ตอนที่ 593 มิทันระวัง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 593 มิทันระวัง

“ไม่เป็นไร เจ้าไปนอนเถิด”

“พระชายาเจ้าคะ คืนนี้มีคนมารายงานว่าท่านอ๋องค้างคืนกับถิงฟางเช่อเฟยเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอมิเชื่อเพราะนางรู้ว่ามู่จวินฮานไม่ใช่คนเยี่ยงนั้น

ต้องเกิดเรื่องที่รั้งเขาไว้และทำให้เขามิอาจปลีกตัวออกมาได้แน่นอน

ดังนั้น รอให้ถึงพรุ่งนี้แล้วทุกอย่างก็ต้องกระจ่างชัด ทว่าสำหรับอันหลิงเกอแล้วนอนมิหลับทั้งคืน

เพราะนางชินกับการมีมู่จวินฮานนอนอยู่ข้างกาย แต่คืนนี้มู่จวินฮานมิอยู่ แม้นางขยับตัวหรือทำอันใดก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่ดีจึงนอนไม่หลับเสียที

ท้ายที่สุดนางก็ลุกขึ้นมาจุดไฟและนั่งบนขอบเตียงพลางมองไปยังทิศทางของเรือนทัวป๋าถิงฟาง แต่ที่เรือนนั้นดับไฟตั้งนานแล้ว บางทีนายของเรือนก็คงเข้านอนแล้วเช่นกัน

มู่จวินฮาน หรือท่านอยู่ที่นั่นจริง ?

เช้าวันต่อมา

“เหตุใดจึงเป็นเจ้าไปได้ ! ”

ชิงเฟิงเข้ามาปลุกเขาไปเข้าประชุมที่ท้องพระโรง แต่มู่จวินฮานพบว่าคนที่นอนอยู่ข้างกายคือทัวป๋าถิงฟาง !

“ท่านอ๋อง เช้าเพียงนี้ ท่านเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ ? ”

ทัวป๋าถิงฟางรู้สึกมีความสุขยิ่งนักแต่แสร้งทำสีหน้างุนงง

“เจ้าพูดออกมา เหตุใดข้ามาอยู่กับเจ้าที่นี่ ! ”

“เมื่อคืนท่านอ๋องเหนื่อยจึงนอนที่เรือนของเชี่ยเซินเจ้าค่ะ”

สำหรับทัวป๋าถิงฟางแล้ว ชิงเฟิงไม่มีความเห็นใด เพราะมู่จวินฮานคืออ๋องแห่งจวนนี้และทัวป๋าถิงฟางก็เป็นอนุคนหนึ่ง การจะนอนอยู่ที่นี่ก็คงมิได้มีปัญหา

เพียงแต่อาจไปเผชิญหน้ากับพระชายายากหน่อย เนื่องจากท่านอ๋องรักพระชายาถึงเพียงนั้น

“ท่านอ๋อง ควรเข้าวังได้แล้วขอรับ”

หลังมู่จวินฮานรีบร้อนออกไป ทัวป๋าถิงฟางก็มิได้คิดอันใดมาก

“ยินดีกับนายหญิงด้วยเจ้าค่ะ”

สาวใช้ยกน้ำแกงมาให้ มิว่าได้ผลเช่นไรนางก็จะพยายามอย่างเต็มที่

“ไป ไปแจ้งให้ฟางจูทราบ”

เป็นธรรมดาที่ทัวป๋าถิงฟางจะมิปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป เมื่อตนและมู่จวินฮานมีสัมพันธ์กันแล้วก็ต้องทำให้คนทั้งจวนรับรู้

เพื่อเอาคืนท่าทีที่อันหลิงเกอทำใส่นางเป็นประจำ ยิ่งไปกว่านั้นนางต้องได้รับความสนับสนุนจากมู่เหล่าหวางเฟยต่อไป

มีเพียงทำให้ทุกคนเห็นความสำคัญของนาง มู่เหล่าหวางเฟยถึงจะช่วยผลักดัน

หากความคิดของคนอื่นในจวนเห็นว่าการที่สนมจะเป็นที่โปรดปรานก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่มู่จวินฮานที่รักแค่อันหลิงเกอ บัดนี้ตนก็ถือเป็นที่โปรดปรานแล้ว ดังนั้นในสายตาของมู่เหล่าหวางเฟยก็น่าจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง หรือความหวังที่จะเอาชนะอันหลิงเกอก็มากขึ้นด้วย

“หืม ? จริงหรือ ? ”

เป็นอย่างที่คิดคือพอมู่เหล่าหวางเฟยได้ยินฟางจูมาแจ้ง ใบหน้าของนางก็เปื้อนยิ้มและท่าทางมีความสุขทันที

“จริงเจ้าค่ะ”

ฟางจูมิรู้สึกอันใด คิดแค่ว่าหลังมีโอกาสในครั้งนี้แล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็จะได้เงยหน้าอ้าปากกับเขาบ้าง

“ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นเจ้าก็อยู่ข้างกายทัวป๋าถิงฟางต่อไปเถิด”

ในเมื่อทัวป๋าถิงฟางยังมีประโยชน์ก็ควรจับตามองต่อไป หากอีกฝ่ายตั้งครรภ์ก็จะเก็บไว้ แต่ถ้าไม่ท้องก็ไร้ความจำเป็นต้องใช้ทัวป๋าถิงฟางอีกต่อไป เพราะคนผู้นั้นใกล้มาถึงแล้ว

“เจ้าค่ะ”

ฟางจูรู้ดีว่าอีกเพียงครึ่งเดือนสตรีผู้นั้นก็จะมาถึงแล้ว

แม้ไม่รู้ว่าเป็นเทพเซียนอันใด แต่ในเมื่อมู่เหล่าหวางเฟยเชื่อในตัวนางก็ต้องเป็นคนที่มีประโยชน์แน่นอน

ที่จริงในบางครั้งมิเพียงแค่ทัวป๋าถิงฟางเท่านั้น แม้แต่ฟางจูก็ยังไม่เข้าใจ เห็นชัดว่ามู่จวินฮานเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของมู่เหล่าหวางเฟย แต่เหตุใดยังต้องวางอุบายใส่เขาด้วย ?

สตรีเยี่ยงนี้ช่างอันตรายจนเกินคาดเดา

ทว่าในสายตาของฟางจู แม้มู่เหล่าหวางเฟยโหดร้ายเพียงใดก็เป็นคนมอบชีวิตให้นาง

“พระชายา เมื่อครู่ในจวนเพิ่งมีข่าว…”

“ข่าวอันใด…” อันหลิงเกอได้ฟังก็เผยสีหน้ามิอยากเชื่อทันที

นางมิเคยคิดมาก่อนว่ามู่จวินฮานจะ…

รู้แล้วว่าเหตุใดเมื่อคืนเขามิได้มาหานาง

ฮ่องเต้มากรัก ตัวเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น

เดิมทีหลงเข้าใจผิดว่าเขาจะทำในสิ่งที่รับปากกับนางได้ แต่สุดท้ายก็…

“ไปห้องหนังสือ”

นางต้องถามให้ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ !

ทัวป๋าถิงฟางชอบเล่นลูกไม้ บางทีครั้งนี้อาจแค่แสดงละครอีกก็ได้

อันหลิงเกอมิรู้ว่าเป็นการปลอบใจตนเองหรือกลั่นแกล้งตนเองกันแน่

“เรียนท่านอ๋อง พระชายามาหาเจ้าค่ะ”

เวลานี้มู่จวินฮานมิรู้ว่าจะเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอเยี่ยงไร แต่อันหลิงเกอมาโดยเขามิทันตั้งตัวจึงรู้สึกกระวนกระวายยิ่งนัก

ในความเป็นจริงถ้าเป็นคนอื่นหรือเป็นเรื่องอื่นก็คงมิใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องนี้ตัวเขาก็ยังมิอาจให้อภัยตัวเองด้วยซ้ำ

“ให้นางเข้ามา ส่วนพวกเจ้าก็ออกไป”

มู่จวินฮานสูดหายใจเข้าลึก จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีความผิดบางอย่างติดตัวแต่มิรู้จะเริ่มพูดอย่างไรดี

ดูเหมือนตอนนี้ทัวป๋าถิงฟางตั้งใจกระทำ อันหลิงเกอจึงได้ทราบเรื่องเร็วเพียงนี้

“บัดซบ” มู่จวินฮานสบถด่าตัวเองออกมาแต่เห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาก่อนจึงรีบเก็บงานราชการตรงหน้าทันที

“เกอเอ๋อ”

เขาพยายามควบคุมตนเองให้สงบที่สุด แต่พอเห็นอันหลิงเกอแล้ว เขาก็รู้สึกผิดมากเหลือเกิน

แม้เขาเป็นอ๋องแต่ก็เคยรับปากอันหลิงเกอไว้ ดังนั้นสำหรับเขาแล้วคำพูดสำคัญกว่าฐานะโดยเฉพาะคำสาบานที่ให้ไว้กับอันหลิงเกอ

“ได้ยินว่าเมื่อคืนท่านอ๋องไปค้างที่เรือนของทัวป๋าถิงฟาง”

อันหลิงเกอไม่อ้อมค้อม นางเอ่ยออกมาตามตรง

“อืม”

มู่จวินฮานพยักหน้าด้วยท่าทีอึดอัดและมิได้แก้ตัว

“หืม ? ”

อันหลิงเกอเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ มู่จวินฮานมิรู้ว่านางโมโหหรือไม่แต่ก็ยังลุกขึ้นและรีบเดินไปหานางทันที

“เมื่อคืนข้ารู้สึกเหนื่อยพอสมควรแต่มิรู้เหตุใดจึงไปข้างคืนที่เรือนนางได้”

ในความเป็นจริงมู่จวินฮานก็มิรู้ว่าควรแสดงท่าทีเยี่ยงไร เพราะเขาจำได้ลาง ๆ ว่าเห็นอันหลิงเกอ แต่ถ้ากล่าวเรื่องนี้ออกไปก็กลัวว่าจะเป็นการปัดความรับผิดชอบอย่างหน้าด้านเกินไป

“เจ้าค่ะ” อันหลิงเกอมิได้พูดมาก

ยิ่งมิได้ถามว่าเกิดอันใดขึ้น นางมองออกว่ามู่จวินฮานกำลังอับอายอยู่และรู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน หากนางทะเลาะกับเขาเพราะสาเหตุนี้จนเป็นเรื่องใหญ่โต นางคงเดินตามแผนที่ทัวป๋าถิงฟางวางเอาไว้

“ช่างเถิด มาดื่มน้ำแกงดีกว่า วันนี้ข้าต้มน้ำแกงมาด้วยเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้นและยกน้ำแกงเข้ามา

นางและมู่จวินฮานเข้าใจดีว่าทั้งสองถูกทัวป๋าถิงฟางวางอุบายใส่

มิว่าเยี่ยงไรก็จะไม่มีครั้งหน้าอีก ยิ่งทัวป๋าถิงฟางอยากให้พวกตนออกห่างกันมากเท่าไรก็ยิ่งเข้าไปเดินตามแผนมิได้

“ท่านอ๋องกับพระชายามีอันใดผิดปกติหรือไม่ ? ”

เวลานี้ทัวป๋าถิงฟางและมู่เหล่าหวางเฟยมาอยู่รวมกันเพื่อรอฟังข่าวที่สายสืบนำกลับมา

“เรียนมู่เหล่าหวางเฟยและถิงฟางเช่อเฟย ไม่มีอันใดผิดปกติ วันนี้พระชายาไปที่ห้องหนังสือและนำน้ำแกงไปให้ท่านอ๋อง นอกนั้นก็ไม่มีอันใดแล้วเจ้าค่ะ”

ว่าอย่างไรนะ ? ทัวป๋าถิงฟางมิอยากจะเชื่อ

แต่มู่เหล่าหวางเฟยเข้าใจดีว่าอันหลิงเกอมิใช่คนปกติทั่วไป เกรงว่าตอนนี้คงอ่านแผนของพวกนางออกแล้ว

เพียงแต่สิ่งที่นางต้องการก็มีเพียงให้ทัวป๋าถิงฟางตั้งครรภ์

“น้ำแกงที่เอาไปส่งให้ เจ้าได้ดื่มหรือไม่ ? ”

“ดื่มแล้วเจ้าค่ะ” ทัวป๋าถิงฟางตอบอย่างเชื่อฟัง

“เยี่ยงนั้นก็ดี เจ้าต้องรู้ไว้ว่าแม้ท่านอ๋องและพระชายารักกันเพียงใด แต่บุตรของพวกเขาอยู่ที่แม่และในเวลานี้พวกเขาก็ไม่มีทายาทได้อีก ฮึ แต่พวกเขาจักทำอันใดได้ ? ” มู่เหล่าหวางเฟยคลี่ยิ้มอย่างเปี่ยมเล่ห์

“หมู่เฟย ท่านกำลังบอกว่า…” หรือว่าให้อันหลิงเกอทานยาอันใดลงไป ?