บทที่ 412 การต่อสู้กับตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 412 การต่อสู้กับตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์
มีการซ่อนเร้นของผังค่ายซ่อนงำอยู่ กระแสสัมผัสตัวสำนึกของปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตไม่มีทางค้นพบได้ ผ่านไปไม่นาน หลัวซิวและมู่จื่อซิว ก็ได้มาถึงพิกัดทางเข้าของแดนปริศนาแล้ว

ส่งพลังจิตแท้ให้ไหลเข้าไปในฮู้ที่ก่อนหน้านี้ได้กลั่นเอาไว้แล้ว มีระลอกคลื่นในโซนข้างหน้า จากนั้นช่องว่างก็ค่อย ๆ เปิดออก ประตูมิติที่เต็มไปด้วยรังสีสีม่วงก็ปรากฏขึ้น

หลัวซิวและมู่จื่อซิวที่อยู่ภายใต้การซ่อนเร้นของผังค่ายซ่อนงำ ก็เดินเข้าไปในทันที

ปรมาจารย์ยุทธ์ผู้ฝึกจิตหลายคนที่รับผิดชอบคุ้มกันทางของแดนปริศนา ต่างก็สังเกตเห็นภาพนั้น การแสดงออกที่เกียจคร้านของแต่ละคนก็กลายเป็นความเคารพในทันใด

เพราะการเปิดออกของทางเข้าแดนปริศนา โดยปกติแล้วมันหมายถึงมีผู้แข็งแกร่งแห่งตำหนักจื่อต้องการออกมาจากแดนปริศนา

แต่จนประตูปิดลง กลับไม่เห็นเงาของใครเดินออกมาสักคน เหล่าปรมาจารย์ยุทธ์ผู้ฝึกจิตก็มองหน้ากันไปมา ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“พลังฟ้าดินจิตช่างหนาแน่นเหลือเกิน”

เพิ่งจะเข้ามาที่แดนตำหนักจื่อ ก็สามารถรับรู้ได้ถึง พลังจิตที่กระจายไปทั่วระหว่างฟ้าและดินที่อยู่ท่ามกลางแดนปริศนา มันหนาแน่นกว่าโลกภายนอกมาก

“คาดไม่ถึงเลยว่าเป็นแค่สำนักที่มีมกุฏยุทธ์ครองบัลลังก์ จะมีสถานที่ล้ำค่าอย่างแดนฝึกตนนี้”

ในฐานะที่เป็นผู้ลาดตระเวนของอีกพื้นที่หนึ่ง มู่จื่อซิวนั้นถือได้ว่าพบเจออะไรมามากมายนับไม่ถ้วน มีเพียงแค่สำนักเขาแห่งสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสมาคมเป่ยเซี๋ย ที่เขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีพลังฟ้าดินจิตที่เข้มข้นกว่าที่นี่

“ประสิทธิภาพเหมือนกับค่ายผนึกปราณระดับหก” หลัวซิวครุ่นคิดและพูดอะไรบางอย่าง

ในสมัยโบราณในยุคที่สำนักไท่เสวียนรุ่งเรืองที่สุด ภายในแดนตำหนักจื่อต่างก็เต็มไปด้วยค่ายผนึกปราณระดับเก้าแปดสิบเอ็ดสายอันทรงพลัง เป็นดั่งที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำได้กล่าวไว้ หลังจากผ่านไปนับหมื่นปี ค่ายกลไม่มีการบำรุงรักษา ผลกระทบจะลดลงมากกว่าครึ่ง

ฟื้นที่ภายในแดนตำหนักจื่อไม่ได้ใหญ่มากนัก มีหอคอยเก้าชั้นแปดสิบเอ็ดแท่นอันทรงพลังอยู่หนึ่งหอ หอคอยนี้สร้างจากวัสดุสีม่วง

หอคอยจื่อทุกหอคอยนั้น ต่างก็ตั้งอยู่ใจกลางของค่ายผนึกปราณแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ฝึกตนที่ดีที่สุดในแดนปริศนานี้

“หอคอยฝึกตน81หอคอย อย่าบอกนะว่าต้องหาไปทีละหอคอย?” หลัวซิวขมวดคิ้ว

“สามหอคอยฝึกตนทางฝั่งซ้ายสุดนั้นได้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว ผลกระทบจากค่ายผนึกปราณลดลงจนแทบไม่มีเหลือ ตามที่เจ้าบอกไว้ ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้ามีคุณสมบัติฝึกตน น่าจะเป็นคนธรรมดาใช่หรือไม่?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น หลัวซิวก็เข้าใจได้ในทันที คนของตำหนักจื่อจับท่านพ่อท่านแม่ของเขาเข้ามาในแดนปริศนา จะไม่เสียดินแดนขุมทรัพย์ฝึกตนอย่างแน่นอนหากพวกเขาถูกคุมขัง พวกเขาน่าจะขังในหอคอยฝึกตนที่ถูกทิ้งร้าง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลัวซิวชี้ไปที่ตำแหน่งของหอคอยฝึกตนที่ถูกทิ้งร้างทั้งสามในทันทีและพูดว่า “พวกเราไปทางนี้”

เมื่อพูดจบ เขาและมู่จื่อซิวก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและรีบมุ่งไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นาน พวกเขาทั้งสองมาถึงตำแหน่งของหอคอยฝึกตนแห่งแรก หลัวซิวกระจายกระแสสัมผัสพลังชีวิตออกไป ปกคลุมจนทั่วทั้งหอคอยจื่อ ไม่ได้สัมผัสรังสีพลังชีวิตใด ๆ ข้างใน

เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อท่านแม่ของเขาไม่ได้ถูกขังอยู่ในหอคอยนี้

หอคอยฝึกตนที่ถูกทิ้งร้างที่เหลืออีกสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ทางซ้าย อีกแห่งอยู่ทางขวา ห่างกันหลายลี้

“ผู้อาวุโสมู่ เราแยกกันไปคนละฝั่ง” หลัวซิวได้หยิบเอาผังค่ายซ่อนงำออกมาอีกครั้ง ยื่นใส่มือมู่จื่อซิวพลางเอ่ยพูด

สำหรับแผนการช่วยชีวิตคนใกล้ชิดของเขาครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาได้เตรียมการอย่างเต็มที่ในทุกด้าน

“ตกลง”

มู่จื่อซิวไม่ได้มีความลังเลใดใด หลังจากรับผังค่ายซ่อนงำแล้ว จากนั้นจึงฝังหินพลังจิตชั้นสูงชิ้นหนึ่ง เพื่อกระตุ้นผังค่าย และบินไปทางหอคอยฝึกตนทางด้านขวาทันที

แต่หลัวซิวกลับสำแดงวิชาท่าร่างบรรลุมังกรเขียว สำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นที่ฝ่าเท้า และมุ่งตรงไปยังหอคอยฝึกตนทางด้านซ้าย

ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ เขาสัมผัสได้ถึงรังสีพลังชีวิตในหอคอยฝึกตนด้านหน้าเขา

“ใครกัน? อาจหาญกล้าบุกรุกพื้นที่ต้องห้ามตำหนักจื่อของข้า!”

หลัวซิวเพิ่งลงไปตรงด้านหน้าของหอคอยฝึกตน จู่ ๆ ก็มีเสียงเยือกเย็นออกมาจากหอคอยฝึกตน

ทันใดนั้น ก็มีแสงแวบออกมาจากข้างใน ชายชราในชุดสีม่วง จ้องมองมาที่ตำแหน่งของเขาด้วยสายตามืดมน

หลัวซิวไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน แต่บนร่างของอีกฝ่ายแพร่กระจายลมปราณของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ได้ไม่นาน เพียงแค่จักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง

ผังค่ายซ่อนงำไม่ได้มีความสามารถรอบด้าน เมื่อถูกตัวสำนึกของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ควบคุมพื้นที่เพื่อสำรวจ ก็มองเห็นผ่านได้ง่าย

เห็นได้ชัดว่า ตัวสำนึกของตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์คนนี้ ครอบคลุมพื้นที่ใกล้หอคอยฝึกตนตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อตอนที่หลัวซิวเข้ามานั้น ก็ถูกอีกฝ่ายสัมผัสได้

“เจ้าตำหนักจื่อถูกข้าปลด มือสังหารว่านถูกข้าฆ่า คิดไม่ถึงว่าในตำหนักจื่อจะยังมีจักรพรรดิยุทธ์”

ตอนนี้เขาถูกค้นพบแล้ว หลัวซิวจึงไม่หลบซ่อนอีกต่อไป เขาเก็บผังค่ายซ่อนงำ ทันใดนั้นเท้าของเขาก็เยียบลงบนร่างมังกรเขียว พุ่งตรงเข้าไปยังผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์คนนี้

“เป็นเจ้า!” เมื่อตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์ได้ยินคำพูดของหลัวซิว หลังจากมึนงงเล็กน้อย เขาก็ตอบสนองทันที

แน่นอนว่าเขารู้เรื่องที่เจ้าสำนักถูกปลดและว่านเหลียนเฉิงก็ถูกฆ่า และคนที่ทำทั้งหมดนี่ ก็คือไอ้หนุ่มวัยละอ่อนที่ชื่อหลัวซิว!

“เฮอะ เพียงแค่แดนราชายุทธ์ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเอาตัวเองมาถวายให้ข้าถึงที่!” ผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์คำรามก้อง แสงสีม่วงส่องเข้ามาเต็มมือทั้งสองข้าง กระบี่ยุทธ์ที่มีสีม่วงส่องประกาย ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา

ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์แพร่อำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมา กดบรรยากาศโดยรอบไว้

“วิชาภูตผีเซินหลัว!”

เพลิงมรณะลุกเป็นไฟทั่วร่างหลัวซิว ทันใดนั้นทักษะยุทธ์ระดับเก้าปรากฏขึ้นทันที พลังแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ขยายออกไป เปลวไฟสีดำกลายเป็นกระดูกญาณขนาดใหญ่ กระโจนเข้าหาฝ่ายตรงข้าม

“ที่แท้วิชาทักษะยุทธ์ระดับเก้านี้ที่ราชวงศ์ตระกูลฝานประมูลมาได้ ถูกเจ้าชิงไปนี่เอง”

ผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์เมื่อชำเลืองมอง เขาก็จำศิลปะการต่อสู้ที่สำแดงโดยหลัวซิวได้ เขาส่งเสียงหัสเราะเยาะขึ้นมา ม่านแสงสีม่วงส่องแสงเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์ก็แพร่กระจายออกมา

วิชาภูตผีเซินหลัว โครงกระดูกที่หลอมรวมได้พังทลายลงในชั่วพริบตา ลำแสงสีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งมาทางหลัวซิวเพื่อกดให้เขาจมลง

“สมกับเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ แม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่ว ๆ ไป หากไม่หงายไพ่ตายออกมา ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เจ้า”

แม้ว่าการโจมตีของเขาจะถูกต่อต้าน แต่สีหน้าของหลัวซิวก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

“แหลกวิญญาณ!”

ในดวงตาของเขา มีแสงวาบขึ้นมาทันใด ตัวสำนึกที่เทียบเท่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้าพุ่งออกไปอย่างดุร้าย

ตัวสำนึกเหมือนดาบที่ทำลายไม่ได้ ตรงไปที่หัวของฝ่ายตรงข้ามที่มีแสงสีม่วงเปล่งประกายราวกับดวงอาทิตย์

จรัสม่วงนั้น คือเทพจิตของผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝึกตนออกมาได้

“ตัวสำนึกทรงพลังมาก!”

เมื่อหลัวซิวสำแดงการโจมตีวิญญาณ ผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ที่อยู่ตรงข้ามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพราะเขาพบว่า ราชายุทธ์ที่เขาไม่เคยใส่ใจราวกับเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง จะมีตัวสำนึกที่แข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก

ผุบ!

เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากทันที เทพจิตจรัสม่วงที่ลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ ได้รับผลกระทบจากการโจมตีวิญญาณ มันสั่นไหว แต่กะพริบอยู่ชั่วขณะ

“ดาวจักรพรรดิจรัสม่วง!”

เทพจิตของผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ได้รับบาดเจ็บ ตะโกนอย่างโกรธจัดออกมาทันที พลังจิตแท้ที่ตระหง่านนั้นถูกพ่นออกมาจากร่างกาย กลายเป็นร่างปลอมที่สูงกว่าสิบฟุต

นี่คือวิชาทักษะยุทธ์ระดับเก้าของตำหนักจื่อ ชื่อว่าดาวจักรพรรดิจรัสม่วง มีเพียงแค่เป็นผู้แข็งแกร่งมีผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ ถึงจะมีคุณสมบัติฝึกตน

ร่างคนของดาวจักรพรรดิปล่อยหมัดออกมา พื้นที่ก็บิดเบี้ยวจนแทบแตกเป็นเสี่ยง