ้าสามารถต่อสู้กันได้อย่างอิสระ หากบาดเจ็บหรือมีการตายก็จงรับผิดชอบกันเอาเอง ผู้ชนะจะมีรางวัลให้” เหล่าศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาล้วนตะลึงตาค้าง “นะ… นั่น… นั่นเป็นเสียงของเครื่องกลไกวิญญาณ”

“ชายชุดดำน่ากลัวผู้นั้นไม่ได้อยู่ด้วยจริง ๆ”

“เครื่องกลไกของหอฉงโหลวบนเมฆานั้นควบคุมทุกสิ่งในหอฉงโหลวบนเมฆา แน่นอนว่าจะต้องรู้จักที่แห่งนี้เป็นอย่างดี”

“แล้วถ้าหากว่าหอฉงโหลวบนเมฆาหลอกพวกเราเล่า จะทำเช่นไร ?”

“หึ! เครื่องจักรกลไกที่ยิ่งใหญ่เช่นข้าจะหลอกพวกเจ้ารึ ? หากว่าพวกเจ้าไม่เชื่อวาจาข้าผู้ยิ่งใหญ่ละก็ ข้าสามารถโยนพวกเจ้าเข้าไปในมิติแห่งความแตกร้าวเพื่อให้ไปชมบรรยากาศได้” เครื่องกลไกวิญญาณกล่าวอย่างพิโรธ

คราวนี้พวกเขานั้นเชื่อจริง ๆ แล้ว

ในเมื่อเวลานี้บุรุษชุดดำน่ากลัวผู้นั้นไม่อยู่ พวกเขาที่เป็นบุคคลระดับมหาจักรพรรรดิตั้งหลายคนจะไปกลัวที่จะจัดการกับเด็กสาวที่เป็นเพียงแค่บุคคลระดับราชาแห่งภูตได้อย่างไร ?!

สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นโหดร้ายขึ้นมาทันที ในที่สุดเวลาแห่งการแก้แค้นก็มาถึงแล้ว

.