ตอนที่ 1505 ผลของการทำผิดต่อหน้าปรมาจารย์ โดย Ink Stone_Fantasy
“ตอนนี้เจ้าพอใจหรือยัง? เฮ้ออ…พี่สาวคนนี้ไม่เคยปันแบ่งเสียอะไรขนาดนี้มาก่อน”
อวี้หานเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดขมขื่นประดับใบหน้า
เย่หยวนไม่อยากร่วมวงสนทนาด้วยนานนัก จึงกล่าวไปว่า
“ท่านประมุขโถงเดินทางมาเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ ควรจะมีเรื่องมากกว่านี้กระมัง? หนี้บุญคุณยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่งไม่คิดหยิบใช้คงน่าเสียดายแย่?”
อวี้หานหัวเราะครืนเสมือนได้กลิ่นกล้วยไม้ออกจากจมูก ขณะกล่าวว่า
“เจ้าเล่ห์และแยบยลนัก ข้าไม่สามารถซ่อนอะไรจากเจ้าได้เลย!”
เย่หยวนหาได้เอ่ยกล่าวอันใดคล้อยตามอีกฝ่าย เขาปิดปากเงียบรอให้อวี้หานเอ่ยกล่าวต่อเอง
“โถงโลหิตปรโลกของเราค้นพบซากโบราณสถาน แต่ช่างเลวร้ายยิ่งนัก เพราะมีเพียงผู้ที่อยู่ภายใต้ระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจลงไปเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพปีศาจอายุห้ามเกินหนึ่งพันปี ขณะที่จอมทัพปีศาจอายุห้ามเกินสามพันปี! ในเวลานี้บรรดาเหล่าเยาวชนระดับหัวกะทิมากมายของเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะมารวมตัวพร้อมกันที่นั่นแล้ว ส่วนเมืองหลวงคาโปนของเรามีเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปได้ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเจ้า!”
อวี้หานกล่าว
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“นั้นคือเหตุผลที่ท่านแนะนำข้ากับไคซินให้จัดกานประลองเป็นตายขึ้นอย่างลับๆ? เพื่อต้องการดูว่าใครกันที่มีคุณสมบัติเข้าไปยังซากโบราณสถาน?”
อวี้หานยิ้มกล่าวว่า
“นี่คือผืนพิภพของผู้แข็งแกร่ง คนอ่อนแอ…มีแต่ต้องถูกกำจัดเท่านั้น!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็รู้สึกได้ว่า บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ปกครองที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ต่อหน้านาง บุคคลใดไม่มีค่าพอที่จะหาประโยชน์ได้อาจถูกนางโยนทิ้งได้ทุกเมื่อ
ซึ่งเขาเองก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในมือนางเท่านั้น
เย่หยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแสว่า
“เริ่มสำรวจเมื่อใด?”
อวี้หานกล่าวตอบว่า
“หนึ่งปีต่อจากนี้ ข้าจะมาหาเจ้าเอง เจ้ายังเหลือเวลาในการขัดเกลาฝึกปรือ ระหว่างนี้เว้นเรื่องศาสตร์แห่งโอสถไปก่อน แล้วใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง”
เย่หยวนพยักหน้าตอบเชิงว่าเข้าใจ
เขาในตอนนี้เริ่มคิดไตร่ตรองทันทีอย่างอดมิได้
การเดินทางมายังดินแดนของเผ่าปีศาจในครั้งนี้ เป้าหมายเดิมของเขาสำเร็จลุล่วงไปแล้ว เดิมทีเขาเองก็มิได้คิดจะวางแผนอยู่ต่อแล้วเช่นกัน
เพียงว่าตัวเย่หยวนเองกลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ตนจะโดดเด่นจะไปเข้าตาประมุขโถงโลหิตปรโลกเช่นนี้เข้า
ตั้งแต่อวี้หานตัดสินใจเลือกเขาและเริ่มเคลื่อนไหว ทุกการกระทำของเขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของนางโดยสมบูรณ์
สำหรับสัญญาโลหิตอะไรนั่น เย่หยวนแทบมิได้ใส่ใจอะไรเลย
สิ่งนั้นเป็นสัญญาที่ค่อนข้างรัดกุมและแยบยลยิ่ง สำหรับคนอื่นมันถือพันธะผูกมัดที่ไม่มีวันสลัดได้หลุด
แต่สำหรับเย่หยวน สิ่งนี้กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เย่หยวนมีพลังแห่งหุบเขาถงเทียนจำลองอยู่ในตัว การจะทำลายสัญญาเลือดที่ผูกมัดกับตัวทิ้งไปกลับหาใช่ปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไขเลย
เย่หยวนจะยอมหชะตาชีวิตของตัวเองตกอยู่ในมือคนอื่นง่ายๆได้อย่างไร?
เหตุผลที่ทำให้เขาดูปั้นสีหน้าลำบากใจในตอนนั้นก็เพื่อ แสดงให้อวี้หานเห็นว่าเขารู้สึกวิตกกังวลกับสัญญาเลือดนั้นจริงๆ
เมื่อมองดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะได้ผลดี
การเดินทางไปยังซากโบราณสถานครั้งนี้เองก็มีความจำเป็นอย่างมาก
…
หลายวันมานี้เองทำให้คงเซรยวหดหู่ใจอย่างมาก
หลังจากที่เขารู้ว่าหวู่ห่าวและฤทัยเหล็กส่งคนมาที่โถงโอสถโลหิตสาขาเมืองหลวงคาโปนก่อนที่จะเดินทางมา พวกเขาก็ค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่า ระดับชั้นความสามารถของโถงโอสถปีศาจสาขานี้แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
หวู่ห่าวกับฤทัยเหล็กเฉลียวฉลาดเพียงใด? พวกเขาที่รับทราบดังนั้น มีหรือจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของบรรพกาลราตรีได้อย่างไร?
เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ทั้งสองอยู่ภายในโถงโอสถปีศาจทุกวันและยังมิได้ออกมาเลบ
พวกเขาทั้งสองรู้เรื่องทุกอย่างมานานแล้ว แต่ทั้งคู่กลับกล้าหลอกเขาจริงๆ!
ในตอนแรกคงเซียวคิดเพียงแค่ ไม่ว่าปรมาจารย์คนนั้นจะแกร่งกล้ายอดเยี่ยมเพียงใด แต่เขาจะมีหน้ามาสั่งสอนประมุขโถงอย่างพวกเขาหรือไม่?
เรื่องที่ประมุขโถงใหญ่ทั้งสองตัดสินใจไป หาได้ขึ้นอยู่กับว่าบรรพกาลราตรีจะปฏิเสธหรือไม่
ใครจะไปรู้ว่า เมื่อคงเซียวเดินทางไปขอเข้าร่วมด้วยกันประมุขโถงใหญ่ นางกลับกล่าวตามตรงว่า ตัวนางเองก็ไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีเช่นกัน
เนื่องจากเขาไม่พอใจและเลือกที่จะไม่เชื่อมต่อบรรพการาตรีตั้งแต่แรก เช่นนั้นจึงขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว
ด้วยเหตุนี้คงเซียวจึงรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก!
แม้แต่การดำรงอยู่เฉกเช่นประมุขโถงใหญ่ยังไม่สามารถควบคุมเขาคนนั้นได้ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ความสามารถในศาสตร์แห่งโอสถของบรรพกาลราตรีมันเหนือล้ำเพียงใด
ซึ่งในเวลานี้เองก็ข่าวลือหนาหูขึ้นอีกเรื่องว่า เมิ่งฉีแห่งห้าผู้อาวุโสโถงโอสถปีศาจ ยามนี้ประสบความสำเร็จขึ้นกลายมาเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสามแล้ว!
ข่าวนี้มิใช่แค่ในเมืองหลวงคาโปนหรือโถงโอสถปีศาจเท่านั้น กระทั่งเมืองหลวงอื่นๆเองยังกลายเป็นข่าวดัง
เมิ่งฉีเป็นนักปรุงโอสถระดับสามผู้เจนจัดมากประสบการณ์คนหนึ่ง แต่พัฒนาการของเขาหยุดลงที่ระดับชั้นนี้มากว่าหนึ่งหมื่นปีแล้ว
หากไม่มีอุบัติเหตุใดๆ เขาคงหยุดลงที่ขอบเขตนี้ไปชั่วชีวิต
แต่ตอนนี้เขากลับเลื่อนระดับชั้น!
หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวขึ้นของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อแม้นต้องถูกทุบตีจนตาย
อาศัยอยู่ในเมืองหลวงคาโปนมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ข่าวสารบางอย่างย่อมแพร่กระจายไปทั่วในหมู่นักปรุงโอสถปีศาจโดยธรรมชาติ
สำหรับบรรพกาลราตรีนี่เป็นเพียงการบรรยายให้แก่คนของโถงโอสถปีศาจเป็นเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา
และกว่าครึ่งปีมานี้ก็สามารถทำให้ผู้คนเลื่อนระดับชั้นกลายมาเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสามได้?
ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีกลายมาเป็นบุคคลจับต้องได้ยากและมาๆหายๆราวกับไม่มีตัวตน!
คงเซียวในตอนนี้เสียใจขื่นระทมอย่างหนัดจนลำไส้เปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่องมองไปรอบๆเหล่าสหายร่วมอาชีพต่างเรียนรู้มีพัฒนาการไปไกล สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
นี่คือภารกิจที่เบื้องบนสั่งมา หากคนอื่นๆกลับไปพร้อมผลประโยชน์มากมาย ในขณะที่เขากลับไปมือเปล่า เพราะทำให้ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีขุ่นเคืองโดยมิตั้งใจ เมื่อกลับไปเขาจำต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นไม่น้อย
ทันทีทันใด เขาเห็นเย่หยวนเดินทางมาถึงโถงโอสถปีศาจอย่างไม่เร่งไม่รีบ คงเซียวรีบเร่งตรงเข้าไปทักทายทันที
“ฮ่าๆ ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี ขอคารวะ”
คงเซียวเร่งโค้งคำนับให้ทันทีพร้อมฝืนยิ้มฉีกกว้าง
เย่หยวนกวาดตามองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านไปอย่างเมินเฉย
คงเซียวทราบดีว่าครั้งนี้หาใช่ปัญหาที่แก้ได้โดยง่าย เขาเองก็ไม่รู้สึกรังเกียจเช่นกันพร อมเดิมตามเย่หยวนเข้าไปในโถงโอสถปีศาจอย่างสงบเงียบ
“ท่านปรมาจารย์ วันนั้นข้ามีตาหามีแววไม่ หวังว่าท่านปรมาจารย์ผู้มีจิตใจกว้างใหญ่เช่นท่านจะไม่ก้มเก็บความขุ่นเคืองในอดีตเอาไว้”
คงเซียวเอ่ยกล่าวขึ้น
เมื่อเย่หยวนตรงเข้าไปในโถงโอสถปีศาจ ก็มีผู้คนจำนวนมากรอคอยให้เขาหลอมกลั่นโอสถให้อยู่แล้ว
เขามาที่นี่ก่อนเพื่ออุ่นหม้อหลอมโอสถเอาไว้ ตอนนี้เย่หยวนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นขึ้นว่า
“ข้าเคยกล่าวไปแล้วคำไหนคำนั้น น้ำที่หกเลอะข้าจะไม่เก็บกลับไป! โถงโอสถปีศาจสาขาเมืองมรกตทมิฬถูกขึ้นบัญชีดำแล้ว แล้วพวกเขายังอยู่ที่นี่ทุกคนก็ไม่ต้องมาต่อแถวรอข้าแล้วในอนาคต!”
วูบ! วูบ! วูบ!
ทันทีทันใดทุกคนต่างหันขวับจับจ้องคงเซียววจนเป็นตาเดียวในทันใด
สีหน้าการแสดงออกของคงเซียวบิดเบี้ยวน่าเกลียดหนัก เขาเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึว่า
“ท่านปรมาจารย์บรรพการาตรี นี่ไม่มากเกินไปหน่อยรึ?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้คนจำต้องนำจ่ายในราคาที่กระทำไป หากเมื่อวานข้าทำลายจุดตันเถียนของเจ้าจนพิการ แล้ววันนี้ข้ามาขอโทษ เจ้าจะยอมหรือไม่? ดังนั้นนี่คือผลที่เจ้ากระทำเอง”
หวู่ห่าวในตอนนี้ออกไปเที่ยวเล่นกับอวี้โม่มาสองสามวันติดแล้ว ก่อนหน้านั้น เขาตื่นตะลึงอย่างยิ่งต่อทักษะการหลอมกลั่นโอสถของอวี้โม่
ในอดีตที่ผ่านมา ทักษะการหลอมกลั่นโอสถของอวี้โม่แย่กว่าเขาเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ มาตรฐานหลอมกลั่นโอสถของอวี้โม่กลับแซงหน้าเขาไปแล้ว!
การค้นพบครั้งนี้ทำให้หวู่ห่าวตกตะลึงอย่างมาก
แค่ครึ่งปีที่ผ่านมา ความแกร่งกล้าของอวี้โม่กลับพัฒนาขึ้นขนาดนี้ ใครได้ฟังกลับหาว่าเป็นเรื่องตลกเท่านั้น
เพียงเวลาครึ่งปีถึงแม้รุกหน้าพัฒนาขึ้น แต่นั่นก็เล็กน้อยจนไม่สำคัญอันใด
ทว่าพัฒนาการของอวี้โม่กลับเหนือชั้นขึ้นอย่างชัดเจนเกินไป!
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด เมื่อพบบรรพกาลราตรี แม้แต่นักปรุงโอสถระดับสามอย่างอวี้โม่ยังต้องให้ความเคารพสุภาพอย่างหาที่เปรียบไม่
ตอนนี้ถึงตาของเขาหวู่ห่าวแล้วที่ต้องออกโรง!
“คงเซียวมิใช่ว่าข้าต้องการวิจารณ์ว่าร้ายเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าพูดไปในวันนั้นมันเกินไปจริงๆ! ตั้งแต่ที่ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีขึ้นบัญชีดำเจ้า หรือเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าต้องการตบหน้าท่านปรมาจารย์ต่อผู้คนจำนวนมาก? เชิญออกไปเถิด! มิฉะนั้นเจ้ากำลังทำให้พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่พอใจ!”
หวู่ห่าวเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
ฤทัยเหล็กเองก็ลุกพรวดขึ้นและกล่าวขึ้นว่า
“คงเสี่ยวเจ้าออกไปเถิด! เจ้าต้องการทำให้พวกเราพลาดโอกาสรับฟังคำสั่งสอนของท่านปรมาจารย์เพราะเจ้าเพียงคนเดียวรึ?”
…………………………………