บทที่ 1055 ลูกน้องคนสนิทเชียวนะ! โดย Ink Stone_Fantasy
ในตอนนี้ พ่อบ้านหลิวหรงกล่าวเตือนเล็กน้อย ฮวาหูเตี๋ยรีบทำความเคารพทันที
“ไม่ต้องมากพิธี!” โค่วเหมี่ยนยิ้มบางๆ หันตัวนั่งลงหลังโต๊ะหนังสือ แล้วยื่นมือกล่าวว่า “นั่งลงคุยกัน!”
ท่าทีอ่อนโยนเข้ากับคนง่าย ดูเหมือนไม่มีมาด แต่ความเป็นจริงสำหรับคนบางคน การไม่วางมาดต่างหากที่เป็นการมีมาดมากที่สุด เป็นเพราะฐานะของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป ต่อให้เขาไม่วางมาดกับเจ้า แต่เจ้าก็ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร สามารถได้รับชื่อเสียงดีๆ โดยไม่ล่วงเกินคนอื่น ทั้งยังทำให้คนอื่นเป็นฝ่ายมองขึ้นมาอย่างเคารพนอบน้อม แบบนั้นต่างหากที่เรียกว่ามีมาดของจริง มีมาดโดยไม่ต้องวางมาด
ฮวาหูเตี๋ยนั่งลงด้วยความเคารพนบนอบ ในใจสงสัยนิดหน่อยว่าคุณชายสามตระกูลโค่วท่านนี้เรียกหาตนด้วยธุระอะไร ตามหลักการแล้วนางไม่สะดวกจะที่ติดต่อกับตระกูลโค่วโดยตรง ถ้าไม่ใช่เพราะเบื้องบนเรียกพบ ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมาปรากฏตัวในจวนอ๋องสวรรค์โดยตรง
โค่วเหมี่ยนยิ้มน้อยๆ พออ้าปากพูดก็เอ่ยสื่อถึงความหมายนี้ “เจ้าเป็นคนในสังกัดของผู้เฒ่าถัง ตามหลักการแล้วข้าไม่มีสิทธิ์จะถามอะไรเจ้า แต่ในเมื่อสามารถเรียกให้เจ้ามาได้แล้ว คาดว่าในใจเจ้าก็คงจะเข้าในเช่นกัน เจ้าวางใจได้ เรื่องที่ไม่ควรถามข้าก็จะไม่ถามเยอะ ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากใจหรอก”
“ค่ะ!”ฮ วาหูเตี๋ยพยักหน้าเบาๆ “ผู้น้อยได้ยินที่กำชับแล้ว”
“งั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว” โค่วเหมี่ยนเอ่ยถามตรงประเด็น “ได้ยินว่าเจ้ารู้จักหนิวโหย่วเต๋อ?”
“หนิวโหย่วเต๋อ?” ฮวาหูเตี๋ยงงไปชั่วขณะ แล้วถามหยั่งเชิงว่า “คุณชายสามถามถึงหนิวโหย่วเต๋อที่ได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้หรือคะ?”
“เป็นเขานั่นแหละ!” โค่วเหมี่ยนพยักหน้า
“เคยพบเพียงครั้งสองครั้ง ที่จริงแล้วไม่เคยคุยกัน ไม่นับว่ารู้จักกันสักเท่าไรค่ะ” ฮวาหูเตี๋ยตอบอย่างซื่อสัตย์ แต่ในใจกลับพึมพำว่าถามถึงหนิวโหย่วเต๋อไปทำไม?
พอพูดถึงหนิวโหย่วเต๋อคนนี้ หลังจากได้ทราบข่าวในใจนางก็รู้สึกสะเทือนอารมณ์เช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบของตำหนักสวรรค์ได้ คนที่ไม่ธรรมดาถึงจะสามารถทำเรื่องที่ไม่ธรรมดาออกมาได้
โค่วเหมี่ยนรู้สึกฉงนในใจ ไม่เคยบอกกล่าวอะไรด้วยซ้ำ แบบนั้นหมายความว่าอะไร ผู้เฒ่าถังอยากให้ตนถามอะไร แต่ในเมื่อผู้เฒ่าถังบอกแล้วว่าสามารถใช้งานได้ นั่นก็แสดงว่ามีสาเหตุเช่นกัน ถึงได้อดทนเอาไว้ ถามว่า “เจ้ารู้สึกว่าหนิวโหย่วเต๋อคนนั้นเป็นอย่างไร?”
ฮวาหูเตี๋ยเผยสีหน้าลังเล คิดในใจว่านั่นเป็นลูกน้องของลูกชายท่าน ลูกชายท่านจะไม่รู้จักเขาดีว่าข้าหรอกเหรอ? ถามหยั่งเชิงว่า “คุณชายสามหมายถึงในด้านไหนคะ?”
โค่วเหมี่ยนมองพ่อบ้านหลิวหรงพร้อมยิ้มให้ หลิวหรงกล่าวต่อทันที “ไม่ต้องระมัดระวังตัวมากเกินไป พูดมาได้เลย พูดสิ่งที่เจ้ารู้”
“ค่ะ!” ฮวาหูเตี๋ยพยักหน้า ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างลังเลว่า “ข้าไม่ได้คลุกคลีอยู่กับคนคนนี้สักเท่าไร และเคยพบแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่ความสามารถที่แสดงออกมาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบติดเลยจริงๆ ถึงแม้วรยุทธ์จะไม่สูง แต่ก็กล้าหาญเจ้าแผนการ มีความกล้าเกินคนทั่วไป มีไหวพริบรู้จักพลิกแพลง มีความเด็ดขาดและปณิธานในการทำงานมาก ทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ เป็นอัจฉริยบุรุษจริงๆ!”
“อ้อ! ประเมินได้สูงถึงขนาดนี้เชียว!” โค่วเหมี่ยนตกตะลึงและประหลาดใจมาก ถามอย่างเกิดความสนใจทันที “ในเมื่อเจ้าไม่สนิทกับขา ไม่เคยคุยกันแม้แต่คำเดียว แล้วทำไมจึงประเมินเขาสูงขนาดนี้?”
“เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ…” ฮวาหูเตี๋ยบรรยายเหตุการณ์ที่เจอกับพวกเหมียวอี้ครั้งแรกอย่างละเอียด บอกว่าตอนนั้นมองไม่ออกว่าเหมียวอี้มีจุดไหนพิเศษ จนกระทั่งเหมียวอี้บุกเข้าไปที่ป่าลืมทุกข์เพียงลำพัง ตอนนี้ถึงจะเป็นจุดที่เน้นความสำคัญ
ได้ยินว่าเหมียวอี้อาศัยวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่งไปเสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เคยเห็นและไม่รู้จักปานเยว่กงกับภรรยามาก่อน เขาใช้คำพูดปลุกปั่นหยั่งเชิงจุดอ่อนของสามีภรรยาได้อย่างฉลาดหลักแหลม แล้วก็ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งมากดดับปานเยว่กงกับภรรยา รับมือกับปานเยว่กงที่กำลังขู่ฆ่าอย่างสงบเยือกเย็น ใช้ชิงเหมยมาควบคุมปานเยว่กง เก็บนักพรตบงกชทองขั้นเก้ากับนักพรตบงกชทองขั้นห้ามาไว้ให้ตัวเองใช้งาน ให้มาเป็นกำลังส่วนหนึ่งของตัวเองสำหรับการทดสอบ
โค่วเหมี่ยนกับพ่อบ้านหลิวหรงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิกลั่ก เขาให้ไปจับตัวนักโทษหลบหนี แต่เจ้าหนุ่มนั่นกลับอาศัยบีบจุดอ่อนของนักโทษหลบหนีเพื่อเกลี้ยกล่อมให้นักโทษหลบหนีช่วยตนจับตัวนักโทษหลบหนี ในขณะที่ใช้กลยุทธ์ดึงมาเป็นพวก ก็แสดงฝีมือกับความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญออกมาจนหมด มีทั้งความกล้าและกลยุทธ์ ห้าวหาญเกินใคร!
ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนนี้ ทั้งสองก็สามารถจินตนาการได้ว่าเหมียวอี้โดนกดดันจนหมดทางเลือกถึงได้ทำอย่างนั้น โค่วเหวินหลานใช้ทรัพยากรของตระกูลโค่วได้ไม่เยอะ แรงสนับสนุนมีจำกัด มีสมาชิกอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เหมือนลูกน้องของโค่วเหวินหวงที่ใช้ทรัพยากรของตระกูลโค่วและติดต่อกลุ่มคนที่สถานที่ไร้ชีวิตให้ช่วยเหลือ แล้วพวกเหมียวอี้ก็วรยุทธ์ต่ำ ถ้าอยากจะจับเมียของนักพรตบงกชทองขั้นเก้าจะไม่ลำบากได้อย่างไร อีกฝ่ายไม่สู้ตายกับเจ้าก็แปลกแล้ว แต่หนิวโหย่วเต๋อคนนี้กลับใช้วิธีการตรงกันข้ามสยบสองสามีภรรยาไว้พร้อมกันเสียเลย ทำให้คนรู้สึกทึ่งและชื่นชมจริงๆ
จากนั้นฮวาหูเตี๋ยก็เล่าสถานการณ์ที่รู้ตอนที่ติดต่อกับชิงเหมยในตอนหลังอีก หลังจากปานเยว่กงและภรรยาออกไปแล้ว นางก็กังวลนิดหน่อยว่าเหมียวอี้จะใช้วิธีการล่อสองสามีภรรยาออกจากถ้ำแล้วค่อยลงมือฆ่าหรือ แต่คาดไม่ถึงว่าจะได้ทราบข่าวจากปากชิงเหมย ว่าเหมียวอี้ไม่เพียงแค่ไม่กลืนคำพูดตัวเอง แต่ยังนำเกราะรบผลึกแดงที่โค่วเหวินหลานมอบให้ส่งต่อให้ปานเยว่กงไว้ปกป้องตัวเองอย่างใจกว้างและเด็ดเดี่ยว มอบทางหนีทีไล่ให้สองสามีภรรยา ทำให้สองสามีภรรยายอมสวามิภักดิ์อย่างถึงที่สุด และตั้งแต่นั้นมาทั้งสองก็เริ่มตัดสินใจช่วยเหลือเหมียวอี้ด้วยความจริงใจ
ส่วนเรื่องตอนซ่อนตัวที่ดาวสองขั้ว ชิงเหมยไม่ได้เอ่ยถึงสักเท่าไร ตอนนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของทุกคน ถ้าให้คนอื่นหาพบก็จะเกิดปัญหายุ่งยากมาก นางย่อมไม่ได้บอกฮวาหูเตี๋ยเช่นกัน
หลังจากได้ฟังเรื่องราวก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ โค่วเหมี่ยนก็ใช้นิ้วทั้งห้าเคาะผิวโต๊ะเบาๆ ราวกับความรู้สึกนึกคิดกำลังตกอยู่ในภาพเหตุการณ์ที่ฮวาหูเตี๋ยชี้แจ้งอย่างละเอียด หลังจากได้สติกลับมา เขาก็หยุดเคาะโต๊ะ แล้วถามพร้อมรอยยิ้มว่า “ยังมีอย่างอื่นอีกมั้ย? มีเท่านี้เหรอ?”
“คลุกคลีกันไม่เยอะจริงๆ เรื่องนี้ทราบจึงมีเพียงเท่านี้ ที่มากกว่านั้นก็ได้ยินเรื่องที่เขาได้อันดับหนึ่งในการทดสอบของตำหนักสวรรค์ ในด้านนี้คาดว่าคุณชายสามคงจะรู้ชัดกว่าข้า” ฮวาหูเตี๋ยตอบ
“รบกวนแล้ว!” โค่วเหมี่ยนพยักหน้ายิ้ม จากนั้นก็บอกใบ้พ่อบ้านหลิวหรง หลิวหรงนำแหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งส่งให้ฮวาหูเตี๋ยทันที นับว่าเป็นการให้รางวัล
ฮวาหูเตี๋ยรู้ว่านี่เป็นการส่งแขกแล้ว ถึงได้ยืนขึ้นแล้วกล่าวอำลา หลิวหรงออกไปส่งด้วยตัวเอง
ตอนที่กลับมาอีกครั้ง ก็เห็นโค่วเหมี่ยนเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ หลิวหรงจึงรายงานว่า “คุณชายสาม ส่งตัวไปแล้วขอรับ”
โค่วเหมี่ยนพยักหน้าสื่อว่ารู้แล้ว จากนั้นก็ยืนถอนหายใจอยู่หน้าชั้นหนังสือ “เดิมทีนึกว่าหนิวโหย่วเต๋อคนนั้นเชี่ยวชาญแค่เรื่องการค้าอย่างเดียว พอมาดูตอนนี้แล้ว สงสัยการที่เขาสามารถผลักดันร้านขายของชำซื่อตรงขึ้นมาได้จะไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผล คนที่มีพร้อมทั้งความกล้าหาญและสติปัญญาทั้งยังรู้จักพลิกแพลงแบบนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถยืนหยัดตั้งมั่นได้ ไม่แปลกใจที่ผู้เฒ่าถังตั้งใจแนะนำเป็นพิเศษ มีคนแบบนี้อยู่ข้างกายเหวินหลาน ในอนาคตต้องช่วยเหลือเหวินหลานได้มากแน่นอน มีคนคนนี้ช่วยเหลือเหวินหลาน จะมีประโยชน์กับเหวินหลานมาก!”
ในตอนนี้ พ่อบ้านหลิวหรงกล่าวเตือนเล็กน้อย ฮวาหูเตี๋ยรีบทำความเคารพทันที
ตรงนี้เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงดีอกดีใจของซูฮวนแหนียงดังมา เหมือนอยากจะให้คนทั้งจวนอ๋องสวรรค์รู้กันหมด
หลิวหรงเงี่ยหูฟัง แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “นายน้อยกลับมาแล้วขอรับ!”
“ให้เขามาที่นี่หน่อย” โค่วเหมี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลิวหรงออกไปบอก ผ่านไปไม่นาน ซูฮวนแหนียงกับโค่วเหวินหลานก็มาพร้อมกัน แม่กับลูกชายอารมณ์ดีทั้งคู่ ได้พบเจอเรื่องดีๆ ก็ย่อมสบายอกสบายใจ
หลังจากโค่วเหวินหลานคำนับแล้ว โค่วเหมี่ยนก็โบกมือบอกซูฮวนแหนียงว่า “เจ้าออกไปก่อน”
“ทำไมล่ะ?” ซูฮวนแหนียงที่ไม่ว่าจะมองลูกชายตัวอย่างไรก็ถูกชะตาพลันหุบยิ้ม แล้วถามอย่างหงุดหงิดว่า “จะพูดเรื่องน่าอายอะไรที่ข้าฟังไม่ได้?”
“เรื่องระหว่างผู้ชาย พวกผู้หญิงอย่าเข้ามายุ่งเลย” โค่วเหมี่ยนกล่าว
ซูฮวนแหนียงถลึงตาถาม “หมายความว่ายังไง?”
โค่วเหมี่ยนตอบว่า “ไม่ได้หมายความว่าอะไร แต่ด้วยปากอย่างเจ้า เรื่องที่ควรพูดหรือไม่ควรพูดเจ้าก็เผยแพร่จนคนรู้กันทั้งใต้หล้า ข้ากลัวเจ้าแล้วตกลงมั้ย?”
“กรี๊ด!” ซูฮวนแหนียงร้องกรี๊ด แล้วแล้วเริ่มยกความผิดมาบ่นด่าทีละข้อ
ผู้ชายสามคนที่อยู่ตรงนั้นรู้ว่าต้องรับมือกับนางอย่างไร ปล่อยให้นางพูดให้เต็มที่ สรุปก็คือไม่เถียงกลับเลย แต่ละคนยืนเงียบไม่สะทกสะท้าน รอให้นางระบายอารมณ์โกรธเสร็จแล้ว ก็เดินกระฟัดกระเฟียดจากไปอย่างที่คาดไว้
เมื่อผู้หญิงปากมากเดินออกไปแล้ว โค่วเหมี่ยนก็ถอนหายใจ มองลูกชายพร้อมถามด้วยรอยยิ้มว่า “คงไม่ต้องให้ข้าพูดหรอก แม่เจ้าคงบอกเจ้าแล้วใช่มั้ย?”
โค่วเหวินหลานพยักหน้ายิ้มอย่างเอียงอาย
โค่วเหมี่ยนบอกว่า “หลังจากไปฟังที่ท่านลุงใหญ่ของเจ้าเตรียม รีบไปมอบหมายงานที่ดาวเทียนหยวนไว้แต่เนิ่นๆ เถอะ อย่าลืมพาลูกน้องที่ชื่อหนิวโหย่วเต๋อคนนั้นไปด้วย ราชันสวรรค์มีเจตนาชัดเจนแล้ว มีลูกน้องที่ใช้งานได้ไว้หลายๆ คนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย”
“ขอรับ! ย่อมต้องพาหนิวโหย่วเต๋อไปด้วยอยู่แล้ว ที่ได้อันดับหนึ่งในครั้งนี้ ไม่อาจละเลยผลงานของเขาได้ ส่วนอีกสองคนข้าก็จะพาไปด้วยเหมือนกัน เออใช่ ท่านพ่อ พอพูดถึงหนิวโหย่วเต๋อ ข้านึกได้ว่าเขาขอร้องข้าเรื่องหนึ่ง ข้ารับปากเขาไปแล้ว หวังว่าท่านพ่อจะช่วยให้สมปรารถนา!” โค่วเหวินหลานเล่าเรื่องที่เหมียวอี้ต้องการจะพลิกคดีของซูลู่เอ๋อร์ให้ฟังทันที
เมื่อได้ยินดังนั้น โค่วเหมี่ยนกับหลิวหรงก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม
เมื่อเห็นทั้งสองยิ้มแปลกๆ โค่วเหวินหลานก็ถามอย่างประหลาดใจทันที “ท่านพ่อ ยิ้มทำไมเหรอ หรือว่ามีอะไรไม่เหมาะสม?”
โค่วเหมี่ยนยิ้มอย่างเบิกบานใจยิ่งขึ้น ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าลูกน้องคนนั้นของเจ้ามีไมตรีจิตมิตรภาพ ทั้งยังพูดจาคำไหนคำนั้น มีคนแบบนี้อยู่ข้างกายเจ้าข้าก็วางใจ” เสร็จแล้วก็หันมาบอกข้างๆ ว่า “ผู้เฒ่าหลิว เรื่องนี้เจ้าไปจัดการด้วยตัวเองตามเห็นสมควรเถอะ รีบจัดการให้เหวินหลานให้เรียบร้อย เขาจะได้กลับไปให้คำตอบกับหนิวโหย่วเต๋อได้ ในเมื่อต้องการจะรับมาทำงานด้วย ก็ต้องให้ความสำคัญกับธุระของเขา ต้องทำให้เขาสวามิภักดิ์ ลูกน้องคนสนิทเชียวนะ!”
“ขอรับ!” หลิวหรงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อนนายน้อยจะกลับไปแน่นอน!”
ที่จวนอ๋องสวรรค์ในวันต่อๆ มา ความสุขสมหวังของของโค่วเหวินหลานกับความเงียบเหงาของโค่วเหวินหวงเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบที่เห็นได้ชัดเจน ทำเอากลุ่มหลานสาวของตระกูลโค่วมาเกาะแกะถามนั่นถามนี่ไปเรื่อยๆ…
ดาวเทียนหยวน ตลาดสวรรค์ พ่อค้าที่สัญจรไปมาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวันนี้ที่นอกประตูเมืองตะวันออกต่างจากปกติ มีทหารสวรรค์จำนวนมากมาดักอยู่ตรงนี้ แต่ละคนสวมเกราะรบโปร่งแสง ดาบทวนเรียงรายราวกับต้นไม้ในป่า ทำเอาผู้คนตกใจไม่กล้าเข้าออก คนที่มีความผิดอยู่ในใจพากันหลบเลี่ยงคมอาวุธ
คนกลุ่มนี้ย่อมรอต้อนรับการกลับมาของพวกเหมียวอี้อยู่แล้ว ตอนนี้พวกเหมียวอี้ได้อันดับหนึ่งจากการทดสอบ ข่าวที่ได้รางวัลจากราชันสวรรค์ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ข่าวแพร่ออกไปจนคนรู้กันหมดแล้ว ทางนี้เคยติดต่อกับพวกเหมียวอี้ จึงรู้ว่าวันนี้จะกลับมา ฉากต้อนรับยิ่งใหญ่อลังการมาก
บนหอประตูเมือง ผู้การสองหลันเซียงแห่งตำหนักคุ้มเมืองกำลังนั่งดื่มน้ำชาอย่างสงบอยู่ในตึก
ที่นางถูกเรียกว่าผู้การสอง ก็เป็นเพราะผู้การใหญ่อยู่ที่จวนท่านโหว อยู่ข้างกายท่านโหวเทียนหยวน ส่วนนางคอยรับใช้อยู่ข้างกายฮูหยิน ทำหน้าที่เป็นเหมือนพ่อบ้านของที่นี่
ไม่ง่ายเลยกว่าปี้เยว่ฮูหยินจะได้กลับจวนท่านโหวสักครั้ง เมื่อไปแล้วก็ต้องอยู่ที่นั่นสักระยะหนึ่ง ตัวนางยังไม่กลับมา แต่กลับส่งข่าวมาบอกผู้การสองหลันเซียง บอกให้นางมาต้อนรับพวกเหมียวอี้ด้วยตัวเอง ทั้งยังกำชับว่าห้ามเมินเฉยต้อนรับไม่ดี
สำหรับเรื่องนี้ ผู้การสองหลันเซียงเกิดความสงสัยในใจมาก ก็แค่ผู้บัญชาการเล็กๆ ใต้สังกัดคนเดียว จำเป็นต้องลดเกียรติลดฐานะตัวเองชนาดนี้เชียวเหรอ?
ถึงแม้จะสงสัยแต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามคำสั่ง!
…………………………