บทที่ 688 : สืบทอดตําแหน่ง
น้ําตาสีแดงสองหยดร่วงลงจากดวงตาที่แดงก่ําของเกาซิงฉาง
น้ําตาหลั่งออกมาเป็นเลือด
“เกาเทียนหลงคุกเข่าลง และฟังคําสั่ง!” เสียงเกาซิงฉางร้องสั่งลูกชาย
เกาเทียนหลงรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเกาซิงฉางทันที
ดวงตาแดงก่ําที่มีหยดเลือดคล้ายน้ําตาไหลออกมานั้นกําลังจับจ้องอยู่ที่ร่างของลูกชายตนเองและพูดอย่างช้าๆว่า
“เกาเทียนหลง ข้าในฐานะผู้นําตระกูลหลงรุ่นที่ 19 บัดนี้ขอส่งมอบตําแหน่งผู้นําตระกูลให้กับเจ้านับแต่นี้เป็นต้นไป.เจ้าก็คือผู้นําตระกูลเกาคนต่อไป!นับจากนี้อํานาจทั้งหมดในตระกูลอยู่ในมือของเจ้าแล้ว! ขอให้เจ้าสั่งฆ่าทุกคนที่อยู่ในตระกูลรวมทั้งตัวข้าแม่ของเจ้าแม้กระทั่งปูของเจ้าด้วยเจ้าสามารถลงมือสังหารทุกคนได้ทั้งหมด เจ้าได้ยินหรือไม่?”
เกาเทียนหลงส่ายหน้าไปมาพร้อมกับร้องตะโกนออกไปทั้งน้ําตา“ข้าได้ยินแล้วท่านพ่อ!ความจริงท่านไม่ต้องทําเช่นนี้ก็ได้ หลิงหยุนมีวิธีที่จะช่วยท่านได้…”
เกาซิงฉางยังคงไม่สนใจหลิงหยุน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เกาเทียนหลงเพียงคนเดียวเท่านั้นและรีบพูดต่อว่า
“ท่านผู้นําตระกูล. เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้ข้ายังมีสติข้ามีคําพูดบางอย่างที่จะต้องบอกกับท่านท่านจงฟังให้ดี!”
หลังจากที่มอบตําแหน่งผู้นําตระกูลให้กับเกาเทียนหลงแล้วเกาซิงฉางก็เปลี่ยนสรรพนามของเกาเทียนหลงทันทีเขาเรียกเกาเทียนหลงว่าท่านผู้นําตระกูลแน่นอนว่าหากเป็นช่วงเวลาปกติก็คงไม่จําเป็นแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระเขาจําเป็นต้องทําให้ลูกชายของตนเองยอมรับฐานะผู้นําตระกูลเกาให้ได้ในทันที
“ท่านผู้นําตระกูล.. ตระกูลเกาของเรากําลังเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ตอนนี้ท่านเป็นเพียงคนเดียวในตระกูลเกาที่สามารถหนีรอดเสื้อมือของพวกมันได้!”
ร่างกายและน้ําเสียงของเกาซิงฉางเริ่มสั่น “ท่านต้องจัดการสังหารเฉินเจี้ยนสุ่ยให้ได้ จากนั้นจัดการเผามันอย่าให้เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน แล้วรีบไปช่วยน้องสาวของท่าน ท่านจะต้องล้างแค้นให้กับตระกูลเกา…”
“หากยังทําเรื่องนี้ไม่สําเร็จ ท่านก็ยังตายไม่ได้!ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่มีสิทธิ์ไปสู้หน้าบรรพบุรุษในปรโลกได้ ท่านเข้าใจหรือไม่?”
เกาซิงเฉิงถูกถ่ายเทเลือดแวมไพร์เข้าไปในร่างทําให้ต้องกลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของเฉินเจี้ยนสุ่ยไปแล้ว แม้ว่าหลิงหยุนจะช่วยคลายการสะกดจิต และสะกดสายเลือดแวมไพร์ในตัวของเขาไว้ได้ชั่วคราวแต่การจะพูดคําว่า “ฆ่าเฉินเจี้ยนสุ่ย” ออกมาได้นั้น เกาซิงฉางก็ถึงกับต้องกัดฟันและใช้ความพยายามอย่างสูงกว่าที่จะพูดออกมาต่อหน้าลูกชายได้
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า นี่เป็นเรื่องที่เขายากที่จะทนได้ และเขาก็ได้รู้ว่าเกาซิงฉางนั้นรักเกาเทียนหลงมากเพียงใด
“ท่านผู้นําตระกูล ได้โปรดเถิด”
น้ําตาเลือดสองหยดไหลออกมาจากดวงตาของเกาชิงฉาง เขาเอื้อมมือไปช่วยพยุงเกาเทียนหลงลุกขึ้นจากพื้น
“ลูกพ่อ.. จากนี้ไปภาระหนักอึ้งของตระกูลเกาคงต้องให้เจ้าแบกไว้บนบ่าแล้ว! อย่า ทําให้พ่อต้องผิดหวัง..”
หลังงจากผ่านพ้นเรื่องภารกิจของตระกูลไปแล้ว เกาซิงฉางและเกาเทียนหลงต่างก็คุยกันตามประสาพ่อลูก ดวงตาแดงก่ําคู่นั้นของเขาฉายแววแห่งความอบอุ่นออกมาได้เล็กน้อย
เกาเทียนหลงกําหมัดทั้งสองข้างแน่นพร้อมกับกัดฟันพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ..ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าเกาเทียนหลงจะปฏิบัติตามคําสั่งของท่าน แค้นครั้งนี้ข้าต้องให้ตระกูลเฉินเป็นผู้ชําระอย่างแน่นอน และจะแก้แค้นแทนตระกูลเกาของเรา!”
จากนั้น.. เกาเทียนหลงก็ดึงกระบี่ออกมาเพื่อกรีดเลือดสาบาน
หลิงหยุนรีบห้ามไว้ทันที และส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า “ห้ามเจ้าทําเช่นนี้”
เกาซิงฉางยิ้ม.จากนั้นก็หันไปมองพ่อและภรรยาของตนเอง แล้วร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้มด้วยความเสียใจ
แน่นอน.. เกาซิงฉางเหมือนตื่นจากฝันร้าย แต่กลับพบว่าคนในครอบครัวล้วนแล้วแต่กลายเป็นผีดูดเลือดไปจนหมด ความโศกเศร้าเสียใจ และความเจ็บปวด จึงมากมายเกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคําพูดได้
เกาซิงฉางลุกขึ้นยืน และเดินไปหาหลิหงยุน เขาจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้า
หลิงหยุนนั้นไม่อาจรับไว้ได้ และรีบเอื้อมมือไปพยุงร่างของเกาชิงฉางที่สั่นเทิ้มให้ลุกขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ
“ท่านลุงเกา..อย่าได้ทําเช่นนี้! นี่เป็นเรื่องที่หลิงหยุนจะสมควรต้องทําอย่างยิ่ง…”
ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เกาซิงฉางเพียงแค่ปะทะแค่สองสามกระบวนท่าก็ถูกหลิงหยุนจับได้แล้ว เขาพยายามดิ้นรนที่จะคุกเข่าให้ได้ แต่เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่ยินยอมจึงได้แต่ล้มเลิก
“เจ้าคือหลิงหยุนหรอกรี? เฉินเฉินเคยเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟัง…”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของตนเอง น้ําเสียงของเกาซิงฉางก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและผูกพัน
“แต่ตอนที่เฉินเฉินเล่าให้ข้าฟังนั้น เจ้าก็เพิ่งจะก้าวข้ามขีดจํากัดของตัวเองได้ เฉินเฉินกลับมาอีกครั้งก็พูดเรื่องการแต่งงานระหว่างเจ้ากับนาง นางต้องการแต่งงานกับเจ้า ข้าเองก็ไม่ขัดเพียงแต่ขอรดูความก้าวหน้าของเจ้าเสียก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลังเทศกาลเชงเม้งตระกูลเกาก็ถึงคราวต้องสิ้นสุดลง…”
หลิงหยุนก้มหน้าลงเล็กน้อย และภาพเกาเฉินเฉินที่กําลังยิ้มก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเกาเฉินเฉินก็ปรากฏขึ้นมาราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
“แต่ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือว่า ภายในเวลาเพียงแค่สามเดือน เจ้ากลับก้าวหน้าจนกระทั่งสามารถช่วยเหลือตระกูลเกาจากผีดูดเลือดได้ ช่างเก่งกาจเหลือเกิน! ข้าเกาซิงฉางคงไม่มีโอกาสตอบแทนเจ้าได้ ขอให้เกาเทียนหลงเป็นผู้ตอบแทนเจ้าแทนตระกูลเกาของเราก็แล้วกัน!”
หลิงหยุนรีบตอบกลับทันที “ ลุงเกา…ท่านยังจําได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
เกาซิงฉางพยักหน้าพร้อมกับกัดฟันตอบว่า “จําได้สิ.. ข้าจําได้ทุกอย่างว่าเฉินเจี้ยนสุ่ยทําอะไรไว้กับตระกูลเกาของเราบ้าง? พวกเราเกือบทุกคนถูกมันทําให้กลายเป็นผีดูดเลือด เฉินเจี้ยนสุ่ยมันเก่งมาก มากจนพวกเราไม่สามารถต้านทานได้”
หลิงหยุนรีบพูดขึ้นทันที “เรื่องนั้นท่านลุงอย่าได้กังวลใจไปเดี๋ยวข้าจะช่วยล้างมนต์สะ กดของพวกเขาเอง!”
เกาซิงฉางส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าทําให้พวกเขารู้สึกตัวจะดีกว่าหากพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็คงต้องเจ็บปวดใจอย่างมาก”
เกาเทียนหลงได้แต่ร้องไห้ เขาจับมือเกาซิงฉางไว้แน่นพร้อมกับอ้อนวอนว่า “ ท่านพ่อ.. ท่านอย่าได้คิดมาก หลิงหยุนกําลังคิดหาวิธีที่จะรักษาทุกคนให้หายได้!”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ลุงเกา… ข้าเชื่อว่าข้าจะหาทางรักษาทุกคนให้หายได้ และได้โปรดยกโทษให้ข้าที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ทุกคนในตระกูลเกาต้องตาย..”
ดวงตาของเกาซิงฉางปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวดขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า
“ตอนนี้เฉินเฉินก็ถูกพวกมันจับตัวไป ส่วนข้านั้นใช่ว่าคิดอยากจะตายก็ตายได้ ข้าถูกเฉินเจี้ยนกุ้ยทําให้ต้องกลายเป็นบริวารของมัน ต้องฝืนและต่อสู้กับร่างกายของตนเองอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ข้ากลายเป็นบริวารที่จงรักภักดีของมันไปแล้ว! ในเมื่อไม่ใช่มนุษย์แต่ก็ไม่ใช่ภูตผี เช่นนี้แล้ว ตายไปไม่ดีกว่าหรือ..? ”
การต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อฟื้นคืนสติมาเช่นนี้ เกาซิงฉางจึงรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ยากจะจินตนาการได้
หลิงหยุนยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ “ลุงเกา..ท่านอย่าได้กังวลใจไป ภายในหนึ่งเดือนนี้ข้าจะต้องหาวิธีรักษาพวกท่านได้อย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนบอกให้เกาซิงฉางมั่นใจ จากนั้นจึงพูดอย่างเย้ยหยัน “ข้าจะต้องให้เฉินเจี้ยนสุ่ยตายแน่แต่ก่อนอื่นจะต้องช่วยเฉินเฉินออกมาให้ได้เสียก่อน จากนั้นข้าจะให้มันทุกข์ทรมานถึงขั้นจะอยู่ก็เจ็บปวดจะตายก็ไม่ได้”
คําพูดที่ห้าวหาญและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของหลิงหยุนนั้น ช่วยปลุกเร้าวิญญาณที่ห้าวหาญของเกาซิงฉางขึ้นมาอีกครั้ง
เกาซิงฉางถึงกับเอ่ยออกมาอย่างชื่นชมด้วยจิตใจที่สึกเหิม “เยี่ยมมาก! เฉินเฉิน. ลูกเลือกคนไม่ผิดจริงๆ!”
“ลุงเกา.. นี่เป็นเพียงแค่การรักษาครั้งแรกเท่านั้น ยังให้ประสิทธิผลที่ดีถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ไม่ทันได้คิดถึงวิธีนี้ ข้าจะลองดูว่าหากข้าใช้วิธีนี้รักษาให้กับท่านทุกวัน ดูสิว่าจะสามารถล้างเลือดแวมไพร์ในตัวท่านได้หรือไม่? หากสามารถทําได้ เรื่องอื่นก็ไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นเลย…”
ในที่สุดเกาชิงฉางก็เดินกลับไปนั่งครุ่นคิด หลิงหยุนส่งสัญญาณให้เกาเทียนหลงตามไปพูดคุยกับพ่อของเขา
เกาเทียนหลงตามไปปลอบโยนเกาซิงฉาง สองพ่อลูกพูดคุยไปพร้อมกับร่ําไห้ไปแต่ก็ทําให้เกาซิงฉางเลิกคิดถึงเรื่องการตายได้
“ถ้าจะต้องตาย พ่อก็ขอตายหลังจากที่ได้เห็นเฉินเจี้ยนสุ่ยตาย.!” สายตาของเกาชิงฉางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“เอาล่ะ. ข้าจะรักษาให้พวกเขาก่อน”
หลิงหยุนเห็นเกาซิงฉางมีอาการดีขึ้นแล้ว จึงเริ่มลงมือรักษาคนอื่นๆต่อ โดยเริ่มจากแม่ของเกาเทียนหลง และเกาจิ้นสง
หลิงหยุนแทบทนไม่ได้เมื่อเห็นสมาชิกในครอบครัวทั้งสี่คนกอดกันร่ําไห้ปริ่มว่าจะขาดใจเขาได้แต่เดินหนีออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ และตรงไปยังห้องใต้ดินอีกห้อง เพื่อจัดการทําลายมนต์สะกดของเนตรปีศาจให้สมาชิกตระกูลเกาอีกเจ็ดคนที่เหลือ
หลังจากนั้น ภายในห้องใต้ดินของบ้านก็มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ดังระงมไปทั่ว บางคนสูญเสียพ่อบางคนสูญเสียลูก บางคนสูญเสียสามี และบางคนสูญเสียภรรยา
อีกทั้งตอนนี้พวกเขาต่างก็กลายเป็นคนที่ไม่ใช่คน เป็นผีที่ไม่ใช่ผี แต่กลับเป็นแวมไพร์
หลิงหยุนเกรงว่าบางคนอาจจะสูญเสียสติจนไม่อาจควบคุมตัวเองไว้ได้ และอาจเผลอกัดเกาเทียนหลงเข้า จึงเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองจับตาดูไว้
“เฉินเจี้ยนสุ่ย เจ้ารอเวลาลงนรกได้เลย!”