บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บบที่ 599

‘พวกเราทั้งสองต่างคนต่างเดินไปในเส้นทางของตนเอง’

เป็นประโยคที่เรียบง่ายราวกับเป็นหอกน้ำแข็งที่เสียดแทงเข้าไปในหัวใจของเจเรมี่

เขาหวนรำลึกถึงวันแห่งโชคชะตาเมื่อสามปีก่อน

เธอสูญเสียการมองเห็นไปและมาที่งานแต่งงานของเขากับเมเรดิธ

ณ ตอนนั้น เธอป่วยหนักเจียนตาย

กระนั้น เธอยังรวบรวมกำลังทุกเฮือกที่เหลืออยู่ เพื่อที่จะพยุงตัวเองขึ้นมาและพูดกับเขาอย่างหนักแน่น “เจเรมี่ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของฉันนะ ขอบคุณทุกช่วงเวลาอันแสนวิเศษที่ผ่านมาที่คุณมอบให้ฉันนะ แต่ว่าฉันกลับต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคุณ รวมถึงเถ้ากระดูกของฉันเองด้วย นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราทั้งสองไม่ติดค้างอะไรต่อกันอีก ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันขอไม่เจอกับคุณอีกเลย…”

และในตอนนี้ เธอได้พูดประโยคนั้นซ้ำออกมาอีกรอบ

เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่อยู่ภายในหัวใจ เจเรมี่มองใบหน้าอันสวยงามของเมเดลีน แต่ไม่สามารถพูดคำใดออกไป

‘ลินนี่ ความทรงจำของคุณฟื้นกลับมาแล้ว ใช่ไหม?

‘ท้ายที่สุด คุณก็ตัดสินใจทิ้งผมไป ถูกต้องไหม?

‘ความทรงจำที่แสนหอมหวานที่คุณมอบให้ผมในช่วงสั้น ๆ ที่ผ่านมา ได้ระเหยกลายเป็นไอบนอากาศที่เบาบางไปตลอดกาลแล้วสินะ’

หลังจากที่เมเดลีนลงมาจากเวที เอโลอิสและฌอนก็พุ่งตัวไปยังหลังเวทีเพื่อพบลูกสาวในทันที

ทั้งคู่รั้งตัวเธอไว้ “เอวลีน ที่ลูกพูดบนเวทีเมื่อกี้นี้… ลูก… ลูกจำทุกอย่างในอดีตได้หมดแล้วเหรอ?”

เมเดลีนยิ้ม “ดูจากการที่พ่อแม่ถามกับหนูแบบนั้น มันหมายความว่าก่อนที่จะเสียความทรงจำ หนูเกลียดเจเรมี่มากจริง ๆ หนูพูดถูกไหมคะ?”

“คือว่า…” เอโลอิสและฌอนไม่ได้เอ่ยคำใดอีก ทำได้เพียงถอนหายใจ “ความจริงแล้ว เขาทำให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมานในอดีต แต่เขาก็เสียใจมาก นับตั้งแต่วันที่ลูกเจอกับเหตุการณ์ในวันนั้นเมื่อสามปีก่อน”

“เสียใจ เหรอคะ?” เมเดลีนหัวเราะ “หนูไม่ได้ต้องการให้เขารู้สึกผิดค่ะ อีกอย่าง เขาไม่ได้เป็นอะไรสำหรับหนูอีกต่อไปแล้ว”

หลังจากพูดจบ เจเรมี่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

เจเรมี่ยังคงเป็นชายหนุ่มรูปงาม เว้นเสียแต่ว่าสายตาของเขาในตอนนี้กลับมีความเศร้าหมองก่อตัวอยู่ภายใน

เมเดลีนมองหน้าเขา จากนั้นจึงเบือนหน้าหนี

“ลินนี่” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาและน่าดึงดูด เหมือนกับสายลมที่ปลอบประโลมหัวใจ

แต่ถึงอย่างไร เมเดลีนกลับไม่สนใจและไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับท่าทีของเขาเลย

เธอหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมใส่ และเดินออกไปยังทางเข้าหลัก

ในพระจันทร์แรกของค่ำคืนแห่งคิมหันต์ สายฟ้าพลันถักทอบนเวหาสีครามอันมืดมน คล้ายดั่งจะมีพายุใหญ่โหมกระหน่ำในไม่ช้า

เจเรมี่วิ่งตามเมเดลีนออกไปที่ทางเข้า และเห็นว่าเธออาจจะกำลังยืนรอรถอยู่ที่ริมถนน

เขาเดินตรงเข้าไปหาเมเดลีน แต่ทันใดนั้นก็มีรถวิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าเธอ เฟลิเป้เดินลงมาจากรถ

เมเดลีนเผยรอยยิ้มในทันใดตอนที่เห็นว่าเฟลิเป้เป็นคนมารับเธอเอง

ในสายตาของเจเรมี่ รอยยิ้มนั้นของเธอได้จุดประกายไฟแห่งความดื้อแพ่งและเห็นแก่ตัวในตัวเขาขึ้นมา

เขาพุ่งตัวเข้าไปหาเฟลิเป้ และจับมือของเมเดลีนเอาไว้ “ลินนี่ คุณจะไปกับผู้ชายคนนี้ไม่ได้นะ”

เขาดึงตัวเธอมาไว้ในในอ้อมแขนและพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “คุณเป็นภรรยาของผม และจะเป็นตลอดไป!”

“หึ” เฟลิเป้หัวเราะเบา ๆ “เจเรมี่ เลิกทำแบบนี้สักที การกระทำของนายมีแต่จะทำให้วีล่าเกลียดนายมากขึ้นเท่านั้น ปล่อยเธอซะ”

สายตาของเจเรมี่ฉายให้เห็นถึงความเย็นยะเยือก “ฉันจะไม่มีวันปล่อยลินนี่ไปอีกแล้ว นายคือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ใช่ไหม เฟลิเป้? นายเป็นคนเปลี่ยนลินนี่ให้มาอยู่ในสภาพนี้!”

“พอได้แล้ว” เมเดลีนพูดตัดบทเขาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง

สายตาอันเย็นยะเยือกของเธอราวกับท้องฟ้าใต้แสงจันทร์ในคืนนี้ เมื่อเธอมองเขา สายตาคู่นั้นมันเยือกเย็นเสียจนเจเรมี่รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก

“เจเรมี่ เมเดลีนคนเก่าอาจเคยรักนายแทบบ้า จนถึงจุดที่เธอสามารถเสียสละตนเองเพื่อนายได้ จนถึงจุดที่เธอคิดว่าเธอมีความสุขทางใจมากมาย ทั้ง ๆ ที่ต้องทนทุกข์ทรมานทางกายก็ตาม แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น”

“ฉันไม่ใช่ยัยโง่เมเดลีนคนนั้นอีกแล้ว! ฉันไม่เป็นเหมือนเธออีกเด็ดขาด ฉันจะไม่คิดว่านายคือทุกสิ่งทุกอย่าง และมองนายเป็นเป้าหมายและความเชื่อเดียวที่ฉันมีอีกต่อไปแล้ว!”

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเธอ มือของเจเรมี่ก็รู้สึกราวกับพลันอ่อนแรงไป