ตอนที่ 181 คุณแม่ลั่วเอาเรื่องถังโจวโจว

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ลั่วอิงยู่ปากอย่างไม่ค่อยพอใจ เธออยากกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว เธอไม่ชอบโรงพยาบาล เธอออดอ้อนถังโจวโจวว่า “แม่โจวโจวขา หนูหายดีแล้ว หนูกลับบ้านได้หรือยังคะ หนูอยากกลับบ้าน หนูไม่อยากอยู่ที่นี่”

 

 

ถังโจวโจวตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้ลั่วอิงเพิ่งจะปลอดภัยกลับมา ถังโจวโจวจึงไม่อยากขัดใจเธอ แต่การเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ไม่สามารถตามใจเธอได้ในตอนนี้ ถังโจวโจวได้แต่นิ่งงัน และเมื่อลั่วอิงเห็นอย่างนั้น เธอจึงเรียกถังโจวโจวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แม่โจวโจวขา แม่โจวโจว…”

 

 

เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยช่างน่าฟัง ถังโจวโจวยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลั่วอิง ไม่ใช่ว่าแม่โจวโจวไม่อยากให้หนูกลับบ้าน เพียงแต่ว่า…”

 

 

“แม่โจวโจวไม่รักหนูแล้วใช่ไหมคะ หนูอยากกลับบ้านจริงๆ หนูไม่อยากอยู่โรงพยาบาล” ลั่วอิงจับมือของถังโจวโจวและเขย่ามันเบาๆ แล้วหัวใจของถังโจวโจวก็อ่อนยวบราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยวในทันที

 

 

ลั่วอิงมองเห็นความสำเร็จอยู่รำไร แต่ทันใดนั้นเอง ลั่วเซ่าเชินก็ทำลายความฝันนั้นลง “ลั่วอิง ลูกงอแงอีกแล้ว?” ลั่วเซ่าเชินส่งสายตาเตือนลั่วอิง

 

 

แม้ลั่วอิงจะคว่ำปากลง แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอบ่นพึมพำว่า “คุณพ่อดุจริงๆ…”

 

 

จากนั้นเธอก็ใช้แววตาที่ชื้นแฉะของเธอมองไปที่ถังโจวโจว แล้วถังโจวโจวก็ตกหลุมพรางของเธอในทันที ถังโจวโจวดึงลั่วอิงเข้ามากอดไว้ ก่อนจะมองไปที่ลั่วเซ่าเชินอย่างเป็นปรปักษ์ “คุณจะเอ็ดเธอทำไมคะ เธอเพิ่งดีขึ้นนะ? หากเธอป่วยขึ้นมาอีกเพราะคำพูดของคุณแล้วจะทำยังไง เธออยากกลับบ้านก็ให้เธอกลับบ้านสิคะ”

 

 

หลังจากนั้น ถังโจวโจวก็รู้สึกเสียใจในทันทีที่เธอพูดไม่ดีกับลั่วเซ่าเชินอีกแล้ว ต่างจากลั่วอิงที่จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจแกมดีใจ “แม่โจวโจวดีกับหนูที่สุดเลย!”

 

 

ลั่วเซ่าเชินเพียงแค่ใช้สายตาที่มองดูละครตบตาเมื่อครู่นี้มองไปที่ถังโจวโจว ถังโจวโจวอ่านความรู้สึกจากสายตาของเขาได้มากมายหลายอย่าง แล้วเธอก็ลอบสูดลมหายใจอย่างแรง ทำไมเมื่อครู่นี้เธอพูดออกไปอย่างนั้นนะ? ฮือๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ

 

 

ปึง! บานประตูห้องพักผู้ป่วยถูกปิดโดยลั่วเซ่าเชิน มีเพียงถังโจวโจวและลั่วอิงเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในห้อง ลั่วอิงหันมองถังโจวโจว ในขณะที่ถังโจวโจวเองก็มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

 

 

“ลั่วอิง แม่โจวโจวขอคุยอะไรกับหนูหน่อยได้ไหมคะ”

 

 

“เรื่องอะไรหรือคะ” ลั่วอิงหมุนศีรษะเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเธอเกาะกุมกันอย่างกังวลเล็กน้อย

 

 

“ไว้รอให้หนูหายไข้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้านกันนะคะ วันนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนอีกหนึ่งวัน รอดูวันพรุ่งนี้ว่าถ้าหนูไม่มีไข้แล้ว แม่โจวโจวก็จะพาหนูกลับบ้านทันที ตกลงไหมคะ” ถังโจวโจวนั่งคุยกับลั่วอิงอยู่ที่ริมเตียง

 

 

แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าลั่วอิงจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ไม่เอาค่ะ เมื่อกี้นี้แม่โจวโจวก็พูดแล้วนี่คะ?” ลั่วอิงเริ่มไม่พอใจ เธอคิดว่าถังโจวโจวไม่รักษาสัญญา เมื่อครู่นี้ยังรับปากเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะอยู่เลย แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับคำได้อย่างไร

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกปวดหัว และเมื่อเธอนึกถึงท่าทางของลั่วเซ่าเชินเมื่อครู่นี้ เธอก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดโน้มน้าวต่อไปว่า “ลั่วอิง หนูฟังแม่โจวโจวพูดก่อน…”

 

 

“หนูไม่ฟัง! ไม่ฟังแล้ว! หนูรู้แค่ว่าเมื่อกี้นี้แม่โจวโจวรับปากหนูแล้ว” ลั่วอิงต่อต้านโดยใช้มืออุดหูตัวเองทั้งสองข้าง

 

 

เมื่อถังโจวโจวได้เจอกับลั่วอิงจอมแก่นเข้าจังๆ ถังโจวโจวก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “ใจเย็นๆ นะ ถังโจวโจว ใจเย็นๆ เธอจะต้องใจเย็นๆ เอาไว้ เธอรับปากไปแล้ว ลั่วอิงไม่มีทางยอมเธอแน่ๆ หากเธอกลับลำในตอนนี้”

 

 

จากนั้นบนใบหน้าของถังโจวโจวก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เธอดึงมือเล็กๆ ของลั่วอิงออกจากใบหู จากนั้นเธอจับมือของลั่วอิงไว้ข้างหนึ่ง เธอลูบสัมผัสและมองดูมือที่นุ่มนิ่มของลั่วอิง ถังโจวโจวทำราวกับว่าเธอได้เจอของเล่นที่ถูกใจ เธอเล่นมันอย่างนั้นอยู่นาน

 

 

เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่พูดอะไร เธอก็อดรู้สึกเคว้งคว้างไม่ได้ “แม่โจวโจวขา ทำไมคุณแม่ถึงไม่พูดอะไรแล้ว” ความจริงแล้ว สิ่งที่ลั่วอิงกำลังคิดอยู่ก็คือ ทำไมถังโจวโจวถึงไม่โน้มน้าวเธอแล้วล่ะ แบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วน่ะสิ?

 

 

ถังโจวโจวยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม และเมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่พูด เธอจึงเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากพูดเอง “แม่โจวโจวขา คุณแม่จะไม่สนใจหนูแล้วจริงๆ หรือคะ แต่คุณแม่เป็นคนผิดสัญญานี่นา… ฮือๆ…” ลั่วอิงเสียใจ มันเป็นความผิดของถังโจวโจวนี่ แล้วทำไมถังโจวโจวถึงเมินเฉยใส่เธอล่ะ?

 

 

เมื่อเห็นว่าลั่วอิงร้องไห้อีกครั้ง ถังโจวโจวก็ได้สติกลับคืนมา เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ แต่เมื่อเธอเช็ดออกไป ระลอกใหม่ก็ไหลออกมา “ก็หนูไม่ยอมฟังที่คุณแม่พูดไม่ใช่เหรอ”

 

 

ลั่วอิงที่กำลังจะเรอออกมาอีกครั้ง เมื่อถูกถังโจวโจวขัดเช่นนี้ ก็ทำให้เธอเสำลัก “แค่กๆๆ” แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็ไอติดต่อกันอยู่พักหนึ่ง

 

 

ถังโจวโจวตบหลังให้เธอเพื่อที่เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น และเมื่อเธอหยุดไอแล้ว ลั่วอิงก็ได้แต่แกว่งมือของถังโจวโจวอย่างหมดทางสู้ “แม่โจวโจวขา หนูไม่ได้ไม่ฟังนะคะ…”

 

 

ถังโจวโจวลูบสัมผัสใบหน้าของเธอ “ตอนนี้หนูยอมฟังแม่โจวโจวแล้วใช่ไหม”

 

 

“ค่ะ” ลั่วอิงพยักหน้าหนักๆ ราวกับว่ามันจะทำให้ถังโจวโจวเห็นได้ว่าเธอเชื่อฟังแล้ว

 

 

“ลั่วอิง เมื่อครู่นี้แม่โจวโจวไม่ได้จะหลอกหนูนะคะ คุณแม่ขอโทษหนูสำหรับสิ่งที่คุณแม่เพิ่งจะพูดไป เพราะแม่โจวโจวเห็นแก่สุขภาพร่างกายของหนูมากกว่า แต่ถ้าหนูอยากกลับบ้านจริงๆ เดี๋ยวคุณแม่จะบอกคุณพ่อให้ว่าเราจะกลับกันตอนนี้เลย”

 

 

เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวจริงจัง เธอก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ค่อยๆ พูดอย่างระมัดระวังว่า “แม่โจวโจวขา หนูไม่กลับแล้ว หนูจะอยู่ที่นี่ แต่คุณแม่ต้องอยู่กับหนูนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูกลัว”

 

 

“ค่ะ คุณแม่จะอยู่เป็นเพื่อนหนูแน่นอน แต่ตอนนี้เด็กดีต้องนอนก่อนนะคะ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ”

 

 

ถังโจวโจวปรับเตียงให้ลั่วอิงและห่มผ้าห่มให้ จากนั้นเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงหลับตาลงแล้ว เธอก็เตรียมจะลุกออกไปด้านนอก แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามือของเธอถูกมือของลั่วอิงที่ยื่นออกมาจากผ้าห่มจับเอาไว้แน่น

 

 

“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”

 

 

“แม่โจวโจวอยู่เป็นเพื่อนหนูก่อนนะคะ พอหนูหลับแล้วคุณแม่ค่อยออกไปได้ไหมคะ” ลั่วอิงกะพริบดวงตาที่ฉ่ำวาว ถังโจวโจวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เธอรู้ดีว่าลั่วอิงรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงนั่งลงโดยดี

 

 

“ได้เลยค่ะ รีบนอนนะคะ แม่โจวโจวรับประกันเลยว่าคุณแม่จะออกไปหลังจากที่หนูหลับแล้ว”

 

 

ถังโจวโจวเฝ้าดูลั่วอิงที่หลับตาลงอย่างว่าง่าย เธอฮัมพลงกล่อมเบาๆ โดยหวังว่าลั่วอิงจะหลับลงได้อย่างวางใจ

 

 

หลังจากผ่านไปสักพัก ถังโจวโจวก็ลองเรียกเธอเบาๆ “ลั่วอิงคะ ลั่วอิง”

 

 

เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับ ถังโจวโจวก็รู้ว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว เธอค่อยๆ เก็บมือของลั่วอิงเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่าเงียบเชียบ

 

 

พอเธอออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เธอก็พบลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ที่ทางเดิน เขายืนอยู่ใกล้กับหน้าต่าง ในปากของเขาคาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน

 

 

กลุ่มควันค่อยๆ พวยพุ่งออกไปในอากาศ ท่ามกลางกลุ่มควันที่เป็นชั้นๆ เหล่านั้น ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน ถังโจวโจวค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้เขา ลั่วเซ่าเชินหันมามองเธอ “เรียบร้อยแล้ว?”

 

 

“ค่ะ คุณสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไร” ถังโจวโจวไม่ค่อยเห็นลั่วเซ่าเชินแตะต้องสิ่งนี้สักเท่าไร เธอก็เลยนึกว่าเขาไม่สูบบุหรี่ แต่ที่ไหนได้ เขาแอบสูบเวลาที่อยู่คนเดียว

 

 

“ผมสูบมานานแล้ว เพียงแต่หลังจากที่ผมมีลั่วอิง ผมก็ไม่ได้แตะต้องมันอีกเลย ต่อมาพออารมณ์ไม่ค่อยดี ผมก็จะสูบมันสักสองสามมวน” ลั่วเซ่าเชินยังจำได้ดี ในขณะที่เขาอยู่ในวัยคึกคะนอง เขามองว่าบุหรี่เป็นสัญลักษณ์แห่งชายหนุ่ม

 

 

ณ ตอนนั้นเขาสูบบุหรี่จัดมาก ตอนนั้นเขากล้าทำทุกอย่าง แต่พอลั่วเซ่าอวี๋กลับมาจากกองทัพแล้วพบว่าลั่วเซ่าเชินติดบุหรี่ ลั่วเซ่าอวี๋ก็จับเขาขังทันที และถ้าหากเขาไม่เลิก ก็จะไม่ยอมปล่อยเขาออกมา

 

 

ลั่วเซ่าเชินเคารพและเชื่อฟังพี่ชายคนนี้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เขาตั้งใจจะสูบมันแค่เล่นๆ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากลั่วเซ่าอวี๋ เพียงไม่นานเขาก็เลิกบุหรี่ได้ และเมื่อเขารับลั่วอิงกลับมา เขาก็ยิ่งไม่กล้าสูบบุหรี่ เขากลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อเด็ก เพียงแต่ช่วงนี้เขามีหลายเรื่องที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ ลั่วเซ่าเชินจึงใช้มันเป็นที่ระบายความเครียดก็เท่านั้น

 

 

ถังโจวโจวมองดูชายหนุ่มพราวเสน่ห์ตรงหน้า เรื่องความหล่อไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะหญิงสาวมากมายต่างก็อยากเป็นภรรยาของเขา คงจะพอจินตนาการกันได้อยู่ และที่สำคัญ เขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีเงินอีกด้วย ซึ่งนั่นยิ่งกลายเป็นอาวุธวิเศษในการดึงดูดใจของผู้หญิง

 

 

เพียงแต่ท่ามกลางกลุ่มควันที่ห้อมล้อม ถังโจวโจวก็เพิ่งจะค้นพบว่าเธอนั้นอยู่ห่างไกลจากเขาเสียเหลือเกิน เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าการแต่งงานของเธอมันจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า เธอไม่จำเป็นต้องรู้จักเขามากกว่านี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายในภายหลัง

 

 

แต่วันนี้ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินไปช่วยเหลือเธอออกมาจากถ้ำหมาป่าแล้ว ถังโจวโจวก็หวังว่าเธอจะสามารถเข้าใจผู้ชายคนนี้ได้มากยิ่งขึ้น เธออยากจะสัมผัสเขาด้วยหัวใจของเธอเองจริงๆ เธอไม่อยากจะหลีกหนีอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สนเรื่องราวความรักระหว่างลั่วเซ่าเชินและหันฮุ่ยซินอีกแล้ว อดีตก็คืออดีต เธอกับเขาจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง

 

 

“เซ่าเชิน เรา…” ถังโจวโจวจับมือของลั่วเซ่าเชิน และในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยความในใจที่เธอมีต่อลั่วเซ่าเชิน เธอก็ชะงักนิ่งไปเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

 

 

“ถังโจวโจว ยายตัวอันตราย! เธอทำอะไรกับหลานสาวของฉัน” น้ำเสียงของคุณแม่ลั่วดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ข้างกายของเธอมีพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินตามมาด้วย พยาบาลคนนั้นอาจจะนึกไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงที่ดูสง่างามน่าเคารพอย่างเธอจะมาก่อความวุ่นวายในโรงพยาบาลแบบนี้ สีหน้าเป็นกังวลมากเสียจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

 

 

“คุณผู้หญิงคะ ที่นี่คือวอร์ดวีไอพี ไม่สามารถส่งเสียงดังได้ คุณช่วยเบาเสียงลงหน่อยได้ไหมคะ” แต่คำขอร้องของพยาบาลสาวไม่ได้ผล

 

 

คุณแม่ลั่วตรงเข้าไปหาถังโจวโจว เธอยกมือขึ้นและหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าของถังโจวโจว

 

 

ลั่วเซ่าเชินจับมือข้างนั้นของคุณแม่ลั่วเอาไว้ได้ “แม่ครับ แม่จะทำอะไรน่ะ แม่มีความสุขมากหรือครับที่ได้เห็นคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเราน่ะ?”

 

 

หลังจากคุณแม่ลั่วตะโกนโหวกเหวกโวยวายจนลั่นชั้นแล้ว พยาบาลและพนักงานทั้งหมดที่อยู่ในชั้นนี้ก็มายืนมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อคุณแม่ลั่วกวาดสายตามองไปยังผู้คนที่พากันมองเธอราวกับว่าเธอเป็นตัวตลก ไฟโกรธที่อยู่ในใจของเธอก็พลัน โหมขึ้นไปอีกระดับ “มองอะไรกัน นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน!”

 

 

คำพูดของคุณแม่ลั่วเป็นแค่เพียงฟ้าร้องที่เสียงดัง แต่ฝนกลับตกนิดเดียว ผู้คนที่อยู่โดยรอบยังคงยืนดูอยู่อย่างนั้น พยาบาลสาวตัวน้อยที่ตามคุณแม่ลั่วมาจึงพูดจาโน้มน้าวอีกครั้ง “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันคิดว่าคุณคงจะทราบดีว่าโรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกคุณมาทะเลาะกันได้ และมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะระบายโทสะได้ด้วย”

 

 

ถังโจวโจวเห็นว่าพยาบาลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น กลับกลายเป็นคนที่มีเหตุผลขึ้นมาทันควัน แววตาของเธอเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าพยาบาลคนนี้จะไม่ใช่คนที่เกรงกลัวอิทธิพลสักเท่าไร เพียงแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคำพูดประโยคนั้นจะใช้ได้กับคุณแม่ลั่วหรือไม่

 

 

“เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งสอนฉันแบบนี้ ไปเรียกผอ. ของพวกเธอมา ฉันอยากจะรู้นักว่าโรงพยาบาลของพวกเธอจะเป็นยังไงต่อไป!” ท่าทางของคุณแม่ลั่วดูยโสโอหัง ถังโจวโจวรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นสะใภ้ของตระกูลลั่ว ปัญหาใดๆ ของคุณแม่ลั่วสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคนในครอบครัวได้

 

 

ถังโจวโจวเดินเข้าไปหาพยาบาลคนนั้น ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอโทษด้วยนะคะ คุณพยาบาล แม่สามีของฉันกำลังโกรธอยู่ ฉันจะรีบพาเธอเข้าไปข้างใน หากรบกวนผู้ป่วยท่านใด ฉันก็ขอโทษแทนแม่สามีของฉันด้วยนะคะ”

 

 

หลังจากนั้นถังโจวโจวก็ก้มหัวขอโทษและโค้งคำนับด้วยใจจริง ความจริงใจของเธอทำให้พยาบาลสาวไม่อาจพูดอะไรได้อีก เธอได้แต่บ่นพึมพำก่อนจะเดินจากไปว่า “น่าเศร้าจริงๆ มีแม่สามีแบบนี้”

 

 

“เอ๊ะ นี่เธอว่าอะไรนะ! พูดจาเป็นหรือเปล่าเนี่ย…”

 

 

ตั้งแต่ถังโจวโจวเข้ามาในตระกูลของเธอ คุณแม่ลั่วก็ไม่ชอบให้คนอื่นพูดความจริงที่ว่าถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของเธอต่อหน้าเธอ และเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นๆ มาชื่นชมว่าถังโจวโจวนั้นเป็นคนดีมากแค่ไหนด้วย