บัญชามังกรเดือด บทที่ 581 แอบฟัง
ฉินเทียนเฝ้ามองภาพเงาของฉานเจี้ยนที่หายเข้าไปในความมืดมิดอย่างเงียบเหงา ราวกับสัตว์ป่าตกอับตัวหนึ่งที่สูญเสียฝูงไปชั่วนิรันดร์ เป็นความหดหู่และความอ้างว้างที่ไม่อาจบรรยายได้
กระแสเลือดอันร้อนแรง ปั่นป่วนอยู่ในหัวใจของเขา
ในดวงตาของเขา น้ำตาได้พังทลายออกมาในตอนนี้
เขาลุกขึ้นยืน และกล่าวเสียงดังว่า : “ลุงฉานเจี้ยน ถึงแม้ว่าเจ้าเงาเสน่ห์และคนอื่นๆ จะไม่อยู่แล้ว แต่คำสาปสวรรค์ยังอยู่!”
“จิตวิญญาณของคำสาปสวรรค์ จะไม่มีวันดับมอด!”
จากระยะไกล ผีหวูฉางและชุยหมิง ก็เหมือนกันกับฉานเจี้ยน ชายชราผู้ซึ่งเป็นสมาชิกของคำสาปสวรรค์ กล่าวเสียงดังทั้งน้ำตา : “จิตวิญญาณของคำสาปสวรรค์ จะไม่มีวันดับมอด!”
ได้รับผลกระทบจากพวกเขา หม่าหงเทา เถียหนิงซวง ถงชวน เถียปี้ อะเปิน…..รวมถึง ลูกน้องที่รับสมัครมาใหม่อย่างพวกเขานี้ ก็ตะโกนเสียงดังด้วยความฮึกเหิม : “จิตวิญญาณของคำสาปสวรรค์ จะไม่มีวันดับมอด!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมในระยะเวลาอันสั้น แต่ช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ยินมาตลอด จิตวิญญาณของคำสาปสวรรค์ จึงได้หยั่งรากลึกลงในใจของพวกเขาไปแล้ว
จิตวิญญาณประเภทนี้ พร้อมกับการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน จึงค่อยๆ หลอมรวมเข้าในสายเลือดของพวกเขา!
คนรุ่นต่อรุ่นทำตามกันมา จึงเป็นรากฐานของการดำรงอยู่ของคำสาปสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร์
เพียงแต่ว่า เสียงร้องที่องอาจและกล้าหาญอยู่เบื้องหลังนี้ ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถฉุดรั้งฉานเจี้ยนเอาไว้ได้
เขาค่อยๆ ห่างไกลออกไป และไม่หันกลับมา
ในขณะนี้ ฉินเทียนรู้ว่า ฉานเจี้ยนแก่แล้ว
ไม่ว่าจะมีสมาชิกใหม่อีกมากเท่าไร พี่น้องใหม่อีกกี่คน ก็ไม่สามารถมาแทนมิตรภาพตลอดชีวิตของเขาได้
วิหารพญายมสี่อิมพ์แห่งนรก จิ้งจอกเงิน ฉานเจี้ยน เจ้าปืนทอง เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่
เวลาในบั้นปลายชีวิตของเขาที่เหลืออยู่ จะอยู่กับความทรงจำดีๆ ในอดีต
ฉินเทียนพบว่า ตนเองได้ทำผิดพลาดไปแล้ว เขามักจะรู้สึกว่า มีคนบางคนอยู่ที่นั่นเสมอ และไม่เคยสายเกินไปที่จะไปเยี่ยมเยียน
แต่เขากลับมองข้ามไป ส่วนเวลาก็ไร้ความปรานี และคนบางคนก็แก่ลงไปจริงๆ
เขารู้สึกว่า การเดินทางไปเยี่ยมเยียนเถ้าแก่ใหญ่ นั้นกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว
ตลอดคืนนี้ เขาดื่มจนเมาหัวปักหัวปำ สุดท้าย ก็ถูกเหลิ่งเฟิงประคองกลับมาที่อุทยานมังกร
และทำให้ซูซูต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อทำซุปแก้เมาค้างให้เขาโดยเฉพาะ
ตลอดคืนนี้ ฉินเทียนโอบกอดซูซู และพูดพึมพำมากมาย
“พ่อ ทำไมคุณต้องดูถูกฉันด้วย? แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับฉันเลย หรือว่า ฉันจะแย่ขนาดนั้นจริงๆ …..”
“คุณรอก่อน ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า ฉินเทียนไม่ได้เลวร้ายแต่อย่างใด!”
“พ่อ คุณทำให้ฉันผิดหวังเหลือเกิน แม่ของฉันป่วยหนัก ทำไมคุณไม่ดูแล? ไม่เพียงแต่ไม่ดูแล แต่ยังไปแต่งงานกับคนรักใหม่……ฉินฉี คุณบอกมาสิ ว่าฉันควรจะเกลียดคุณไหม?”
“ฉันเกลียดคุณ!”
“ฉันไม่มีพ่ออย่างคุณ!”
“ตระกูลฉิน ฉันจะไม่กลับไปอีก!”
“ย่าเหรอ? หึ ต่งซวงจุน คุณไม่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นย่าของฉัน!”
“คนตระกูลฉินของพวกคุณดูถูกฉัน บอกว่าแม่ของฉันเป็นคนฐานะต่ำต้อย……”
“ฉันออกมาแล้ว ชั่วชีวิตนี้ จะไม่กลับไปที่ตระกูลฉินอีก!”
“คุณส่งคนมาตามหาฉัน มาจับฉัน เช่นนั้นฉันจะฆ่ามันซะ!”
“มาหนึ่งคน ฉันก็จะฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ฉันก็จะฆ่าทั้งคู่!”
อารมณ์ของฉินเทียน จู่ๆ ก็รุนแรงขึ้นมา ด้วยหน้าตาโหดเหี้ยม พร้อมกัดฟันแน่น
ซูซูตกใจกลัวจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทันใดนั้นลมหายใจของเขาก็สงบลงมา และน้ำเสียงก็ต่ำลงด้วย
“แม่ ฉันคิดถึงคุณ……ลูกคิดถึงคุณแล้ว!”
“เทียนเอ๋อร์ของคุณโตแล้วนะ แต่งงานกับภรรยาที่สะสวย และเธอยังตั้งท้องหลานชายให้คุณอีกด้วย……”
“แม่ ฉันจะพาพวกเขา ไปไหว้ที่หลุมฝังศพของคุณนะ……”
น้ำตาสองหยดซึมออกมาจากหางตา และรินไหลลงบนใบหน้า
น้ำเสียงของเขาเบาลงเรื่อยๆ พร้อมกับคราบน้ำตา และในที่สุดก็หลับไป
ตลอดระยะเวลา ซูซูโอบกอดผู้ชายคนนี้เอาไว้ และฟังอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ ในที่สุดเธอทราบแล้ว ว่าพ่อตาของเธอ ชื่อฉินฉี และยังมีย่า ชื่อต่งซวงจุน
และแม่ยาย ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว……
มองดูชายผู้ที่สง่าผ่าเผยคนนี้ในยามปกติ ในขณะนี้อยู่ในอ้อมกอดของตนเอง เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ทำอะไรไม่ถูก จิตใจของซูซู สงบลงอย่างมาก
ในความสงบ มันเต็มไปด้วยพลังอันไร้ขอบเขต
นางกอดผู้ชายคนนี้ไว้แน่นๆ ——ผู้ชายของเธอ สามีของเธอ และพ่อของลูกในท้องของเธอด้วย
มันเหมือนกับว่า ได้กอดลูกของตนเองอยู่
วันรุ่งขึ้น หาได้ยากที่ฉินเทียนจะนอนตื่นสาย
ตะวันโด่งแล้ว ก็ยังไม่ตื่น
“สามี ตื่นได้แล้ว”
“สามี มีโทรศัพท์ของคุณนะ” ซูซูเรียกอยู่ข้างๆ
ฉินเทียนตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง และกอดซูซูโดยจิตใต้สำนึก พร้อมกล่าวเบาๆ ว่า “โทรศัพท์ของใครก็ไม่รับทั้งนั้น……ภรรยา ขอนอนอีกแปปหนึ่งนะ”
ซูซูอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเชื่อฟัง และจูบลงบนใบหน้าของเขาหนึ่งที ยิ้มและกล่าวว่า : “เบอร์ที่โทรเข้ามาคือจี้ซิง……คือคุณชายน้อยตระกูลจี้คนนั้นที่เราเห็นอยู่ที่หยุนชวนในคราวก่อนใช่ไหม?”
“เขาโทรหาคุณ บางทีอาจจะมีธุระอะไรก็ได้นะ คุณรับสายเสร็จแล้วค่อยนอนต่อเถอะ”
ฉินเทียนเหลือบมองอย่างฝืนใจ หลังจากต่อสายแล้ว ก็เอามือถือมาแนบหู
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่ามารบกวนการนอนของกู!”
สายทางด้านนั้น จี้ซิงสำลักเล็กน้อย เดิมทีคำพูดที่ต้องการจะพูดออกมา กลับกลืนมันลงไป
“ขอร้องล่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว คุณยังนอนอยู่อีกเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม”
เมื่อเห็นฉินเทียนหลับตา ท่าทางดูขี้เกียจไม่สนใจ
ซูซูก็รู้สึกกระวนกระวายใจ ในความทรงจำของนาง ซื่อไห่ตระกูลจี้นั้นสุดยอดมาก ฐานะคุณชายน้อยของจี้ซิงคนนี้ ก็มีเกียรติอย่างมาก
สามีของตนเองทำให้คนอื่นไม่พอใจ
นางจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า
“คุณชายจี้ คุณอย่าตำหนิเลยนะคะ”
“เมื่อคืนเขาดื่มจนเมา…….”
จี้ซิงตกตะลึงเล็กน้อย : “คุณเป็นใคร?”
“ฉัน…..คือซูซูค่ะ”
“ซู…..พี่สะใภ้!” .
“พี่สะใภ้ พูดแบบนี้ คุณนอนอยู่ด้วยกันกับพี่เทียนใช่ไหม? ฉันเข้าใจแล้ว ไม่รบกวนแล้วๆ พวกคุณต่อกันเถอะ!”
“ถ้าอย่างนั้น คุณบอกพี่เทียนด้วย ว่าหลังจากเสร็จกิจแล้ว จะต้องโทรหาฉันด้วยนะ!”
อะไรวะเนี่ย!
ใบหน้าของซูซูแดงก่ำ รีบหยิกฉินเทียนอย่างแรง
ให้คุณนอน!
ฉินเทียนร้องด้วยความเจ็บปวด แสร้งทำเป็นโกรธ และเข้าไปจั๊กจี้ซูซู
ปกติแล้วซูซูกลัวการจั๊กจี้ที่สุด หัวเราะคิกคักไปพลาง หลบหลีกไปด้วย
“อย่า……”
“คุณมันนิสัยไม่ดี!”
“หยุดนะ มิเช่นนั้นฉันจะโกรธแล้ว…..ว้าย!”
ฉินเทียนกลัวซูซูจะปวดเอว จึงเลิกทำ และนำเธอมาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง
“คุณภรรยา ขอจูบหน่อย”
“อย่า——” ซูซูใช้มือปิดปากของฉินเทียนเอาไว้ ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า : “ปากเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า!”
ในดวงตาคู่สวยของเธอประกายไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม : “คุณรู้ไหม เมื่อวานหลังจากที่คุณเมา คุณทำอะไร และพูดอะไรกับฉัน?”
ฉินเทียนมีความทรงจำที่เลือนราง เขายิ้มและกล่าวอย่างหน้าไม่อายว่า : “ฉันจำไม่ได้แล้ว”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรอย่างแน่นอน ฉันจำได้อย่างชัดเจนว่า ฉันกลับมาก็นอนเลย”
ซูซูยิ้มพร้อมกล่าวว่า : “ทำไม อายเหรอ? ไม่ยอมรับใช่ไหม?”
“ถ้าคุณยอมรับ ฉันจะให้คุณจูบฉันหนึ่งที เป็นอย่างไรล่ะ?”
“ฉันไม่สน ฉันจะจูบ!” ฉินเทียนเริ่มสนใจขึ้นมา กอดซูซูไว้ในอ้อมแขน และจูบเข้าไปอย่างแรง
จู่ๆ ซูซูก็กรีดร้องออกมา
ฉินเทียนตกใจอย่างมาก : “เกิดอะไรขึ้น กระแทกท้องของคุณเหรอ?”
ซูซูชี้ไปที่มือถือที่อยู่ข้างๆ หมอน กัดฟันพูดว่า : “จี้ซิงเขา……เหมือนจะยังไม่วางสายนะ”
ฉินเทียนก็เห็นเช่นกัน
หน้าจอยังสว่างอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อสาย
ไอ้หมอนี่ แอบฟังมาตลอดเลยเหรอ?
แม่งเอ๊ย!
ฉินเทียนพูดไม่ออกเลย