ตอนที่ 13 ข้อผูกมัดของสองเรา

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

“ทำไมนายมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ไป๋อวี่หายไปจ่ายค่ารักษาเสียนาน เขากลับมาที่ห้องผู้ป่วยและเจอเข้ากับโม่หันที่ยืนค้างไม่ยอมเข้าไปอยู่ด้านนอกพอดี เมื่อมองเข้าไปด้านใน ไป๋อวี่ก็เห็นเด็กสาวนอนอยู่อย่างสงบนิ่ง “เธอเป็นยังไงบ้าง” 

 

 

“เพิ่งฟื้นน่ะ ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่” 

 

 

ไป๋อวี่พบว่าท่าทีของอีกฝ่ายดูแปลกไปเล็กน้อย ทำหน้าดำคร่ำเครียด ไม่รู้ว่าไปหงุดหงิดอะไรมากันแน่ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเขาเป็นแบบนี้ ปกติแล้วเขามักจะรักษาสีหน้าสุขุมและยิ้มยาก ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดกำลังอะไรอยู่แม้กระทั่งเพื่อนที่รู้จักกันมานานถึงแปดปีอย่างไป๋อวี่ เขาจำครั้งสุดท้ายที่เห็นโม่หันแสดงสีหน้าอย่างนี้ออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ 

 

 

“ตกลงนายเป็นอะไรกับเด็กคนนี้กันแน่ ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลยล่ะ” ไป๋อวี่ถามขึ้น 

 

 

“ฉันเจอเธอเมื่อสองวันก่อน เธอมาตามหาฉันที่สำนักงานทั้งชุดคนไข้ เอาแต่ถามว่าเธอเป็นใครกับฉัน” พอนึกไปถึงครั้งแรกที่เจอกัน โม่หันก็หลุดหัวเราะออกมา 

 

 

ไป๋อวี่ตกอยู่ในอาการงุนงงขณะเงยหน้ามอง “นายหมายความว่าไงน่ะ” 

 

 

เขาเอ่ยขึ้น “เธอความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลย เมื่อเดือนก่อนฉันมาทำธุระที่โรงพยาบาลนี้เลยตกกระไดพลอยโจนมาช่วยส่งเธอไปรักษาและจ่ายเงินค่ารักษาให้ พอเธอฟื้นขึ้นมาก็เลยมาตามหาฉันตามชื่อที่อยู่ในใบเสร็จ แล้วก็ถามว่าฉันรู้จักเธอไหม” 

 

 

“นายออกเงินค่ารักษาให้เธอเหรอ” ไป๋อวี่แทบไม่เชื่อว่าทนายใจดำอย่างเขาจะใจกว้างได้ขนาดนี้ 

 

 

“หัวหน้าครอบครัวจากตระกูลลู่ใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายที่นี่น่ะ ฉันมาทำพินัยกรรมให้เขา ส่วนเธอนอนหมดสติอยู่หน้าโรงพยาบาล มีคนมุงเต็มไปหมด ฉันขับรถเข้าไปไม่ได้เลยให้หลิวจื้อหย่วนไปช่วยส่งตัวเธอเข้าไปรักษาและออกเงินให้แบบไม่มีทางเลือก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงฉันก็เป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้” 

 

 

ไป๋อวี่ยกยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นนายก็หมายความว่านายเป็นผู้มีบุญคุณของเธอน่ะสิ” 

 

 

เขาวางแขนลงบนไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวอย่างล้อเลียน “แล้ว… ที่เธอมาตามหานายนี่… เพราะอยากจะเสนอตัวให้นายเหรอ” 

 

 

โม่หันปัดมือเขาออก “นายอยากให้ฉันเรียกนักเขียนมาสักคนไหม” 

 

 

“หา?” 

 

 

โม่หันพูดเสียงหนัก “เก็บจินตนาการของนายเอาไว้ใช้เขียนนิยายเถอะ” 

 

 

พวกเขาพูดคุยกันอยู่ด้านนอกโดยไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้เด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงกำลังพยายามลุกขึ้น อาการชาที่แผลบนหน้าท้องคลายลงเล็กน้อยทำให้เริ่มรู้สึกเจ็บ แต่เพราะไม่อยากนอนเป็นผักอยู่บนเตียงอย่างที่เป็นมาตลอดเดือนอีกแล้ว เธอเลยพยายามลุกขึ้นเดิน เมื่อเด็กสาวเห็นชายสองคนอยู่ด้านนอก เธอก็ผลักประตูออกไปและทิ้งตัวพิงกับกรอบประตู 

 

 

“คุณพาฉันกลับไปด้วยได้ไหมคะ” เธอเอ่ยถามโม่หันที่ยืนอยู่อีกด้าน 

 

 

เขาหันหน้ากลับมามองเธอ เพิ่งสังเกตว่าเธอลุกออกมาจากเตียงแล้ว “คุณลุกขึ้นมาทำไม” 

 

 

“ฉันเกลียดโรงพยาบาล อยากออกไปแล้ว” 

 

 

ชายหนุ่มทำหน้าดุ “หมอบอกว่าร่างกายของคุณยังไม่หายดี คุณยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้” 

 

 

เด็กสาวหัวเราะ “ฉันจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ ฉันไม่มีเงินเลยสักหยวนเดียว จะเอาอะไรไปจ่ายค่ารักษาล่ะ” 

 

 

เขากล่าว “ผมจ่ายให้คุณแล้ว คุณอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดีเถอะ” 

 

 

ไป๋อวี่หันมามองเขาตาขวาง คิดในใจ ฉันต่างหากล่ะที่เป็นคนออกเงิน 

 

 

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มท่าทางเย็นชาคนนี้ถึงพูดเหมือนกับจำเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ได้ ตอนนั้นเขาทำเหมือนไม่อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอสักนิด ทำไมแค่ไม่กี่วันถัดมา เขาถึงได้มาเลี้ยงข้าวและยังจ่ายเงินค่ารักษาให้เธออีก 

 

 

“อย่าเปลืองเงินคุณเลยค่ะ ไม่จำเป็นหรอก ฉันสบายดีค่ะ” 

 

 

เขาหัวเราะ “คุณจะออกไปตอนนี้เหรอ นี่มันตีสามแล้วนะ คุณจะไปไหน เดินไปเรื่อยๆ ตามถนนเหรอครับ” 

 

 

“ไปไหนก็ได้ค่ะ ฉันแค่ไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาลนี่” 

 

 

ไป๋อวี่มองคนทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันอยู่ แต่เขาก็พูดขัดอะไรขึ้นมาไม่ได้ พอจะเปิดปากห้าม โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นก่อน เป็นเรื่องด่วนที่เขาต้องรีบกลับไปจัดการ 

 

 

เขาวางสายเงียบๆ มองบรรยากาศตึงเครียดระหว่างคนทั้งคู่ “ฉันอยู่กับพวกนายนานเกินไปแล้ว ต้องไปแล้วล่ะ ไว้ค่อยเจอกันนะ”