ตอนที่ 600

The Divine Nine Dragon Cauldron

“เจ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว”

 

กู้ไทซูเริ่มโกรธขึ้นมา

 

เขายกแขนขึ้น อากาศรอบๆดูเหมือนจะระเบิด วายุที่มิอาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าพุ่งออกมาไปในสี่ทิศทาง

 

แกร๊ง

 

วายุเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พริบตาเดียวก็ดูจะฉีกซือหยูเป็นชิ้นๆ

 

ซือหยูยังคงยืนอยู่กับที่ แต่ตอนนี้มีร่างเทียมสองร่างยืนอยู่ด้วย แต่ละร่างดูเหมือนเขาทุกประการ!

 

ร่างหนึ่งมีสีหยกที่ปล่อยเพลิงสว่างออกมา ส่วนอีกร่างล้อมรอบด้วยสายฟ้าหัวจรดเท้า การปรากฏตัวของร่างเทียมนี้เกิดจากวิชาร่างเทียมที่บ่มเพาะจนสร้างร่างเทียมได้สองร่าง!

 

ในตอนนั้น ซือหยูสวมเกราะราชาศิลานิรันดร์เอาไว้ เขาได้สละแก้วพลังอีกดวงเพื่อที่จะทำให้ชุดเกราะใช้งานได้ ม่านเกราะล้อมรอบทั้งสามร่างเอาไว้

 

ร่างเทียมเพลิงกำลังถือไม้หกทิศที่คาดเดาทิศทางการโจมตี ขณะที่ร่างเทียมสายฟ้ายืนอยู่บนลำดับเมฆาห้าธาตุ ทั้งสามที่ร่วมมือกันนั้นแทบจะต้านทานวายุไม่ไหว

 

การโจมตีของเขาทำให้ซือหยูต้องใช้สมบัติป้องกันทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องตัวเอง! ดังนั้นวายุจึงมิอาจทะลวงผ่านเกราะป้องกันมาได้ พลังอ่อนลงไปมาก

 

เมื่อเห็นว่าการโจมตีมิอาจสังหารซือหยูได้ในทันที กู้ไทซูจึงก้าวมาข้างหน้า

 

“ร่างเทียมไร้ค่า! สมบัติไร้ค่า! การป้องกันไร้ค่า! เจ้าจะได้เห็น….”

 

เขาสะบัดแขนทำให้วายุที่อ่อนลงรุนแรงขึ้นเป็นสองเท่า! ซือหยูกับร่างเทียมที่เกือบจะต้านทานไม่ไหวถูกพาตัวเข้าไปในวายุ!

 

มิติรอบๆเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม้หกทิศทำได้แค่ป้องกันการโจมตีทีละครั้ง เสียงร่างเทียมเพลิงที่ฉีกขาดได้ยินมาจากใกล้ๆ

 

เป้าหมายต่อไปคือลำดับห้าธาตุ หลังจากที่สั่นสะเทือน ม่านแสงถูกวายุบดขยี้จนแตกเป็นฝุ่นผง

 

ร่างเทียมทั้งสองถูกทำลายไปแล้ว! ตอนนี้เหลือแค่ซือหยูเท่านั้น ร่างหลักของเขามีการป้องกันจากเกราะราชาศิลานิรันดร์ แม้ว่าการต่อสู้จะยากลำบาก เขาก็ยังทนรับได้!

 

“มันจบแล้ว!”

 

กู้ไทซูเข้าใกล้ซือหยูยิ่งขึ้นและยื่นดัชนีออกไป

 

ภาพที่คล้ายกับฉีเทียนโจวเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ความต่างเดียวคือฉีเทียนโจวที่ถูกทำลายนั้นคือร่างเงาวิญญาณ แต่ซือหยูคือทั้งวิญญาณและร่างกายจะถูกทำลายในวันนี้!

 

มิติรอบข้างเขาอัดแน่นขึ้น เขารู้สึกถึงแรงกดดันรุนแรง มิติค่อยๆบีบอัดเร็วขึ้นในทุกเวลา

 

ที่กู้ไทซูต้องทำตอนนี้ก็แค่กำมือ และซือหยูจะถูกบีบเค้นจนระเบิด เขาจะตายในพริบตา!

 

กู้ไทซูเริ่มกำมือด้วยแววตาเยือกเย็น! แต่จากนั้นก็มีเส้นด้ายสีดำพุ่งเข้าใส่กู้ไทซูด้วยความเร็วปานสายฟ้า

 

มันคือสายใยมังกร! จากสภาพวิญญาณของกู้ไทซูตอนนี้…ไม่มีทางที่เขาจะกำจัดมันได้

 

กู้ไทซูเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังถูกจับตัว! ขณะที่เขาสังหารฉีเทียนโจว ซือหยูก็ได้เริ่มสร้างกับดักอันชาญฉลาดนี้ขึ้นมา!

 

“เจ้าคิดว่ากลกระจอกแบบนี้จะได้ผลกับข้ารึ?”

 

แต่กู้ไทซูก็ไม่ได้ตกใจกับการลอบวางกับดักนี้ ดูเหมือนเขาจะเตรียมการไว้แล้วด้วยซ้ำ!

 

เขาหยิบเอาหยกรูปสัตว์ที่คล้ายแมวออกมา มันเปล่งแสงจ้าและมีพลังทำให้เวลาช้าลง นี้เป็นสมบัติต้านทานสวรรค์ที่มีพลังควบคุมเวลา!

 

สายใยมังกรที่ล้อมรอบตัวกู้ไทซูเคลื่อนไหวช้าลง กู้ไทซูใช้สองนิ้วสะบัดสายใยมังกรออกไปอย่างง่ายดาย เขายังม้วนมันเอาไว้ในมือและชิงมันมาจากซือหยูได้สำเร็จ!

 

“ถ้าให้เดา เจ้ายังมีอย่างอื่นซ่อนอยู่อีก ใช่หรือไม่?”

 

ดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะมองซือหยูออก

 

เขาชี้ไปที่พื้นขณะที่พูด พื้นแยกตัวออกเผยให้เห็นม้วนคัมภีร์ทมิฬที่ซ่อนอยู่ มันคือภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยา!

 

“จงเปิด!”

 

ซือหยูตะโกน เขาตกใจมาก แต่มิอาจเชื่อว่าจะถูกมองออก!

 

ตามแผน สายใยมังกรจะใช้จับตัวกู้ไทซูขณะที่เขาจะใช้ภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยาเพื่อสังหารเขา แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับถูกมองออกอย่างงว่ายๆ!

 

ม้วนภาพเขียนแผ่ออก วิบัติอัคคีที่แผดเผาได้ทุกสิ่งกระจายตัวตามมา แค่เสี้ยวเดียวของวิบัติอัคคีก็รุนแรงจนแม้แต่วิญญาณของภูติมิอาจต้านทาน!

 

แต่กู้ไทซูนั้นดูไม่ตกใจแม้แต่น้อย

 

“ข้าพูดไปแล้ว กลกระจอกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

 

เขากักตัวซือหยูด้วยมือหนึ่งข้างขณะที่ยื่นมืออีกข้างออกไป จากนั้นวิบัติอัคคีก็ถูกบีบอัดลงในม้วนคัมภีร์! จากนั้นภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยาได้ลอยไปที่มือของเขา

 

“เศษตำราระดับภูติเล่มนี้ ข้าจะเก็บมันไว้แทนเจ้าเอง”

 

กู้ไทซูไม่ยี่หระสิ่งใด

 

พร้อมกันนั้น เขายังซุกสายใยมังกรกับเศษตำราระดับภูติเอาไว้ในอก สองสมบัติล้ำค่าที่ควรจะเป็นกับดักคร่าชีวิตได้ถูกชิงเอาไปทั้งอย่างนั้น!

 

“ทุกอย่างจะจบที่นี่ ข้าจะส่งเจ้าไปตายก่อนจะหากิเลนน้อย”

 

กู้ไทซูบีบมือเพื่อกดดันซือหยูเข้าไปอีก แต่ดูเหมือนว่าซือหยูจะสร้างสัญลักษณ์บางอย่างด้วยทั้งสองมือขณะที่กู้ไทซูไม่ได้สนใจ

 

“ร่างเทียมขยะของเจ้าอีกแล้วรึ?”

 

กู้ไทซูพูดแทรก

 

“เจ้าใช้วิชาเดิมมาสองครั้งแล้ว…”

 

ร่างเทียมทั้งสองปรากฏที่ซือหยูอีกครั้งและยืนเงียบๆ ตอนนี้ทั้งสองร่างมีพลังต้นกำเนิดที่ควบแน่นกันในมือ ร่างเทียมหยกเพลิงถือต้นกำเนิดอัคคีไว้ในมือ ขณะที่ร่างเทียมสายฟ้ามีต้นกำเนิดอัสนี

 

ส่วนตัวซือหยูเอง รอยที่ระหว่างคิ้วแยกออกจากนั้นเป็นคลื่นพลังความเย็น มันคือต้นกำเนิดน้ำแข็งที่หลั่งไหลออกมาดั่งคลื่นวารี!

 

“เจ้าเพิ่งจะพูดว่าวิชาเดิมทำอะไรเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นไม่ลองวิชาที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนเล่า?”

 

ในเวลาสิ้นหวัง ซือหยูต้องใช้ไพ่ตายหลักของเขา!

 

ในอดีต ซือหยูเคยถามลู่จือยี่ถึงวิธีรวบรวมต้นกำเนิดอย่างปลอดภัย คำตอบของนางบอกว่าต้นกำเนิดจะต่อต้านกันและกัน ดังนั้นความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้เกิดการระเบิดรุนแรงได้ง่ายๆ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดจึงเป็นการรวบรวมทั้งสามต้นกำเนิดด้วยน้ำหนึ่งใจเดียว

 

แม้ซือหยูจะควบคุมเช่นนั้นไม่ได้ เขาก็ควบคุมร่างแยกสองร่างได้พร้อมกัน ถ้าใช้วิธีนี้ก็จะทำให้เขาควบคุมต้นกำเนิดทั้งสามได้

 

“ต้นกำเนิดสามธาตุเรอะ! ระดับปัญญาของเจ้าแข็งแกร่งนัก แต่มันจะไปทำอะไรได้? คนตายยังไงก็เป็นคนตาย”

 

กู้ไทซูแปลกใจเป็นครั้งแรก เขาไม่เคยเห็นใครที่บ่มเพาะต้นกำเนิดพร้อมกันสามธาตุ

 

ซือหยูไม่สนใจ เขาเพ่งสมาธิไปที่ร่างเทียมทั้งสองเพื่อหลอมรวมต้นกำเนิดเข้าด้วยกัน แต่ละต้นกำเนิดมีขนาดและพลังเท่ากัน มุมในการหลอมรวมนั้นเป็นจังหวะเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับต้นกำเนิดทั้งสามถูกควบคุมด้วยคนๆเดียว!

 

นี่เป็นวิธีที่ซือหยูคิดขึ้นมา เขาเรียกมันว่าการหลอมรวมต้นกำเนิด พลังสามผสานที่มีเพลิง สายฟ้าสีม่วงเข้ม และน้ำแข็งสีขาวราวหิมะ เมื่อหลอมรวมกันแล้วน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

 

สามเฉดสี สามพลัง และสามต้นกำเนิดที่แตกต่างกำลังหลอมรวมกัน การหลอมรวมได้กลายเป็นเมฆางดงามราวกับบุพผาสามสี!

 

“ถ้าเจ้าบอกว่าสิ่งอื่นใดไร้ประโยชน์ต่อเจ้า งั้นเจ้าก็เอานี่ไป!”

 

ซือหยูหมุนวนเมฆาบุพผาสามสีไปทางกู้ไทซูโดยไม่ปล่อยให้เขาตั้งตัว

 

เมฆาบุพผานี้มีความตั้งใจของซือหยู เขาควบคุมมันได้ด้วยใจนึก ความตั้งมั่นนั้นควบคุมพลังทั้งสาม ถ้าหากพลาดแม้แต่นิดเดียว ความเปลี่ยนแปลงครั้งแรกก็จะเกิดกับต้นกำเนิดทั้งสาม

 

เปรี๊ยะ

 

รอยแตกเกิดขึ้นจากเมฆาสามสีเมื่อพลังที่หลอมรวมเข้าปะทะกันและกัน มันทำให้เกิดแรงระเบิดเล็กๆที่ทำให้ขนลุด

 

กู้ไทซูที่เคยใจเย็นเบิกตากว้าง

 

“นั่นมันต้นกำเนิดอะไร? ไม่มีต้นกำเนิดที่หลอมรวมแบบไหนจะมีพลังทำลายล้างเท่านี้!”

 

ในตอนนั้น กู้ไทซูที่หวาดกลัวได้บินถอยกลับ เพราะพลังทำลายล้างอันเข้มข้นนี้เป็นภัยต่อชีวิตของเขา!

 

“สายไปแล้วที่จะหนี! ระเบิด!”

 

ซือหยูตะโกนอย่างเยือกเย็น

 

ตู้ม!

 

เหล่าต้นกำเนิดที่จำนนต่อคำสั่งได้ระเบิดในทันที พลังของเมฆาสามสีได้หลอมผสมจนถึงจุดสูงสุด พลังทำลายล้างจึงอยู่ในขั้นสุดยอด

 

เสียงระเบิดดังไปทั่ว เมฆาม่วงแดงขาวกระจายไปทั่ว การผสานของสีต่างๆเป็นดั่งแสงแห่งการทำลายล้างของกระโจมเทพสวรรค์ ลานนกกระจอกเทวะ ยอดเขาทั้งห้า และทุกๆเขตแดน…

 

สิ่งที่ตามมาอย่างรวดเร็วคือความโกลาหลวุ่นวายที่เต็มไปด้วยเพลิง สายฟ้า และแม้แต่น้ำแข็ง! การปะทะอย่างบ้าคลั่งของพลังทำลายล้างได้เติมเต็มกระโจมเทพสวรรค์!

 

ตู้ม!

 

พื้นสั่นอย่างแรงไม่หยุดหย่อนไม่ต่างกับท้องนภา ลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจวเองก็สั่นสะเทือนไม่แพ้กัน!

 

เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น? จากลานประลองลับสวรรค์ของจิวโจว กลุ่มผู้เฒ่าเริ่มเป็นกังวลจากสีหน้า

 

ผู้เฒ่าหยูตาลุกวาว เขายืนขึ้น

 

“เป็นไปไม่ได้! พลังระดับนี้จะต้องใกล้เคียงกับจ้าวเทวะ! ถ้าไม่ใช่ฝีมือกู้ไทซูแล้วจะเป็นใครไปได้?”

 

ฉีเทียนโจวหน้าซีด เขาดูอ่อนแอมากเพราะวิญญาณที่เสียหาย เขาดูไม่เป็นสุขเลย

 

เขาที่สัมผัสถึงคลื่นพลังรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่กู้ไทซูหรือจ้าวเทวะคนไหนที่ลงไปข้างล่าง เขาคิดไปถึงซือหยูในทันที! เด็กหนุ่มที่ปกปิดตัวตนมาอย่างลึกซึ้ง คนที่น่าชิงชัง และเป็นเด็กหนุ่มที่น่ากลัว!

 

เช่นเดียวกับลู่จือยี่ที่เพิ่งจะกลับมา นางใจสั่น คลื่นพลังอันแข็งแกร่งนี้ทำให้นางนึกถึงบางอย่างที่คุ้นเคย

 

ในอดีต พลังเช่นนี้ได้เกิดขึ้นในกระโจมเทพสวรรค์ชั้นเจ็ด เป็นที่รับรู้กันว่าเกิดจากการหลอมรวมต้นกำเนิด

 

นี่ต้องเป็นการหลอมรวมต้นกำเนิดของซือหยูแน่นอน! เทียบกันแล้ว พลังในครั้งนี้เหนือกว่าครั้งก่อนนับสิบเท่า!

 

“นั่นมันซือหยู!”

 

ลู่จือยี่ตกใจมาก นางตกใจกับพลังอันน่ากลัวในต้นกำเนิดของซือหยู นางยังเป็นห่วงชะตาของกู้ไทซูอีกด้วย

 

 

ท่ามกลางคลื่นสั่นสะเทือน ฝุ่นควันปลิวว่อนไปทั่วดินแดน คนหนึ่งที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ปากเต็มไปด้วยโลหิต เขาลอยอยู่ท่ามกลางฝุ่น เขาดูบาดเจ็บหนัก

 

“กระดูกข้าหักสามท่อน เครื่องในข้าเสียหายหนัก ข้าสังหารศัตรูได้ แต่ข้าเองก็ต้องบาดเจ็บ!”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างขมขื่น

 

แม้แต่ในคราวสุดท้าย เขาที่สละสมบัติป้องกันตัวทั้งสามชิ้นยังบาดเจ็บรุนแรง แต่อย่างน้อยการระเบิดในครั้งนี้ก็ยังดีกว่าตอนที่เขาสู้กับหยางยี่เต๋าเป็นอย่างมาก! ก่อนหน้านี้เขาเกือบตายเพราะแรงระเบิด!

 

ครั้งนี้ ด้วยผลของลำดับห้าธาตุและไม้หกทิศ เขาได้ลดแรงระเบิดที่เกิดขึ้นกับตัวเองไปเยอะ เทียบกับครั้งก่อน ครั้งนี้เขาได้รับแรงระเบิดของตัวเองมามากแล้ว และแรงระเบิดยังมากกว่าคราวก่อนอย่างมากมิใช่เพียงเท่าสองเท่า แต่เป็นสิบเท่า!

 

อำนาจของต้นกำเนิดน่ากลัวจนถึงขนาดนี้เลยรึ? ซือหยูสงสัย

 

ต้นกำเนิดเดียวมิได้แข็งแกร่งนัก ยากที่จะทำให้คนที่เหนือกว่ากึ่งเทพบาดเจ็บได้ด้วยธาตุเดียว แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ต้นกำเนิดของซือหยูแข็งแกร่งอย่างผิดปกติเมื่อหลอมรวมกัน

 

แม้เขาจะมีคำถามมากมายที่อยู่ในหัว เขาก็ไม่ลืมว่าเขาจะต้องทำอะไรในตอนนี้…

 

ที่ปล่องภูเขาไฟห่างออกไปสิบลี้…

 

ปล่องนี้กว้างและลึก ภายในมีพลังสายฟ้า เพลิง และน้ำแข็งอยู่ ที่กลางปล่องมีร่างวิญญาณที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง มันดูเหมือนถูกเผาและแช่แข็งในเวลาเดียวกัน

 

ซูม

 

ซือหยูบินไปยังทิศทางนั้น เขาโบกมือเรียกสายใยมังกรและภาพเขียนทัณฑ์ภูติสุริยาคืนมา

 

“ของที่เป็นของข้า อย่างไรก็เป็นของข้า…”