ตอนที่ 287 สูญเสียเงินทองและเกียรติยศ / ตอนที่ 288 ออกเดินทาง

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 287 สูญเสียเงินทองและเกียรติยศ 

 

 

 

 

 

“เมื่อครู่นี้นางยังนั่งทานข้าวอยู่ที่นี่อยู่เลย แต่ประเดี๋ยวเดียวนางก็หายไปแล้วขอรับ” ชิงอวิ๋นรีบตอบกลับมาในทันใด เมื่อเทียบกับผู้อื่นแล้วเขาก็เป็นองครักษ์ที่อยู่ข้างกายนางมานานกว่า อยู่มานานจนไม่เหมือนกับองครักษ์หนุ่มที่ไม่ได้ทำอะไรก็หน้าแดงก่ำเสียแล้วคนนั้น  

 

 

ทุกคนต่างก้มหน้าทานอาหารต่อไปเงียบๆ ได้ร่วมเดินทางกับอวี้อาเหรามาสองวัน ก็พอจะทำให้พวกเขารู้สึกคุ้นเคยกับอวี้อาเหราอยู่บ้าง แต่จะตีให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่กล้านั่งทานข้าวร่วมโต๊ะตรงๆ กับนางอยู่ดี นี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วจะบีบบังคับให้พวกเขาพูดคุยหยอกล้อได้อย่างไรกัน 

 

 

ขณะที่กำลังทานอาหารด้วยความจริงจัง เจาเอ๋อร์ก็ยกน้ำชาที่ชงเรียบร้อยเข้ามาด้านใน อวี้อาเหราจึงชะงักไป “เจ้าทำอะไรน่ะ” 

 

 

“เมื่อวันก่อนบ่าวเห็นว่าคุณหนูชอบดื่มน้ำชาที่เมี่ยวอวี้ชงมาให้ เช่นนั้นจึงเรียนรู้จากนางชงชามาให้คุณหนูถ้วยหนึ่ง คุณหนู ลองชิมดูเถิดเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ส่งถ้วยน้ำชามาให้ 

 

 

“อืม” อวี้อาเหรานิ่งเงียบไปสักพัก ที่แท้ก็นางก็เรียนรู้จากเมี่ยวอวี้ไปชงชามาให้ตนนี่เอง นางก็คงจำฝังใจสินะ เช่นนั้นจึงยิ้มแล้วรับมา ก่อนจะจิบไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู เหมือนของเมี่ยวอวี้หรือไม่” 

 

 

“เหมือนกัน อร่อยดี” อวี้อาเหราพยักหน้าลงช้าๆ ก่อนจะดื่มชาลงไป เจาเอ๋อร์ชงชาได้ห่างชั้นจากเมี่ยวอวี้นัก รสชาติยังคงห่างไกลอยู่มาก นี่ก็เหมือนกับน้ำชาธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เมื่อมองเห็นสายตาที่คาดหวังของนางแล้วก็ไม่อาจใจร้ายบอกว่าไม่อร่อยได้ 

 

 

“จริงหรือ” เจาเอ๋อร์ยินดีเป็นอย่างมาก 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้าขึงขังอีกครั้ง “จริงๆ” 

 

 

หลังจากดื่มชมจนหมดแล้ว อวี้อาเหราก็ทานอาหารเช้าต่อ อาหารของโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งนี้ไม่เลิศรสเท่าที่จวนหลิงอ๋อง แต่ก็ยังดีกว่าเสบียงแห้งๆ มากนัก แม้ว่าจะเป็นอาหารธรรมดาแต่นางก็ยังทานได้มาก 

 

 

ยามที่กำลังทานอยู่นั้น ต้าเว่ยก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณหนู ท่านมายังมุมเมืองตะวันตกครั้งนี้ คิดที่จะทำอะไรหรือขอรับ” 

 

 

“ข้าจะลองไปดูที่ตลาดมืดเสียหน่อย” อวี้อาเหราไม่ปิดบัง บอกถึงจุดประสงค์ของตัวเองออกไปตรงๆ 

 

 

ทันทีที่ได้ยินคำว่าตลาดมืด หลงจู๊ที่กำลังเก็บกวาดถ้วยชามอยู่นั้นก็พลันตกใจ “คุณหนู ที่แท้ท่านก็จะไปที่ตลาดมืดหรือขอรับ”  

 

 

“อืม ทำไมหรือ” อวี้อาเหราปรายตามอง 

 

 

“ตลาดมืดนั้นมีคนเยอะและวุ่นวายนัก ร่างกายบอบบางเช่นคุณหนูไปสถานที่เช่นนั้นเกรงว่าจะไม่สะดวกนัก” สีหน้าท่าทางของหลงจู๊ดูระมัดระวัง 

 

 

“แต่ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมีของขายมากมาย จะมีอะไรไม่สะดวกกัน” อวี้อาเหรามองหลงจู๊อย่างพิจารณา นางรู้เพียงว่าตลาดมืดนั้นอยู่ที่มุมตะวันตกของเมือง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดกันแน่ หากหลงจู๊รู้ เช่นนั้นคงจะเป็นเรื่องดีเป็นอย่างมาก 

 

 

“คุณหนูอย่าได้รีบร้อน ให้ข้าได้อธิบายให้ท่านฟังก่อน” หลงจู๊หยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “เดิมทีที่เมืองนี้ก็สงบสุขยิ่งนัก แต่ได้ยินมาว่าหลังจากที่นายท่านที่อยู่เบื้องหลังตลาดมืดแห่งนี้ไม่อยู่ ก็ไม่รู้ว่ามีอันธพาลกลุ่มหนึ่งมาจากที่ใด ต่างก็พากันจับจ้องข้าวของที่ขายอยู่ในตลาดมืดตาเป็นมัน จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจเข้ามายังที่นี่ได้ คงจะต้องรอให้นายท่านที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้นกลับมาที่นี่เสียก่อนจึงจะแก้ไขความวุ่นวายได้ขอรับ” 

 

 

“เพราะอย่างนั้นโรงเตี๊ยมของเจ้าถึงได้ไม่ค่อยมีคนเข้ามาพักใช่หรือไม่” อวี้อาเหราถามกลับ 

 

 

หลงจู๊พยักหน้า “ก่อนหน้านี้แม้จะกล่าวว่าเมืองของเรานั้นรกเรื้อยิ่งนัก แต่ก็ยังดีที่ยังมีคนจำนวนมากเดินทางมาที่ตลาดมืดแห่งนี้ อย่างน้อยๆ ก็ย่อมมีแขกมาพักไม่น้อย แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับเงียบเหงายิ่งนัก…” 

 

 

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าตลาดมืดนั้นอยู่ที่ใด” 

 

 

“คุณหนูจะไปจริงๆ หรือขอรับ” หลงจู๊ชะงัก เหลือบมองไปยังพวกต้าเว่ย “แม้จะบอกว่าท่านจะพาคนมาไม่น้อย แต่อีกฝ่ายก็มีคนมากเช่นกัน และแต่ละคนก็ล้วนมีฝีมือไม่ด้อย ไม่เพียงแต่จะโดนดักปล้น แต่ก็ยังเกรงว่าจะต้องสูญเสียเงินทองและเกียรติยศด้วยนะขอรับ” 

 

 

“เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า “ขอเพียงบอกข้ามาเถิดว่ามันอยู่ที่ไหน” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 288 ออกเดินทาง 

 

 

 

 

 

เมื่อเห็นนางยืนยันหนักแน่นถึงเพียงนี้ หลงจู๊ก็ทำได้แต่เพียงบอกความจริงออกไป “ตลาดมืดนั้นอยู่ที่มุมสุดของเมือง อยู่ห่างจากที่นี่อย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เมื่อเดินทางจากตรงนี้ให้ไปตามถนนใหญ่ก็จะถึงแล้ว จะมีก้อนหินสีดำไร้ชื่อสลักอยู่ เข้าไปยังทางที่ก้อนหินก้อนนั้นชี้บอกทางก็จะถึงจุดหมาย” 

 

 

อวี้อาเหราจดจำเอาไว้ในใจ เมื่อจำได้แล้วถึงค่อยเงยหน้าขึ้นแล้วโบกมือไปทางหลงจู๊ “ข้าจำได้แล้ว เจ้าออกไปพักเถิด ไม่ต้องอยู่ปรนนิบัติพวกเราที่นี่แล้ว” 

 

 

เมื่อหลงจู๊เดินจากไป เจาเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วกล่าวขึ้นว่า “ตลาดมืดอันตรายถึงเพียงนั้น พวกเราก็อย่าไปกันเลยเถอะนะเจ้าคะ…” 

 

 

“เจ้านี่นะ เป็นกระต่ายตื่นตูมอีกแล้ว อันตรายแล้วอย่างไร พวกเรามากันมากมายถึงเพียงนี้ยังจะกลัวว่าเสียเปรียบอีกหรือ” อวี้อาเหราถามกลับอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก แม้จะรู้ว่าเจาเอ๋อร์นั้นหวังดี เดิมทีนางก็ไม่อยากให้ตนมาที่ตลาดมืดอะไรนี่อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะสองสามวันมานี้ได้แรงกระตุ้นจากเมี่ยวอวี้ แน่นอนว่านางก็ต้องอยากทำตัวดีๆ อยู่ข้างกายตนอยู่แล้ว 

 

 

เจาเอ๋อร์ถูกดุจนปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาอีก 

 

 

อวี้อาเหรากวาดตามองไปยังคนเหล่านั้น “พวกเจ้า หากมีใครไม่อยากไปก็ให้อยู่เสียที่นี่ ข้าไม่บังคับ” 

 

 

“พวกเราย่อมต้องไปเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของคุณหนูแน่นอนขอรับ” พวกต้าเว่ยลุกขึ้นยืนจากม้านั่ง กุมดาบในมือและประกบกับมืออีกข้างหนึ่งเข้าด้วยกัน แล้วจึงโน้มกายทำความเคารพ 

 

 

อวี้อาเหราพยักหน้าลงอย่างพึงพอใจ ก่อนจะมองไปทางเจาเอ๋อร์ “เจ้าล่ะ?” 

 

 

เจาเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “บ่าวจะไปเตรียมเสบียงและน้ำดื่ม เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทางเจ้าค่ะ” 

 

 

หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทางจากโรงเตี๊ยม รถม้ามุ่งเดินทางไปยังตลาดมืด ท้องฟ้าก็เริ่มกลายเป็นสีเทา ทั้งๆ ที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่างได้ไม่นาน ทั่วบริเวณมีแต่ป่าเขา เสียงใบไม้เสียดสีกัน ราวกับกำลังเดินทางลงสู้ใต้พิภพอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

ย่ำไปตามอากาศที่หม่นมัว รถม้ามุ่งไปข้างหน้าด้วยความราบรื่นไม่ติดขัด เมื่อมาถึงหินสีดำแล้ว จึงค่อยหยุดลง 

 

 

อวี้อาเหรามองตรงไหด้านหน้า ถนนเส้นนั้นดูเล็กและแคบเป็นอย่างยิ่ง ต้องลงเดินเท้าเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านไปได้ รถม้าไม่อาจเคลื่อนผ่าน เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วทุกคนก็เริ่มเป็นกังวล หากพวกเขาเข้าไปข้างใน แล้วรถม้าถูกขโมยไปจะกลับอย่างไรกัน 

 

 

นั่งรถม้ายังต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งชั่วยาม หากไม่มีรถม้าจะต้องใช้เวลานานถึงเพียงใดกันเล่า 

 

 

หากจะให้คนอยู่เฝ้าที่นี่สักสองสามคน ก็ได้ยินจากหลงจู๊โรงเตี๊ยมว่าด้านในนั้นอันตรายยิ่งนัก หากมีคนไม่พอที่จะต่อกรกับศัตรูแล้วจะทำอย่างไรกัน เพราะอย่างนั้นพวกนางจึงเริ่มลำบากใจ เมื่อสายตามองเห็นท้องฟ้าที่ค่อยๆ ดำมืดแล้วก็ยิ่งหนักใจ ดูราวกับว่าฝนจะตกลงมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

อวี้อาเหราไม่รั้งรออะไรอีกต่อไป หันไปสั่งกับจิ่วเว่ยว่า “เจ้าก็เฝ้ารถม้าอยู่ที่นี่ ส่วนคนที่เหลือตามข้ามา” 

 

 

“ขอรับ” จิ่วเว่ยจึงรออยู่ที่รถม้า 

 

 

อวี้อาเหราเดินเข้าไปตามถนนสายเล็กๆ ถึงแม้จะกล่าวว่าถนนเส้นนี้เป็นถนนบนภูเขา แต่กลับไม่ซับซ้อนเลยแม้แต่น้อย หนทางราบเรียบยิ่งนัก สามารถเดินเข้าไปยังถนนเส้นเล็กๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่เข้าไปก็มองเห็นแผงขายของที่ตั้งอยู่ที่ทางเข้าของตลาดมืด ด้านบนมีหน้ากากสีดำอยู่ไม่น้อย นางเห็นเช่นนั้นแล้วก็ชะงักไป 

 

 

เจาเอ๋อร์จึงเอ่ยขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าตลาดมืดมีกฎแปลกๆ อยู่เจ้าค่ะ ไม่ว่าใครที่เข้ามาด้านในจะต้องสวมหน้ากากเอาไว้ มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะไม่รับผิดชอบ เมื่อก่อนมีคนที่ไม่ได้ใส่เข้าไปด้านใน สุดท้ายก็ถูกคนด้านในโยนออกมา” 

 

 

“เข้มงวดถึงเพียงนั้นเชียว?” อวี้อาเหราสงสัย 

 

 

“บ่าวก็ไม่กล้าโกหกคุณหนูหรอกเจ้าค่ะ” 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี” อวี้อาเหราเป็นคนแรกที่ไปหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมก่อน ทันใดนั้นก็เผยยิ้มออกมา “ไม่แปลกเลยที่หลงจู๊ในโรงเตี๊ยมจะกล่าวว่ามีคนดักปล้นชิงทุกที่ ในเมื่อสวมหน้ากากปะปนอยู่ในฝูงชนเช่นนี้ก็ย่อมไม่มีใครรู้จักแน่ นี่ก็เป็นโอกาสอันดีของคนพวกนั้นที่จะทำชั่วไปทั่ว คนของทางการคงไม่อาจจัดการอะไรได้”