หัวใจของฟางหยวนสั่นไหว

 

‘ท่าไม้ตายชนิดใด?’

 

‘กระดองเต่าเป็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเต่าพยากรณ์ แต่มันกลับไม่สามารถต่อต้านการโจมตีนี้’

 

‘แม้ร่างของข้าจะมีปัญหาเรื่องพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้ง แต่ร่างกายของสัตว์อสูรบรรพกาลที่แข็งแกร่งได้รับบาดเจ็บถึงระดับนี้ได้อย่างไร?’

 

พลังการต่อสู้ของนางเสือดำอยู่เหนือความคาดหมายของฟางหยวน วิธีการของนางแปลกประหลาดและสามารถทำลายการป้องกันของเต่าพยากรณ์

 

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนต้องรีบกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะความระมัดระวังระดับเจ็ด

 

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกฎดวงนี้พึ่งถูกเพิ่มเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะกระดองเต่าวัชระเมื่อไม่นานมานี้

 

กลิ่นอายของเต่าพยากรณ์เปลี่ยนแปลงไป

 

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากช่วยปิดจุดอ่อนเกี่ยวกับเวลาสิบลมหายใจของวิญญาณความระมัดระวัง ดังนั้นมันจึงส่งผลกระทบทันที

 

ความคิดกระดองเต่าเพิ่มจำนวนขึ้นและปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดขณะที่กระดองเต่าพยากรณ์ส่องประกายราวกับโลหะ

 

การแสดงออกของนางเสือดำเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเห็นสิ่งนี้

 

นางแลบลิ้นและทำท่าเลียอีกครั้ง

 

ทั้งสองอยู่ห่างกันแต่ฟางหยวนยังได้รับบาดเจ็บ

 

อีกหนึ่งรูปรากฏขึ้นบนกระดองเต่าแต่รูที่เกิดขึ้นเล็กกว่าก่อนหน้าอย่างชัดเจนและไม่มีควันสีดำลอยขึ้นมา

 

รูก่อนหน้านี้หยุดปล่อยควันดำออกมาแล้วขณะที่ฤทธิ์การกัดกร่อนของมันชะลอตัวลงเป็นอย่างมาก

 

นางเสือดำก่นเสียงเย็น นางยังไม่ยอมแพ้ “ในกรณีนี้ข้าก็จะโจมตีที่นั่น!”

 

ในเวลาต่อมาฟางหยวนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ศีรษะ

 

เขารีบหดศีรษะเข้าไปในกระดอง

 

“บัดซบ!” นางเสือดำสาปแช่งด้วยความโกรธ

 

ฟางหยวนไร้ยางอายมาก ไม่เพียงศีรษะแต่เขายังหดแขนขาและหางเข้าไปในกระดองเต่าทั้งหมด

 

มีเพียงความคิดกระดองเต่าเท่านั้นที่ยังอยู่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

 

นางเสือดำเลียกระดองเต่าอย่างต่อเนื่องแต่มันแทบไร้ประโยชน์

 

นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่มีสิ่งใดที่นางสามารถทำได้

 

วูเหลียวรักษาอาการบาดเจ็บของตนขณะเฝ้าสังเกตการต่อสู้ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาลอบหลั่งเหงื่ออันเย็นเยียบ เขาคิด ‘ด้วยความเร็วนี้ เมื่อใดที่ท่านวูอี้ไห่จะสามารถแก้แค้นให้กับวูอัน เขาต้องใช้เวลากี่ปี?’

 

ปาเต๋อก่นเสียงไม่พอใจ

 

สนามรบอื่นเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงแต่ฟางหยวนกลับสงบนิ่งและซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่าเท่านั้น

 

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับท่าไม้ตายของนางเสือดำ

 

การโจมตีที่สามารถกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมีหลายวิธี ตัวอย่างเช่น การยิงบอลเพลิงออกจากฝ่ามือ มันจะพุ่งตรงไปยังเป้าหมายเป็นเส้นตรงโดยไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางหลังจากถูกยิงออกมา

 

หากเป็นท่าไม้ตายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บอลเพลิงจะสามารถเปลี่ยนทิศทางเล็กน้อยหลังจากถูกยิงออกจากฝ่ามือ

 

สำหรับท่าไม้ตายทีมีประสิทธิภาพสูง พวกมันจะสามารถติดตามเป้าหมาย

 

‘ท่าไม้ตายของนางเสือดำมีความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย’

 

‘มันไม่มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจนเหมือนบอลเพลิงแต่มันกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างแม่นยำ มันไม่ใช่การโจมตีในวงกว้าง ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างรุนแรง’

 

‘มันทำได้อย่างไร? ด้วยสายตา?’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนก็กระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงเพื่อสร้างหมอกหนาทึบขึ้นรอบๆ

 

‘วูอี้ไห่พยายามทำสิ่งใด?’ นางเสือดำสงสัยว่าฟางหยวนกำลังจะใช้ท่าไม้ตายใหม่ ดังนั้นนางจึงรีบแลบลิ้นออกมาอีกครั้ง

 

ฟางหยวนถูกโจมตี

 

‘ไม่ใช่การสายตา เป็นกลิ่นหรือไม่?’

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณเพื่อสร้างกลิ่นเหม็น

 

วูเหลียวที่อยู่ใกล้ๆรีบใช้วิญญาณเพื่อช่วยในการหายใจ

 

กลิ่นกระจายออกไปในอากาศ ผู้อมตะในสนามรบอื่นต่างได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

 

‘วูอี้ไห่กำลังพยายามทำลายท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้าม’ ดวงตาของปาเต๋อส่องประกายขึ้น เขามองเห็นเจตนาของฟางหยวน

 

เขารู้สึกไม่พอใจมากขึ้น

 

โดยปกติแล้วมีความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะทำลายท่าไม้ตายของศัตรูระหว่างการต่อสู้ เพราะพวกเขาต้องทดลอง แต่กระทั่งพวกเขาจะต้องการทำความเข้าใจเหตุผล พวกเขาก็ต้องมีวิญญาณอมตะที่สามารถตอบโต้

 

ความพยายามที่จะทำลายท่าไม้ตายของศัตรูจะทำให้การต่อสู้ยืดเยื้อ

 

“นี่เป็นเหตุฉุกเฉินแต่เขายังมีเวลาทำลายท่าไม้ตายของศัตรูอีกงั้นหรือ? ฮืม หากเขามีเวลา เขาควรพยายามฆ่าศัตรู!” ปาฉวนฟงไม่พอใจ

 

ปาเต๋อไม่พูด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับความขัดแย้งภายใน

 

นางเสือดำลังเลก่อนที่นางจะแลบลิ้นออกมาอีกครั้ง

 

อีกรูปรากฏขึ้นบนกระดองเต่าพยากรณ์

 

ฟางหยวนเกิดแรงบันดาลใจขึ้นทันที ‘ข้าเข้าใจแล้ว มันคือสัมผัสรับรสชาติของนาง’

 

ลิ้นสามารถรับรู้รสชาติ ลิ้นของผู้อมตะยิ่งสามารถสัมผัสรสชาติจากระยะไกลด้วยวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะ

 

‘ทุกครั้งที่นางใช้ท่าไม้ตายนี้ นางต้องแลบลิ้นออกมา’

 

‘นางอยู่ฝ่ายเดียวกับนิกายเงาขณะที่นิกายเงามีมรดกบนเส้นทางอาหาร มีเพียงเส้นทางที่อยู่นอกเหนือจากเส้นทางปกติเท่านั้นที่จะสามารถทำลายการป้องกันของเต่าพยากรณ์’

 

‘ข้าต้องทดสอบ’

 

เต่าพยากรณ์เปลี่ยนเป็นสีแดงโดยเฉพาะกระดองของมันที่ดูเหมือนจะกลายเป็นโลหะเหลว

 

นางเสือดำแลบลิ้นออกมาและอุทาน “อา…ร้อน!”

 

หลังจากนั้นกระดองเต่าพยากาณณ์ก็ปลดปล่อยกลิ่นแปลกๆลอยขึ้นสู่อากาศ

 

นางเสือดำแลบลิ้นและแทบอาเจียนออกมาด้วยความรังเกียจ นางขมวดคิ้ว “เค็มมาก!”

 

เต่าพยากรณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

นางเสือดำหยุดความพยายาม นางเข้าใจเจตนาของฟางหยวนในที่สุด “ชายผู้นี้! เขาไม่ได้พยายามจะใช้ท่าไม้ตายอมตะแต่เขากำลังตอบโต้ท่าไม้ตายของข้า บัดซบ!”

 

ก่อนหน้านี้นางเสือดำคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเต่าพยากรณ์คือจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายใหม่ของฟางหยวน

 

ดังนั้นนางจึงพยายามโจมตีเพื่อหยุดเขาและทำให้เขาได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

 

‘ในสถานการณ์นี้เขายังมีเวลาอนุมานและตอบโต้ท่าไม้ตายของข้าอีกงั้นหรือ?’ การเคลื่อนไหวของฟางหยวนไม่สมเหตุสมผล การต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงมาก ไม่มีผู้ใดมีเวลาสำหรับเรื่องนี้

 

แต่นั่นก็ทำให้นางเสือดำตกลงสู่หลุมพราง

 

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ นางเสือดำจึงหยุดใช้ท่าไม้ตายนี้ นางเริ่มใช้การโจมตีระยะไกล

 

นางส่งหมัดพลังปราณสีเขียวเข้มออกไป หมัดพลังปราณส่วนใหญ่ถูกกำจัดโดยความคิดกระดองเต่า แต่บางส่วนยังพุ่งเข้าปะทะกระดองเต่าพยากรณ์

 

เห็นได้ชัดว่าท่าไม้ตายของนางเสือดำพยายามป้องกันไม่ให้ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี

 

‘มันเป็นรสชาติจริงๆ’ หัวเต่าของฟางหยวนยังหลบอยู่ในกระดอง

 

แม้เขาจะเข้าใจท่าไม้ตายของนางเสือดำแต่มันยังห่างไกลจากการทำลาย

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่รีบร้อน

 

นางเสือดำไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายเดิมอีกต่อไป หมัดพลังปราณของนางส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเพียงเล็กน้อย มันไม่ใช่ภัยคุกคามใดๆ

 

วูอี้ไห่ตัวจริงมีท่าไม้ตายอื่นแต่พวกมันล้วนเป็นวิธีป้องกันทั้งสิ้น

 

แม้ฟางหยวนจะมีหลายวิธี แต่เขาไม่สามารถใช้งานพวกมัน เพราะด้วยตัวตนของวูอี้ไห่ หากเขาใช้วิธีการอื่น ตัวตนของเขาจะถูกสงสัย

 

ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงล่าช้ามาก

 

ฟางหยวนไม่ต้องการโจมตีหรือกล่าวให้ถูกต้องมากขึ้นคือเขาไม่มีวิธีโจมตี อย่างไรก็ตามนางเสือดำก็ไม่สามารถทะลวงการป้องกันของฟางหยวน

 

เมื่อเวลาผ่านไปความคิดกระดองเต่านับแสนหลังก็ปกคลุมอยู่รอบตัวฟางหยวน

 

นางเสือดำรู้สึกหมดหนทาง

 

กระดองเต่าจำนวนมหาศาลทำให้สนามรบแห่งนี้ดูสะดุดตามาก

 

การแสดงออกของปาเต๋อยิ่งเย็นชาลง เขาส่งข้อความถึงฟางหยวน “วูอี้ไห่ ข้าได้ยินว่าเจ้ายังมีท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นอีกสองรูปแบบ เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้พวกมัน? ฆ่านางอย่างรวดเร็วและไปสนับสนุนคนอื่นๆ เว้นเพียงเจ้าจะมีความสัมพันธ์กับนางกระต่ายขาวและไม่สามารถตัดใจฆ่านาง?”

 

ฟางหยวนไม่สนใจและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

 

ปาเต๋าไม่ได้รับคำตอบ เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

 

ฟางหยวนกำลังคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเอง

 

‘เหตุผลที่นิกายเงาโจมตีที่นี่เพราะพวกเขาต้องการช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณอย่างแน่นอน’

 

‘พวกเขาสามารถควบคุมจ้าวเย่ฮุ้ยแต่ยังมีขอบเขต ขณะเดียวกันผู้อมตะระดับแปดราชันภูเขาม่วงก็ยังไม่ปรากฏตัว’

 

‘ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะสามารถป้องกันได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ตราบเท่าที่พวกเราสามารถถ่วงเวลา กำลังเสริมจากทุกทิศทางจะมาถึง’

 

‘ข้ามีเกราะหวนคืน ข้าสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด พวกเขาไม่สามารถเอาชนะข้า’

 

‘ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเขาจะไม่มีไพ่ตายได้อย่างไร? ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเหล่านี้สิ้นหวังแล้ว’

 

‘ข้าควรปกปิดตัวตนและรอโอกาสลงมือในจังหวะที่เหมาะสม บางทีครั้งนี้ข้าอาจได้รับกำไรมหาศาล!’

 

ฟางหยวนคิดและตระหนักถึงโอกาส

 

เขาต้องเก็บรักษาความแข็งแกร่งและรอเวลาที่เหมาะสม

 

นิกายเงาเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่ฟางหยวนต้องการกำจัด แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้พยายามและไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความมุ่งมั่นที่เพียงพอ แต่สมาชิกนิกายเงาล้วนเป็นตัวตนระดับสูงทั้งสิ้น

 

อย่างไรก็ตามครั้งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่