“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากให้คุณวู่วาม คุณก็เห็นว่าความสัมพันธ์ของฉันกับแม่ของคุณเป็นยังไง เรียกได้ว่าแย่มากๆ ในระหว่างที่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแม่ของคุณยังไม่ดีขึ้นฉันจะไม่ตอบตกลงเด็ดขาด ฉันไม่อยากให้สามีในอนาคตของฉันต้องเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างภรรยาแล้วก็คุณแม่ อีกอย่าง นี่คือการแต่งงานครั้งที่สองของฉัน ฉันต้องการที่จะรักษาและจัดการมันให้ดี ฉันอยากให้พวกเราสามารถเดินไปได้ไกลก็เดิม”
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสุนันท์นั้นแข็งกระด้างเกินไป การทะเลาะวิวาทครั้งเดียวไม่มีอะไรหรอก แล้วถ้าเป็นทะเลาะกันทุกวันล่ะ?
เขาเป็นผู้ชาย มีงานมีการเป็นของตัวเอง มีงานเลี้ยงของตัวเอง เขาเหนื่อยพอแล้วเวลาอยู่ข้างนอก เมื่อกลับถึงบ้านแล้วยังต้องมาเจอฉากที่เอาแต่ทะเลาะกันอีก เธอกลัวว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะเบื่อ
“อีกอย่าง ตอนนี้มันก็ดีสำหรับเรานี่” เธอพูดว่า บางทีเธออาจจะรู้สึกกลัวเรื่องการแต่งงาน
“ดีเหรอ?” ออกัสเลิกคิ้ว กินด้วยกันไม่ได้ นอนด้วยกันไม่ได้ ฉันอยู่ด้วยกันแบบนี้มันดีตรงไหนกัน
“อืม เราไม่เคยรักกันมาก่อน เราได้แต่งงานกันเลย ช่วงเวลานี้ก็ถือว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่ ลองสัมผัสความสุขของการคบหาดูใจกันบ้าง มันก็ไม่เลวเลย”
ออกัสพยักหน้า เขาวางคางลงบนผมของเธอ ก่อนจะกอดเอวเธอแน่นขึ้นด้วยมือใหญ่ของเขา และพ่นลมร้อนออกมา “ตกลง แล้วแต่คุณเลย”
อันที่จริง เขาต้องการสวมแหวนเพชรที่มือเธอ ซึ่งก็เทียบเท่าว่าเป็นสัญลักษณ์โดยไม่ต้องพูดอะไร ซึ่งก็เป็นสัญลักษณ์แสดงให้รู้ว่าเธอเป็นคู่หมั้นของเขาออกัส และผู้ชายคนอื่นๆ ห้ามเข้าใกล้!
แบบนี้ เขาก็จะรู้สึกวางใจ แล้วก็รู้สึกสบายใจ มันก็เหมือนกับการทานยาเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่เขายินดีที่จะทำตามความคิดของเธอ ทำตามที่เธอต้องการ
เธออยากจะไปกับเขาให้ไกลขึ้นกว่าเดิม ส่วนเขาเองก็อยากจะไปกับเธอให้ไกลขึ้นกว่าเดิมเหมือนกัน คำพูดของเธอที่ว่าไกลขึ้นกว่าเดิม มันทำให้เขาปลาบปลื้มใจ มากกว่านั้นมันทำให้เขารู้สึกมีความสุข ตื่นเต้นและตื้นตันใจ…
……
โรงพยาบาล.
นักข่าวยังมาไม่ถึง สิงหาอุ้มซารางไว้ และเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย วินดากำลังพิงศีรษะของเธอและดูนิตยสารแฟชั่นอยู่
เธอยังคงสวยเสมอ ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความเกียจคร้าน ดูเหมือนเธอจะไม่กังวลเกี่ยวกับสภาพของเธอเลย เมื่อเห็นซาราง เธอก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ “นี่คือ?”
“หลานสาวของผม ลูกสาวของออกัส” สิงหานั่งลงข้างผู้ป่วย กระเป๋าของซารางเต็มไปด้วยขนมหลากสีสัน
“คุณปู่กินสิ” มือขาวและอ่อนโยนของเธอเปิดถุงบรรจุขนมและป้อนให้สิงหา
สิงหาก็ตามใจเธอ เขากินลูกอม ซารางเอาออกมาอีกอันแล้วยื่นให้วินดา “ป้าคะ กินค่ะ”
“ปากเล็กๆ นี้ช่างหวานจริงๆ” วินดายิ้ม “ถอดรองเท้าของเธอแล้วปล่อยให้เธอขึ้นมาสิ”
เธอนั่งอยู่บนเตียง ซารางยุ่งอยู่กับการหยิบขนมในกระเป๋าของเธอออกมา เธอวางซ้อนกันสูงๆ ก่อนจะขยับตัวเล่นไปมา
ร่างกายเล็กๆ ของเธอเอนตัวลง ปกคอเสื้อห้องเธอก็กว้างขึ้น ในระหว่างนั้น วินดาก็กวาดสายตามองไปที่แหวนเพชรหยกโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดวงตาของเธอขยับเล็กน้อย ในขณะที่เธอเกลี้ยกล่อมและเล่นกับซารางไปด้วย เธอก็เอื้อมมือไปหยิบแหวนเพชรหยกออกจากคอของซาราง จากนั้นเธอก็หมดสติและตัวสั่นเล็กน้อย
สิงหาเห็นความแปลกประหลาดของเธอ เขาถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป?”
“แหวนเพชรหยกนี้เป็นแหวนที่ฉันใส่ให้ลูก” วินดาพูดช้าๆ
“จริงเหรอ?” สิงหาตบต้นขาด้วยใบหน้าที่เบิกบานอย่างมีความสุข “มันก็เหมือนสิ่งที่เขาพูดไว้ เวลาจะได้มาก็ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย คุณวางใจได้ เกี่ยวกับเรื่องแหวนเพชรนี้ ผมตรวจสอบโดยเร็วที่สุด”
……
หลังจากการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงบ่าย หลังจากที่สิงหากลับไปยังบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ ออกัสก็รออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้ว
ทันทีที่ซารางเห็นเขา เธอก็รีบวิ่งเข้าไปและตะโกนอย่างไพเราะว่า “แด๊ดดี้”
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอ และหลังจากสังเกตว่าไม่มีร่องรอยของการร้องไห้ เขาก็ยกยิ้มริมฝีปากและกล่าวลา แต่เมื่อเขากำลังจะจากไป สิงหาก็หยุดเขาไว้ “ออกัส พรุ่งนี้แกช่วยนั้นหม่ามี้ของซารางให้หน่อยได้ไหม”
ร่างสูงชะงักเล็กน้อย ออกัสหันกลับมาและขมวดคิ้ว “มีธุระอะไรกับเธอ?”
“ไม่มีธุระอะไร อีกอย่างฉันก็ไม่เคยทักทายเธออย่างเป็นทางการมาก่อน เธอให้กำเนิดหลานสาวที่น่ารักอย่างซาราง ฉันอยากชวนเธอมาทานอาหารเย็นในวันพรุ่งนี้ และขอบคุณเธอดีๆ สักครั้ง”
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย และออกัสก็กล่าวเบาๆ ว่า “ผมจะบอกเธอให้”
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของสุนันท์นั้นเหมือนโดนสีสาดใส่จนเลอะเทอะไปหมด มันเต็มไปด้วยสีสัน และสีหน้าของเธอก็ดูแย่กว่าปกติ “ฉันควรชวนเธอไปกินข้าวอะไรดี?”
“ยังไงเธอก็ให้กำเนิดลูก ครอบครัวสิริไพบูรณ์ของเราไม่ควรจะโหดเหี้ยมเกินไป ปล่อยให้สื่อเป็นคนประชาสัมพันธ์ ยิ่งกว่านั้นมันเป็นแค่การกินอาหารเท่านั้น ไม่ได้ให้เธอเข้าไปในบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์สักหน่อย คุณทำไมถึงต้องมีปฏิกิริยาใหญ่ขนาดนั้น?
สิงหาพูดแล้วก็หยิบสร้อยข้อมือหยกออกมาก่อนจะยื่นให้กับเธอ “ช่วงนี้คุณชอบหยกไม่ใช่เหรอ อันนี้ผมมอบให้คุณ”
สุนันท์รู้สึกดีใจมาก แต่เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดมากนัก เธอสวมสร้อยข้อมือ และก็พูดออกมาว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปด้วย”
“อืม” สิงหาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ยังไงก็ตาม จุดประสงค์ของเขาคือเพื่อสำรวจก่อน จากนั้นก็ให้วินดาเห็นเธอชัดๆ สักครั้ง เพื่อมาดูกันว่าเธอจะยังจำได้ไหมว่าเด็กที่เธอทอดทิ้งไปนั้นมีลักษณะอะไรที่คล้ายกับเชอร์รีนหรือไม่
ออกัสเล่าถึงคำพูดของสิงหาให้เชอร์รีนฟัง เธอขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตกลง ฉันจะไป”
“อืม ผมจะไปกับคุณเอง”
“งั้นตอนนี้ก็ไปส่งซารางกับฉันกลับบ้านก่อน” เธอเหลือบไปดูเวลา เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว และมันก็มืดแล้ว
ออกัสเลิกคิ้วและถอนหายใจยาวออกจากริมฝีปากบางของเขา “ผมต้องการให้คุณอยู่ที่นี่”
“รู้ไหมว่าตอนนี้คุณดูเหมือนผู้หญิงเลย ง” เธอหัวเราะอย่างหงุดหงิด
“ต้องทำให้ผู้หญิงรู้สึกพอใจ คุณเข้าใจดี…” ดวงตาของเขาร้อนแรง และไหล่ของเขาก็กระแทกกับเธอเบาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เชอร์รีนก็บิดตัวเขาอย่างไม่พอใจก่อนจะอุ้มซารางขึ้น “เลิกพร่ำได้แล้ว รีบพาเรากลับบ้าน”
วันที่สอง
ออกัสมารับคุณแม่และลูกสาวตอนสิบโมงเช้า ซารางก้มศีรษะลง เชอร์รีนจ้องมองที่เธอ
มือใหญ่อุ้มซารางไว้ในอ้อมกอด สายตาของออกัสมองดูท่าทีของเด็กน้อย ก่อนจะพูดว่า “คุณทำให้ลูกสาวของผมไม่พอใจเหรอ”
“กระเป๋าทั้งสองของเธอเต็มไปด้วยลูกอม เธอคว้ามันมาเยอะมาก เมื่อคืนนี้ เธอเอาแต่แอบเอาขนมเข้าปากโดยไม่บอกฉัน คุณเห็นไหม เธอฟันผุเยอะมาก!”
เขาหัวเราะๆ ก่อนจะวางเด็กหญิงตัวเล็กๆ ไว้บนต้นขาของเขา เขาเปิดปากของเธอขึ้นเล็กน้อย และแน่นอนว่า ฟันส่วนในสุดถูกแมลงกินหมดแล้ว
“ค่อยเป็นค่อยไป เธอยังเด็กอยู่ ต้องบอกให้เธอรู้ทีละน้อยทีละน้อย เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของเธอ”
เบาะหลังรถ ซารางนั่งอยู่ในอ้อมแขนของออกัส และปฏิเสธที่จะให้เชอร์รีนกอดเธอ เธอพยักหน้าอย่างโกรธเคือง “คนเจ้าเล่ห์ ยังรู้จักวิธีโกรธด้วย แล้วก็คุณด้วย เอาแต่ตามใจเธอ”
ออกัสเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ “ไม่เป็นไร หลังจากที่ฟันของลูกสาวผมเน่าเสียเพราะแมลงกิน ผมจะให้ฟันทองกับลูกสาวของผม”
“ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ” เชอร์รีนจ้องที่เขาอย่างโกรธจัด “ถ้าปล่อยให้คุณดูแลลูก ลูกก็คงจะเสียคนเพราะคุณ”