ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 359 จับตัว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ท้องทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่นี่ไม่อาจสร้างความลำบากให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้

พ่านพ่านปล่อยกระแสน้ำสีดำออกมาหมุนเวียนรอบร่างกาย ก่อตัวเป็นม่านกันน้ำทะเลไว้ด้านนอก พาเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่เดินไปในทะเลอย่างเชื่องช้า

เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ “ศิษย์น้องซือคงน่าจะอยู่ใกล้ๆ นี้”

อาหู่สนใจเพียงโอวหยางฉีนั่น รอยยิ้มบนใบหน้าดูดุร้ายเล็กน้อย “คุณชาย ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าเจ้าหนุ่มนั่นมีปัญหา เช่นนั้นพวกเราจับเขาเถอะขอรับ”

ชายหนุ่มลูบคาง “ไม่รู้ว่าเขากับปราชญ์ภาพวาด ผู้อาวุโสโม่มีความสัมพันธ์ใด เกาะภาพวาดที่ปราชญ์ภาพวาดอยู่ ข้าจำได้ว่าอยู่ตรงจุดตัดระหว่างทะเลชั้นนอกทิศเหนือกับทะเลชั้นนอกทิศตะวันออก”

ถึงแม้ปราชญ์ภาพวาดจะไม่ได้ตั้งสำนัก แต่ยังมีศิษย์ของตนเองอยู่ เพียงแต่เร้นกายอยู่ด้านนอก ไม่ทำตัวโดดเด่นเช่นเดียวกับปราชญ์ภาพวาด

ปราชญ์ภาพวาดไม่สนใจเรื่องทางโลก ใช้ชีวิตอยู่นอกทะเล

แต่ถ้าหากคิดว่าปราชญ์ภาพวาดนิสัยดีล่ะก็ นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง

‘ภาพหมึก’ ของปราชญ์ภาพหมึกมีชื่อเสียงลือเลื่อง แต่สิ่งที่ได้รับการขนาดนามเคียงคู่กับมันยังมี ‘ภาพโลหิต’!

ฆ่าคนดั่งแขวนภาพ คู่ต่อสู้ที่ถูกปราชญ์ภาพวาดสังหาร จะถูกจิตวรยุทธ์ของเขาทำให้กลายเป็นหมึกย้อมเลือด ใช้ฟ้าดินเป็นผืนผ้าใบ ใช้โลหิตวาดภาพ ฝากรอยเลือดไว้ในธรรมชาติเนิ่นนาน

เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสโม่ อาหู่ก็หดคอ

คุณชายของตนถึงแม้จะมีเขากว่างเฉิงคอยหนุนหลัง ทว่าบัดนี้สำนักกำลังคุมเชิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่ ถึงแม้พอจะลงมือได้บ้าง ตรงหน้ากลับเป็นถิ่นของปราชญ์ภาพวาด หากไปยั่วโมโหท่านอาวุโสโม่เข้า ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เขาต้องถูกอีกฝ่ายกำจัดโดยไม่มีข้อแก้ตัว

ถ้าหากเป็นหญิงสาวที่ประมือกับซือคงจิงลงมือยังพอทำเนา ซือคงจิงเป็นศิษย์เขากว่างเฉิง ต่อให้อีกฝ่ายเป็นคนของปราชญ์ภาพวาด เขากว่างเฉิงก็จะปกป้องลูกศิษย์ของตัวเอง

ส่วนโอวหยางฉี แม้จะมีพฤติกรรมประหลาด แต่ปัจจุบันไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขากว่างเฉิง

ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นคนของผู้อาวุโสโม่ เยี่ยนจ้าวเกอลงมือจับตัวเขาไว้ ก็นับว่าหาเรื่องใส่ตัว ไม่ต่างอะไรกับการท้าทายผู้อาวุโสโม่

การท้าทายจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องเล็กในโลกแปดพิภพ

ต่อให้ผู้อาวุโสโม่ไม่ได้ตอบโต้ ปล่อยให้เยี่ยนจ้าวเกอกลับวารีพิภพอย่างปลอดภัย และมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินใหญ่โดยมีเขากว่างเฉิงคุ้มกัน นั่นเท่ากับเป็นการทำให้ผู้อาวุโสโม่จนใจ และก็เป็นการผลักเขาให้ไปอยู่ฝั่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

เช่นนั้นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงจะยิ้มทั้งยามตื่นและยามฝันแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อาหู่ก็อดเข็ดขยาดไม่ได้ ได้แต่ละทิ้งความคิดจับโอวหยาางฉี

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “อืม อาหู่ ไปจับเขากันเถอะ”

อาหู่งงงัน “คุณชาย ถ้าเกิดว่า…”

เยี่ยนจ้าวเกินนั่งขัดสมาธิบนหลังพ่านพ่าน สองมือวางบนหัวเข่าทั้งสองข้าง พยักหน้าเล็กน้อย “ทำเถอะ ไม่มีปัญหาแน่”

อาหู่ได้ยินดังนั้นก็มิได้พูดอันใดอีก กระโจนพุ่งออกไปยังผิวทะเล มุ่งหน้าไปหาโอวหยางฉีที่อยู่ไกลออกไปเหมือนพยัคฆ์ติดปีก

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ข้อศอกยันหัวเข่า เท้าคาง ดวงตาไม่ได้มองสิ่งใด ในหัวครุ่นคิดปัญหามากมาย

ทว่าไม่นานต่อจากนั้น อาหู่ก็พาโอวหยางฉีกลับมา

“คุณชาย เจ้าหนุ่มนี่มีพลังไม่ธรรมดา ในหมู่คนที่มีพลังฝึกปรือระดับเดียวกัน อย่าว่าแต่จับเป็นเลย ข้าคิดเอาชนะเขา จำต้องเปลืองแรงอยู่บ้าง”

อาหู่ครุ่นครุ่นคิดพลางกล่าว “ถึงจะมีพลังฝึกปรือสู้แม่นางซือคงไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียงกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า มองดูโอวหยางฉีที่ถูกจับมาเบื้องหน้า ก่อนจะกล่าว “สวัสดี พวกเราพบกันอีกแล้ว”

โอวอย่างฉีกแค่นหัวเราะ “มิทราบว่าข้าน้อยล่วงเกินต่ออัจฉริยะของเขากว่างเฉิงตอนไหน จึงได้รับการปฏิบัติจากคุณชายแห่งกว่างเฉิงเช่นนี้”

ถึงแม้จะพูดจาเกรงใจอยู่ แต่ความสงสัยและความประชดประชันในน้ำเสียงกลับชัดเจนยิ่ง

จอมยุทธ์ที่เดินทางบนทะเลชั้นนอกไม่เคยมีความรู้สึกดีต่อหกแดนศักดิ์สิทธิ์มาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่ค่อยเกรงกลัวเท่าไรนัก

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเรียบเฉย “ดูจากตอนนี้ เจ้าเหมือนจะไม่มีความสามารถพอที่จะหาเรื่องสำนักของเรา หรือหาเรื่องข้าหรอก”

“แต่มีคำถามบางข้อที่ข้าอยากจะถามสักเล็กน้อย”

“คำถามข้อแรก เจ้าเป็นศิษย์ของปราชญ์ภาพวาดใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน

โอวหยางฉีได้ยินดังนั้น แววตาของเขาพลันวูบไหวเล็กน้อย ทว่าไม่ตอบคำถาม

กลับเป็นอาหู่ที่อยู่ด้านข้างเริ่มมีสีหน้าหนักใจ ใช้ปราณจิตรากระซิบกับเยี่ยนจ้าวเกอ ‘คุณชาย วรยุทธ์ที่เขาเพิ่งใช้เมื่อครู่เหมือนกับกระบี่รุ้งเลือน’

วิชากระบี่รุ้งเลือนเป็นวรยุทธ์ที่ปรากฏหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ จอมกระบี่รุ้งทองศึกษาร่องรอยวรยุทธ์ก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ แล้วสร้างขึ้นโดยหลอมรวมกับจิตวรยุทธ์ของตนเอง

วิชานี้เคยมีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของวรยุทธ์ระดับสุดยอดที่ปรากฏขึ้นหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ของโลกแปดพิภพ

แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไร้คนสืบทอดมานานมาก

ปราชญ์ภาพวาดไม่ได้ใช้วรยุทธ์นี้

กระนั้น ปราชญ์ภาพวาดก็เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของถานซิ่ง ฉายา ‘รุ้งข้ามทะเล’ ซึ่งทุกคนรู้จักกันดีว่ามีชื่อเสียงเพราะวิชากระบี่นี้

ทุกคนทราบดีว่าวรยุทธ์ที่สูญหายมานานนี้ เมื่ออยู่ในมือปราชญ์ภาพวาดกลับเหมือนกำเนิดใหม่

โอวหยางฉีใช้วรยุทธ์นี้ได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงสถานะของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับอาหู่ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดปรากฏออกมาแล้ว โอวหยางฉีเป็นศิษย์สืบทอดของปราชญ์ภาพวาด

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นกลับหัวเราะขึ้น ก่อนจะพิจารณาโอวหยางฉีตั้งแต่หัวจรดเท้า “กระบี่รุ้งเลือนหรือ ที่แท้เป็นศิษย์สืบทอดของปราชญ์ภาพวาดจริงๆ ไม่ทราบเจ้าว่าเรียก ‘รุ้งข้ามทะเล’ ว่าอย่างไร”

โอวหยางฉีคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวว่า “เขาเป็นอาจารย์ปู่ของข้า”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ชื่อเสียงของผู้อาวุโสถาน ข้านับถือมานานแล้ว”

ฝ่ายโอวหยางฉีฉีนิ่งเงียบขณะที่มองเยี่ยนจ้าวเกอ

“คำถามข้อที่สอง คนร่วมสำนักข้าตอนนี้อยู่ที่ใด” เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเรียบ

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร” โอหยางฉีตอบ

อาหู่ถลึงตา มองโอวหยางฉีที่จู่ๆ ก็ขลาดกลัวด้วยความประหลาดใจ

หรือโอวหยางฉีจะลักลอบเรียนวิชากระบี่รุ้งเลือนมา หรือเขาอาจจะหนีออกมาเพราะกระทำความผิด ถูกอาจารย์ขับไล่แล้วอย่างนั้นหรือ

เยี่ยนจ้าวเกอกลับพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เจ้าย่อมรู้ บางทีอาจแค่ลืมไปชั่วขณะ มิต้องรีบร้อน พวกเราขึ้นเกาะภาพวาดก่อน ถ้าอยู่ที่นั่นเชื่อว่าเจ้าจะนึกขึ้นได้ง่ายกว่าเดิม”

ครั้งนี้อาหู่ไม่เพียงแต่ถลึงตา แม้แต่ปากก็ยังเผลออ้าออก ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ

คุณชายของเขาจับศิษย์ของเขามา แล้วทั้งคิดจะไปที่ถึงหน้าบ้านของเจ้าตัวด้วย

ทว่าสิ่งที่ทำให้อาหู่งงงวยกว่าเดิมก็คือ เมื่อโอวหยางฉีได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีสีหน้าหนักใจ ครู่ต่อมาค่อยตอบว่า “คนร่วมสำนักกับท่านอยู่ห่างจากที่นี่ไปทางตะวันตกประมาณเจ็ดร้อยลี้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจตำแหน่งนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างพอใจ “ถือว่าเพียงพอแล้ว เจ้าทำเช่นนี้ถือว่าดียิ่ง”

พูดจบเขาก็ตีก้นพ่านพ่านเบาๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกพร้อมกัน

อาหู่มองเยี่ยนจ้าวเกอสลับกับโอวหยางฉี กระซิบเงียบๆ ว่า “คุณชาย”

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย “ขอแค่ไม่สังหารเขาก็ไม่เป็นไร เทียบกันแล้วเขาไม่อยากให้อาจารย์ของเขารู้เรื่องนี้มากกว่า”

เขาเบนสายตามองไปยังสถานที่ที่อยู่ไกลออกไป แล้วกล่าวเสียงเบา “รอเจอศิษย์น้องซือคงแล้ว ก็น่าจะเข้าใจเรื่องราวได้มากกว่าเดิม”

…………..