“…พี่อาเรียคะ น้องซื้อดอกยี่โถจากที่ที่พี่บอกมาแล้วค่ะ”

มิเอลเดินตามอาเรียต้อยๆ และพูดขึ้นขณะที่อาเรียกำลังเดินขึ้นบันไดหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ

ท่าทางมิเอลจะกลัวใครเห็นเข้า เธอถึงเอามือป้องปากและพูดออกมาอย่างลับๆ ดูแล้วช่างน่ารักน่าชังเสียจริง คงไม่รู้ตัวเลยสินะว่าการทำแบบนั้นยิ่งดูน่าสงสัยมากขึ้นไปอีก

ทั้งที่เพิ่งจะบอก ที่ที่สามารถหาซื้อดอกยี่โถได้ให้รู้ไปเพียงวันเดียวแท้ๆ คงจะร้อนใจมากถึงได้ซื้อมันมาเรียบร้อยแล้ว

แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้มิเอลเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา อาเรียจึงแอบบอกให้แอนนี่รู้เอาไว้แล้ว หากไม่จับมิเอลเอาไว้ตอนนี้ ไม่แน่ว่าในภายหลังเธออาจจะทำตัวล้ำเส้นปีนเกลียวขึ้นมาก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องสั่งสอนให้รู้อะไรเป็นอะไรเสียบ้าง

ประจวบเหมาะกับที่แอนนี่ลงมาจากชั้นบน เธอถลึงตาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นมิเอลและเริ่มตะคอกขึ้นมา

“เลดี้บอกว่าจะออกไปข้างนอกใช่ไหมคะ งั้นรีบขึ้นมาดีกว่าค่ะ มิเอล เธอทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยรึยัง มีงานให้ทำกองเป็นภูเขาเลยนะ มัวมาทำอะไรตรงนี้อยู่ได้”

“…”

ทว่าในตอนนี้มิเอลได้รู้แล้วว่าแอนนี่ไม่สามารถส่งตัวเธอเข้าคุกได้หากปราศจากการอนุญาตของอาเรีย เธอจึงไม่ยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เลือกที่จะปะทะด้วยการปรายตามองค้อนกลับไป

ในเมื่อมิเอลหาดอกยี่โถมาได้แล้ว เธอก็ไม่ใช่มิเอลคนก่อนอีกต่อไป

“เธอบ้าไปแล้วเหรอ! นี่รู้รึเปล่าว่าจ้องใครอยู่น่ะ! “

การกระทำเช่นนั้นของมิเอลทำให้แอนนี่เดือดดาลขึ้นมา และทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลงจนไม่สามารถแย่ลงไปได้อีก

แม้ว่าอาเรียจะอนุญาตก็ตามแต่นี่ก็ไม่ใช่การกระทำที่ควรจะแสดงออกมาต่อหน้าต่อตาของเจ้านาย

และเมื่ออาเรียเห็นแอนนี่พับแขนเสื้อขึ้นราวกับว่าจะเปิดศึกทะเลาะกันขึ้นมา เธอจึงเข้าไปแทรกระหว่างสองคนเอาไว้

“แอนนี่ เธอต้องมาช่วยฉันเตรียมตัวออกไปข้างนอกนะ ส่วนมิเอล น้องจะช่วยเตรียมน้ำชาสำหรับช่วงบ่ายให้หน่อยได้ไหม”

“คะ…ค่ะ! “

แม้ว่าจะดื่มชาอยู่เสมอก็ตาม แต่เหตุผลที่เอ่ยเรื่องเตรียมน้ำชาขึ้นมามีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือสัญญาณสั่งให้เตรียมใส่ยาพิษลงในน้ำชานั่นเอง

มิเอลที่รู้เรื่องนี่อย่างแจ่มแจ้งพลันดีใจและตอบออกมา

“จะเริ่มเตรียมเดี๋ยวนี้เลยค่ะ! “

“งั้นก็ไปเตรียมเถอะ”

ประหนึ่งลูกศรที่พุ่งฉิวออกไป มิเอลหายไปอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างรวดเร็ว

“…ทำไมมิเอลถึงต้องเตรียมชาช่วงบ่ายตั้งแต่ตอนนี้กันล่ะคะ”

ทั้งที่ไม่มีแขกมาเยี่ยมเยียนเลยสักคน ทั้งคฤหาสน์ก็มีเพียงแค่อาเรียกับสาวใช้ไม่กี่คนเท่านั้น หน้าตาของแอนนี่กำลังสงสัยว่าทำไมมิเอลถึงต้องทำให้ดูเอิกเกริกขนาดนั้นด้วย เพราะถึงแม้จะเตรียมชาอย่างพิถีพิถันมากเพียงไร ใช้เวลาแค่สองถึงสามชั่วโมงก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

แล้วอาเรียก็อธิบายถึงเหตุผลของใบหน้าที่ดูซ่อนเร้นนั่นออกมา

“จะมีแขกมาน่ะ”

“มีแขกมาอย่างนั้นหรือคะ”

“ใช่ มีแขกมา และเป็นแขกที่มิเอลชื่นชอบมากๆ ด้วย”

และเมื่อได้ยินว่าจะมีแขกมา แอนนี่ก็เข้าใจในการกระทำของมิเอลและคลายความสงสัยออกจากใบหน้าได้

“เอ่อ อย่างนี้นี่เอง แต่ว่าคนที่มิเอลชื่นชอบเนี่ยคือใครกันล่ะคะ มีคนแบบนั้นด้วยหรือคะ”

“ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ”

และแน่นอนว่ามิเอลไม่รู้ตัวเลยว่าคนคนนั้นจะมาเยี่ยม

“เอาเถอะ อย่างไรตอนบ่ายก็ต้องดื่มชาอยู่แล้วฉะนั้นก็ต้องทำอะไรให้ไวหน่อย เธอจะช่วยฉันเตรียมตัวได้ไหม”

“ค่ะ! เลดี้ แต่ถ้าเลดี้ไม่ว่าอะไร เวลาน้ำชาในช่วงบ่ายขอดิฉันเข้าร่วมด้วยได้ไหมคะ ดิฉันอยากรู้ว่าคนที่มิเอลรออยู่คือใครน่ะค่ะ”

อาเรียยิ้มออกมาราวกับเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วและตอบคำถามอันไร้เดียงสาของแอนนี่

“ได้สิ เอาอย่างนั้นก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรเสียหน่อย”

เพราะเดิมทีแล้วหากไม่มีแอนนี่อยู่ด้วยมันก็จะเป็นช่วงน้ำชาที่ไม่สมบูรณ์ตามแผน นั่นจึงเป็นคำถามที่ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดให้มากความเลย

แอนนี่ฮัมเพลงและช่วยอาเรียแต่งตัว โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือช่วงดื่มชาที่มิเอลเตรียมไว้เพื่อแกล้งตัวแอนนี่เอง

สถานที่ซึ่งอาเรียมุ่งไปหลังจากการแต่งตัวด้วยความเร่งรีบก็คืออาคารของบารอนเวอร์บูมนั่นเอง

เนื่องจากธุรกิจของบารอนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก จึงมีทั้งลูกค้า นักศึกษาจากวิทยาลัย และนักธุรกิจที่ตั้งใจจะเข้าร่วมการประชุมครั้งใหม่แวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

“…ช่างน่าอายจังเลยครับที่ต้องต้อนรับเลดี้ด้วยสภาพแบบนี้”

บารอนก้มหัวขอโทษอาเรียที่กำลังเบิกตาโพลงขณะลงมาจากรถม้า เพราะเธอไม่ได้มาเสียนาน จึงไม่รู้เลยว่าจะวุ่นวายกันถึงเพียงนี้

“ไม่เลยค่ะ เพราะบารอนช่วยดูแลและจัดการเรื่องที่ดิฉันต้องทำให้ทั้งหมดเลยนี่คะ”

ทว่าคนที่ต้องขอโทษนั้นไม่ใช่บารอนแต่เป็นอาเรียต่างหาก เพราะเขาทุ่มเทกายใจช่วยเหลืออาเรียที่ปกปิดตัวตนมาตั้งแต่แรก ทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับอาเรียกลายมาอยู่ในความรับผิดชอบของเขาไปด้วยโดยปริยาย

“หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อาจจะเกิดอุปสรรคต่อการทำธุรกิจหลักของบารอนได้ ดิฉันคิดว่าควรจะหาอาคารที่เหมาะสมหลังใหม่ไว้จะดีกว่านะคะ”

“ผมไม่เป็นอะไรเลยครับ ไม่มีปัญหาเลยจริงๆ ครับ”

ดูเหมือนเขาจะรู้สึกกังวลและไม่อยากให้อาเรียต้องใส่ใจกับตัวเขาให้เปล่าประโยชน์ บารอนเวอร์บูมจึงส่ายหน้าปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาด และค้านอย่างจริงจังว่าตัวเองไม่เป็นอะไร

เมื่อเห็นเช่นนั้น อาเรียจึงพูดว่าโชคดีที่ไม่ได้พาแอนนี่มาด้วยและหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบออกมาว่า

“ดิฉันไม่ได้ทำเพื่อบารอนคนเดียวหรอกค่ะ ดิฉันเองก็รู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่จำเป็นด้วยค่ะ เพราะอย่างไรก็คงจะยืมสำนักงานของบารอนไปตลอดไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ”

เนื่องจากทรัพย์สินของเธอเพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ จึงจำเป็นที่จะต้องมีคนช่วยดูแลเรื่องนั้นให้ เธอจึงตั้งใจจะซื้ออาคารหลังใหม่หนึ่งหลัง และจ้างใครสักคนมาช่วยดูแลทรัพย์สินและช่วยงานเธอนั่นเอง

“ถ้าอย่างนั้น ให้ผมหาอาคารดีๆ ให้นะครับ”

“มีเวลาจัดการเรื่องแบบนั้นด้วยหรือคะ”

“มีแน่นอนครับ”

ทั้งที่ดูจะไม่มีเวลาว่างเลยแท้ๆ

อาเรียนึกถึงตอนที่แอนนี่บ่นว่าบารอนยุ่งจนไม่มีเวลาเจอเธอเลย และแม้จะไม่คิดถึงเรื่องนั้น แต่เพียงแค่มองดูจำนวนผู้คนมากมายที่อยู่ในอาคารของบารอนก็รู้ได้เลยว่าเขายุ่งมากแค่ไหน

อาเรียคิดว่าความจงรักภักดีของเขานั้นมีมากมายเกินไป เธอจึงส่ายหน้าช้าๆ หากยังให้บารอนเวอร์บูมรับผิดชอบดูแลเรื่องงานมากไปกว่านี้ แล้วเขาเกิดล้มป่วยเพราะทำงานหนักเกินไปขึ้นมาละก็ นั่นอาจจะทำให้ชีวิตในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปก็ได้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย อีกอย่างดิฉันก็มีอาคารที่ดูๆ ไว้อยู่แล้วด้วย อย่างไรเสียตอนนี้ก็มีเรื่องอื่นให้ต้องจัดการด้วย เลยคิดว่าจะซื้อมันในภายหลัง ค่อยๆ ตัดสินใจเอาค่ะ”

นอกจากนั้นนี่ก็ไม่ใช่ธุระที่เธอมาในวันนี้ด้วย จุดประสงค์ที่เธอมาก็เพื่อลงนามในเอกสารแนะนำบุคลากรที่จะเข้าไปรับตำแหน่งที่ยังว่างอยู่ในฝ่ายข้าราชสำนัก

เนื่องจากเธอได้รับเอกสารทางราชการให้ช่วยแนะนำบุคลากรจากวิทยาลัยที่มีผลคะแนนอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยมและมีความประพฤติอันดีงามให้เข้ามารับตำแหน่งข้าราชการระดับล่างในฝ่ายข้าราชสำนักนั่นเอง

และในรายชื่อนั้นก็มีฮานส์ที่ในอดีตต้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถม้ารวมอยู่ด้วย

ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังของอาเรียและความเพียรพยายามของเจ้าตัว ทำให้เขาได้คะแนนสูงที่สุดในวิทยาลัย และยังเป็นผู้ชายคนสนิทของเจสซี่ด้วย ถือเป็นคนที่ไม่ว่าจะตัดให้ขาดออกไปจากชีวิตของอาเรียอย่างไรก็ไม่สามารถตัดออกไปได้

ทั้งที่เธอไม่ได้ใช้อำนาจใดๆ ทั้งนั้น แต่พอเห็นว่ามีชื่อของเขารวมอยู่ในเอกสารด้วยก็ทำให้รู้สึกว่านาฬิกาทรายนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงได้มากมายขนาดนี้ เธอรู้สึกประทับราวกับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเริ่มลงนามในเอกสาร

“จะนำไปให้ทางข้าราชสำนักทันทีเลยหรือเปล่าคะ”

“ครับ ใช่แล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอฝากจดหมายไปด้วยหนึ่งฉบับนะคะ ดิฉันอยากให้นำไปส่งให้เจ้าชายน่ะค่ะ”

“…ให้เจ้าชายหรือครับ”

ทำไมถึงไม่ส่งมันไปด้วยตัวเองเล่า อาเรียที่อ่านข้อสงสัยของเขาออก ได้อธิบายเหตุผลออกมาช้าๆ

“พอดีว่าช่วงบ่ายดิฉันมีกำหนดการที่จะต้องทำน่ะค่ะ เดิมทีแล้วก็ไม่มีหรอกค่ะแต่อยู่ๆ ก็มีขึ้นมากะทันหัน ฉะนั้นเลยอยากให้ช่วยส่งไปพร้อมกันเลยค่ะ”

“อย่างนั้นเองสินะครับ”

เพราะถึงอย่างไรบารอนเวอร์บูมก็จัดการเรื่องที่อาเรียสั่งให้อย่างไม่พร่ำบ่นอะไรอยู่แล้ว และในครั้งนี้เขาก็ใจดีสั่งข้ารับใช้ให้นำจดหมายของอาเรียไปส่งให้กับองค์รัชทายาท

ในระหว่างนั้นอาเรียได้ใช้เวลาตามกำหนดการในวันนี้พูดคุยกับเหล่านักธุรกิจที่มีความก้าวหน้าเกี่ยวกับธุรกิจของพวก และแล้วจดหมายตอบกลับของอาซก็มาถึงอย่างรวดเร็ว

[ ผมเข้าใจแล้วครับ แต่การที่เลดี้หาคนอื่นซึ่งไม่ใช่ผมมันทำให้ผมเศร้าใจอยู่นิดหน่อย ผมขอคำอธิบายถึงเหตุผลนั้นในภายหลังด้วยนะครับ ]

อาเรียยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับจดหมายตอบกลับที่แสนจะน่ารักนั่น เธอกลับคฤหาสน์หลังจากกำหนดการเสร็จสิ้นลงแล้ว

ดูเหมือนมิเอลกำลังรอการกลับมาของอาเรียจนคนหักคอพับกันเลยทีเดียว เพราะทันทีที่รถม้าหยุดลงใบหน้าแรกที่อาเรียเห็นก็ไม่ใช่ใคร แต่คือมิเอลนั่นเอง

“มิเอล เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วรึยัง”

มิเอลดีใจเป็นอย่างมากต่อคำถามนั้น เธอพยักหน้าตอบ

“ค่ะ! เรียบร้อยค่ะ เพียงแค่ยกออกมาเสิร์ฟก็เป็นอันจบค่ะ”

“รู้ใช่ไหมว่าต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะน่ะ เพราะถ้ามากเกินไปจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา”

“…อย่ากังวลไปเลยค่ะ”

มิเอลตอบออกมาอย่างมั่นใจให้กับเสียงกระซิบอย่างลับๆ ของอาเรียว่าให้เชื่อในตัวเธอ

เธอควรจะระวังเอาไว้สิมิเอล ก็ใครกันเล่าที่จะได้ดื่มชานั่น

ในระหว่างที่อาเรียเปลี่ยนชุดนอกบ้านและพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่งนั้น อาหารว่างก็ถูกจัดเตรียมขึ้นบนโต๊ะในสวนชั้นสอง ปกติแล้วเวลาน้ำชาช่วงบ่ายมักจะใช้แก้วที่มีสีเหมือนกัน แต่ในครั้งนี้สีของแก้วแตกต่างกันออกไป ซึ่งง่ายต่อการระบุว่าแก้วชาแก้วไหนมียาพิษอยู่

แก้วน้ำชาของแอนนี่ตกแต่งดอกไม้บานสะพรั่งหลากสีหลากชนิด เป็นแก้วน้ำชาอันหรูหราที่น่าจะถูกใจแอนนี่ไม่น้อย มิเอลได้ทายาพิษเอาไว้บนก้นแก้วเรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้แผนการนี้สมบูรณ์แบบ เธอได้กำชับอาเรียไว้อย่างหนึ่ง

“จะให้แอนนี่เห็นแก้วเปล่าไม่ได้เด็ดขาดนะคะ”

และจากคำพูดนั้นก็ทำให้อาเรียรู้ว่ามิเอลทายาพิษไว้ในแก้วชามากน้อยเท่าไหร่ หากตั้งใจจะให้ปวดท้องขึ้นมาละก็ คงจะใส่มันไว้ในปริมาณเพียงน้อยนิดเท่านั้น ซึ่งคงจะสังเกตด้วยตาเปล่าได้ยาก แต่เหตุผลที่มิเอลจำเป็นต้องพูดแบบนั้นออกมาก็คงจะหมายถึง…

‘ถ้าเธอได้รู้ในภายหลัง จะเสียอกเสียใจมากขนาดไหนกันนะ’

ทั้งที่อาเรียเตือนเอาไว้หลายครั้งแล้วแท้ๆ แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่มิเอลเลือกเอง เธอเลือกทำแต่เรื่องผิดๆ มาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง จนทำให้ชีวิตต้องพังพินาศลง และในตอนนี้เธอควรที่จะตระหนักถึงมันได้แล้วแท้ๆ

“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเสียหน่อย”

เป็นเรื่องที่ง่ายเอามากๆ ยิ่งกว่านั้นมันจะทำให้ความผิดบาปของมิเอลหนักหนายิ่งขึ้นไปอีก

เมื่อได้ยินเสียงรถม้าดังมาจากนอกหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ อาเรียก็เดาว่าถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว เธอจึงลุกขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้น เราลงไปดูอะไรสนุกๆ ที่น้องเตรียมไว้กันเลยดีไหม”

อาเรียก้าวเท้าออกไปและรอคอยจุดจบของมิเอลที่เลือกทำแต่เรื่องโง่เขลาจนถึงท้ายที่สุด

***

อาจเป็นเพราะมิเอลเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด โต๊ะน้ำชาที่ถูกจัดเตรียมไว้ในสวนบนชั้นสองจึงดูเรียบง่ายไปหน่อยสำหรับเวลาน้ำชาช่วงบ่าย เพราะจุดประสงค์แต่แรกนั้นไม่ได้ทำเพื่อความเพลิดเพลินในการดื่มชานั่นเอง

อาเรียลงมาถึงชั้นสองเป็นคนแรก หลังจากตรวจดูแก้วชาที่มียาพิษแล้วเธอก็นั่งลงตรงนั้น เธอพกนาฬิกาทรายมาด้วยเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาอาจจะต้องเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง

เมื่อทอดสายตาลงต่ำดูแก้วน้ำชาก็พบว่ามีน้ำใสๆ อยู่นิดหน่อยภายในแก้ว ดูเหมือนยาพิษจะถูกละลายไปกับน้ำนั่นแล้ว แถมยังมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ด้วย ปริมาณของยาพิษมากถึงขนาดที่แม้จะฆ่าใครสักคนไปแล้วก็ยังคงเหลืออยู่

‘นี่เธอไม่รู้จักคำว่าปริมาณเล็กน้อยจริงๆ หรือเธอคิดจะฆ่าแอนนี่กันแน่นะ’

ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดใหญ่โตอะไรเลยแท้ๆ ช่างโง่เขลาสิ้นดีที่ตั้งใจจะพรากเอาชีวิตของคนไปง่ายๆ ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือตนถูกแกล้งแค่นั้น

นานๆ ทีอาเรียจะเรียกมาดื่มชาด้วยกัน เจสซี่และแอนนี่จึงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ส่วนมิเอลก็แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้และรินน้ำชาลงในแก้วชา

“นานแล้วนะคะที่ไม่ได้มีเวลาว่างแบบนี้”

“นั่นน่ะสิ ก็ช่วงนี้เลดี้ยุ่งมากเลยนี่นา”

“เสียใจรึ”

“แน่สิคะ! ไม่มีอะไรน่าดีใจเท่ากับการดื่มน้ำชาพร้อมกับเลดี้เลยนี่คะ”

เจสซี่ตอบออกมาด้วยความดีใจ ส่วนแอนนี่เองก็เห็นด้วยและยิ้มหวานออกมา และเพราะอาเรียยังไม่เริ่มดื่มชา จึงไม่มีใครยอมแตะแก้วชาเลย

มิเอลยังคงเหล่มองแก้วชาที่มียาพิษอยู่ตลอดเวลา เธอจ้องมองมันด้วยแววตานึกสนุกว่าจะทำอย่างไรให้แอนนี่ได้ดื่มชานั่น

และในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ อาเรียก็แสร้งเลื่อนมือที่ถือนาฬิกาทรายวางไว้บนโต๊ะ ปัดไปโดนแก้วน้ำชาของแอนนี่จนมันพลิกคว่ำลง

“กรี๊ด! “

“…! “

“แอนนี่!”

ชาร้อนๆ หกลงบนเสื้อผ้าของแอนนี่ เจสซี่ตกใจลุกขึ้นพรวดพราดและสำรวจดูแอนนี่

และเนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ที่มิเอลไม่ได้คาดคิดเอาไว้เลย เธอจึงได้แต่มองไปทางแอนนี่ที่กรีดร้องอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

“ตายจริง ทำอย่างไรดีล่ะ! แอนนี่! ต้องรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียแล้ว! มิเอลช่วยหน่อยได้ไหม! “

“…คะ”

มิเอลทำตัวไม่ถูกกับคำถามของอาเรีย จึงย้อนถามกลับไปอย่างงี่เง่า สีหน้าของเธอกำลังบอกว่าจะต้องทำให้แอนนี่ดื่มชาเข้าไปแท้ๆ แต่ทำไมสถานการณ์มันถึงได้ผิดเพี้ยนไปแบบนี้ได้ก็ไม่รู้

“เร็วสิ! ปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวแอนนี่ก็เป็นแผลพุพองขึ้นมาหรอก! จะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นหรือไง!”

“คะ ค่ะ ค่ะ…! “

ทว่าเสียงเร่งน่าเกรงกลัวของอาเรียก็ทำให้มิเอลต้องประคองแอนนี่ออกไปโดยที่เธอไม่รู้จะทำอย่างไร

แน่นอนว่าอาเรียต้องคิดอะไรบางอย่างเอาไว้แน่ๆ มิเอลคิดเช่นนั้น

“เลดี้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ฉันไม่เป็นอะไร”

อาเรียพยักหน้าและตอบคำถามที่แสดงถึงความห่วงใยของเจสซี่ ราวกับโล่งใจขึ้นแล้ว เจสซี่จึงได้เช็ดชาที่หกเลอะเทอะและจัดโต๊ะเสียใหม่

นี่ก็ใกล้จะถึงเวลามาได้แล้วนะ

ทันทีหลังจากที่คิดแบบนั้น ข้ารับใช้ก็พาตัวเคนมาที่สวนชั้นสองพอดี ตรงกับในจดหมายที่บอกให้พาเขามายังที่ที่ ตัวเธออยู่ในทันทีโดยไม่ต้องรอช้า

เนื่องจากเคนอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทำอะไรได้ตามความต้องการของตน สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่รู้ถึงเหตุผลที่อาเรียเรียกตัวมายังคฤหาสน์อย่างกะทันหัน

“มาแล้วหรือคะ มิเอลอุตส่าห์ตั้งตารอเตรียมน้ำชาไว้ให้เลยค่ะ นี่เป็นการจัดเตรียมน้ำชาครั้งแรกของมิเอล น้องเลยคิดว่าหากพี่เคนเข้าร่วมด้วยก็คงจะดีน่ะค่ะ เลยเชิญพี่มา”

“…อย่างนั้นเองสินะ”

หลังจากที่อธิบายให้ฟังอย่างถี่ถ้วน เคนก็พยักหน้าเข้าใจ

“นั่งลงเถอะค่ะ เผอิญว่ามีเรื่องนิดหน่อย มิเอลเลยต้องออกไปก่อนแป๊บนึง แต่ชาก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”

อาเรียพูดออกไปเช่นนั้นและให้เคนนั่งลงที่เดียวกับที่เธอเพิ่งนั่งไปเมื่อกี้

“เดินทางมาตั้งไกลคงจะเหนื่อยนะคะ น้องว่าพี่ดื่มชาคลายความเมื่อยล้าจนกว่ามิเอลจะกลับเข้ามาดีกว่าค่ะ”

ระยะทางจากเขตพระราชวังจนถึงคฤหาสน์นั้นไม่ได้ไกลมากมายเท่าไหร่นัก เคนจึงไม่รู้สึกเมื่อยล้าใดๆ เลย แต่เพราะความเมตตาอันอบอุ่นที่อาเรียมีให้ ทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมาก่อนจะพยักหน้านิ่งๆ โดยไม่ตอบอะไรออกไป

……………………………………..