ตอนที่ 674 กรรมตามสนอง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

น้ำที่กรีเออร์สามารถควบคุมได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในรัศมีไม่เกินสามเมตรเท่านั้นซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้างบนหัวของเขายังมีกระบี่สายฝนกว่าร้อยเล่มรอจู่โจมอยู่และพร้อมที่จะโฉบลงมาได้ทุกเมื่อ

 

 

คำอธิบายสำหรับเหตุการณ์นี้ที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้นั้นมีระดับที่สูงกว่าเขามาก แต่กรีเออร์ก็ไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์เบิกเนตรสวรรค์หรือเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ชายคนนี้ได้อยู่ดี

 

 

อีกอย่างการเลื่อนระดับของผู้ชายคนนี้ก็สูงกว่าระดับ B ขั้นต้น แต่ก็ยังไม่ถึงระดับ A เสียทีเดียว

 

 

กรีเออร์พยายามที่จะทำให้ตัวเองหลุดออกจากม่านน้ำฝนนี้ราวกับว่าตัวเองเป็นสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขาไปเลยด้วยการใช้พลังน้ำที่เหนือกว่า

 

 

จากนั้นเขาจึงเข้าใจว่าศัตรูยังไม่อยากจะฆ่าเขาให้ตายง่าย ๆ นี่เอง

 

 

เขาเกือบจะทนไม่ไหวกับความยโสของผู้ชายคนนี้แล้ว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มั่นใจกับความแข็งแกร่งของตัวเองนักนะ!

 

 

สิ่งที่น่าสนใจในโลกของการบำเพ็ญก็คือมีแต่เรื่องปาฏิหารย์เกิดขึ้นอยู่ตลอด และพลังที่มนุษย์ครอบครองในตอนนี้นั้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อาจมีวันหนึ่งที่คนคนเดียวจะเอาชนะคนทั้งประเทศด้วยพลังของเขาก็ได้

 

 

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นก็ต้องฆ่าไปมากมายไม่รู้กี่ศพ แต่เมื่อมีใครได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายและเขียนบันทึกมันลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะที่ตัวเองเป็นตำนานแล้ว คนอื่น ๆ จะจบลงด้วยการเป็นหินกรุยทางให้ผู้ชนะก้าวข้ามไปเท่านั้นแหละ

 

 

จากนั้นกรีเออร์ก็เข้าใจแล้วว่าเขาหลีกเลี่ยงความตายของตัวเองในคืนนี้ไม่ได้เสียแล้ว

 

 

เส้นสีเทาบาง ๆ ปรากฏออกมาจากกระบี่เฉวียอินด้วยเสียงขู่เบา ๆ ท่ามกลางสายฝนยามเย็น มันเจาะผ่านเข้าไปในไหล่ของกรีเออร์เหมือนกับงูฉกทันทีโดยไม่รีรอ

 

 

เส้นใยทั้งสามสิบหกเส้นของกระบี่เฉวียอินเข้ากับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยจิตสังหารในคืนนี้ กรีเออร์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเส้นใยที่จะเข้ามาโจมตีต่อไปนั้นจะมาจากทิศทางไหน

 

 

หลี่ว์ซู่ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ ท่ามกลางพื้นที่เปียกโชก “การตายของจ้าวหย่งเฉินจะไม่ใช่การตายครั้งสุดท้ายของคืนนี้ และการตายของแกก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดูว่าจ้าวหย่งเฉินรู้สึกยังไงก่อนตาย”

 

 

กระบี่เฉวียอินเจาะผ่านร่างของกรีเออร์ซ้ำ ๆ เลือดของเขาสาดกระเซ็นและเจือจางไปกับหยดน้ำฝน ทำให้เกิดเป็นแอ่งน้ำเลือดบนพื้น

 

 

ร่างกายของกรีเออร์มีสามสิบเอ็ดแผลด้วยกัน เป็นแผลที่เดียวกับที่กรีเออร์โจมตีจ้าวหย่งเฉินไปด้วยหยดน้ำฝน เอาเข้าจริงแล้วแผลของกรีเออร์นั้นบาดลึกมากกว่า เพราะมันเจาะเข้าไปข้างในร่างกาย ส่วนเม็ดฝนของกรีเออร์ไม่ได้โจมตีแบบนั้น

 

 

ร่างของกรีเออร์ค่อยๆ ทรุดลงบนพื้นและเขาก็กระอักเลือดออกมาไม่ขาดสาย ฟองเลือดที่เขากระอักออกมาท่ามกลางแอ่งน้ำจากสายฝนนั้นดูร้ายแรงถึงตายทีเดียว

 

 

“พอแกฆ่าฉันเสร็จแล้วจะเอายังไงต่อล่ะ” กรีเออร์หัวเราะ “มีคนตั้งมากมายอยากจะฆ่าคนของเครือข่ายฟ้าดิน แกจะหยุดพวกมันไหวเหรอ!”

 

 

หลี่ว์ซู่หยุดไปสักพักแล้วพูดต่อ “ทำไมแกยังไม่ตายอีก”

 

 

การบาดเจ็บของกรีเออร์สาหัสกว่าของจ้าวหย่งเฉินมาก แล้วทำไมหมอนี่ยังรู้สึกตัวอยู่ล่ะ ดูจากแผลแล้วอาจจะไม่ถึงตายก็จริง แต่เมื่อจ้าวหย่งเฉินโดนโจมตีไปแบบนั้นแล้วเขาก็นอนตายแน่นิ่งเลยนะ!

 

 

แต่แล้วก็มีเสียงไอตามมา

 

 

ใครไอกันนะ หลี่ว์ซู่มองกรีเออร์ กรีเออร์ก็มองเขากลับมาแบบงงๆ กรีเออร์ก็ไม่ได้ไอเหมือนกัน

 

 

หลี่ว์ซู่หันไปมองจ้าวหย่งเฉินที่กำลังยันตัวขึ้นมานั่ง “ให้ตายเหอะวะ เจ็บแผลชะมัด…”

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย

 

 

ชาติที่แล้วเขาเป็นแมลงสาบหรือเปล่าเนี่ย ทำไมบาดเจ็บขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้อีก! ทั้งหลี่ว์ซู่และกรีเออร์ก็คิดว่าจ้าวหย่งเฉินตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหลี่ว์ซู่ก็คงไม่ได้กระบี่เฉวียอินมาจากความโศกเศร้าหรอก!

 

 

งั้นที่เขาหลั่งเลือดออกมามากขนาดนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกแล้วงั้นสิ

 

 

อันที่จริงแล้วส่วนสำคัญของร่างกายจ้าวหย่งเฉินนั้นมีชุดเกราะวิญญาณชี่ปกป้องไว้อยู่อย่างหนาแน่น ถึงเกราะจะไม่ค่อยหนาแน่นเท่าไหร่ในบริเวณอื่น ๆ แต่ก็มากพอที่จะให้เขารอดมาได้

 

 

หลี่ว์ซู่ตัดสินใจเข้าไปช่วยจ้าวหย่งเฉิน กรีเออร์ก็เลยพยายามใช้โอกาสนั้นหนีออกมา แต่เขาก็โดนกระบี่สายฝนที่ลอยอยู่บนหัวโฉบลงมาโจมตีทันที สายฝนพวกนั้นโจมตีเข้าไปในเลือดเนื้อ กระดูก และกระทั่งวิญญาณของเขาด้วย

 

 

กรีเออร์ทรุดลงบนพื้นอีกรอบ ครั้งนี้เขาไม่รอดจริงๆ แล้ว

 

 

เมื่อมาถึงเวลาสุดท้ายของชีวิต กรีเออร์ก็คิดได้ว่าตัวเองมาเจอราชันฟ้าแห่งเครือข่ายฟ้าดินเข้าเสียแล้ว พวกเขาเคยสาบานว่าจะตามล่าราชันฟ้าให้ได้ แต่กลับกลายว่าตัวเองต้องมาเป็นเหยื่อเสียเอง

 

 

สุดท้ายแล้วพวกราชันฟ้าก็ถือว่าเป็นพวกที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งการบำเพ็ญแล้วสินะ

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าไปช่วยให้จ้าวหย่งเฉินลุกขึ้นเดินกลับไปที่ร้านค้า “นายโชคดีมากนะเนี่ย…”

 

 

จ้าวหย่งเฉินยังไม่ตายเพราะไม่ได้มีบาดแผลอะไรฉกรรจ์อะไร เขาใช้พลังรักษาของระดับ C รักษาอาการบาดเจ็บพวกนี้ได้ นี่เป็นหนึ่งในข้อดีของการเป็นผู้บำเพ็ญ เดี๋ยวพวกเขาก็จะหายดีในอีกไม่ช้า

 

 

แต่อย่างไรก็ตามฐานพลังจิตวิญญาณของจ้าวยงเฉินนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว เขาใช้พลังของตนเองไปจนหมด ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่สามารถเลื่อนระดับมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

 

จ้าวหย่งเฉินพยายามฉีกยิ้มออกมาบางๆ “กรรมตามสนองผมแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าพวกความผิดเล็ก ๆ ที่ผมเคยทำไปเมื่อปีที่แล้วจะอันตรายเกินไปสินะ ผมไม่ระวังเอง”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไร หลี่ว์ซู่ช่วยเขาให้นอนลงบนเก้าอี้และพูดว่า “พักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นแล้ว”

 

 

“ขอบุหรี่สักตัวกับ ‘ค็อก’ กระป๋องหนึ่งสิครับ” จ้าวหย่งเฉินพูด “ผมเพิ่งรอดตายมานะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงไม่กล้าดื่มเครื่องดื่มอะไรแบบนี้หรอกเพราะผมคิดว่ามันเป็นเครื่องดื่มของคนหนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่ตอนนี้ช่างมันเถอะ เดี๋ยวผมก็ตายแล้ว ถ้าไม่สนุกไปกับชีวิตที่เหลืออยู่ตอนนี้แล้วจะไปสนุกตอนไหนล่ะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ไปหยิบกระป๋องค็อกมาเงียบๆ แล้วก็ดึงแผ่นเหล็กขึ้นมา แต่มันกลับหักคามือเขา กระป๋องนั้นยังไม่ทันจะถูกเปิดเลย

 

 

[ได้แต้มจากจ้าวหย่งเฉิน +666!]

 

 

“กรรมแน่ๆ กรรมตามสนองผมแล้ว!” จ้าวหย่งเฉินเห็นรู้สึกมันทั้งน่าอายทั้งน่าขำ ต้องโทษวันเวลาเก่าๆ ที่เขาเคยขายของปลอมมาสินะ

 

 

“เอ่อ ก็นะ” หลี่ว์ซู่รู้สึกเขินเล็กน้อยเหมือนกัน “เดี๋ยวจะมีคนมาทำงานแทนหรือเปล่า”

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผมสบายดี เดี๋ยวจะมีคนมาตรวจดูพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า แล้วเขาก็จะมารับผมตอนนั้นเองแหละ” จ้าวหย่งเฉินตอบ “แล้วคุณล่ะ มีแผนจะไปไหนหรือเปล่า”

 

 

“ฉันจะไปฆ่าคน” หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีก่อนตอบ

 

 

จ้าวหย่งเฉินเองก็เงียบไปเหมือนกัน เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่จะไปกำจัดคนระดับ B อีกสองคนให้สิ้นซาก แต่มันยังอันตรายเกินไปอยู่ดี

 

 

เขาเลยถามออกไป “แล้วจะไปทำยังไงล่ะครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงักไป จากนั้นก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ก็จะไปสร้างความเสียหายในวังสวรรค์หน่อยน่ะสิ”

 

 

“ถ้าคุณกลับมาไม่ได้อีกล่ะครับ”

 

 

“ก็ให้มันเป็นอย่างนั้นแหละ” หลี่ว์ซู่เดินออกไปในความมืดอย่างรวดเร็วด้วยความมั่นใจ ร่างของเขาค่อย ๆ ลับหายไปในสายฝนยามค่ำคืน