ตอนที่ 446 – สังหารสำนักหัวหยุน (3)
เสียงที่ดังขึ้นโดยฉับพลันที่มาพร้อมกับประตูที่เปิด สร้างความตกใจให้กับบรรดาศิษย์ทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียง หลายคนโยนสิ่งของของพวกเขาทิ้งและรีบวิ่งไปรวมกันที่ประตู
เจี้ยนเฉินเดินผ่านประตูที่พังลงและเดินลึกเข้าไปในสำนักโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ด้วยการใช้มือทั้งสองข้างกวาดพลังงานโลกมารวมตัวกันรอบ ๆ มือของเขาก่อนที่จะสร้างกองเพลิงขนาดยักษ์ 2 กองอย่างรวดเร็ว
“ตูม ! “
สามารถได้ยินเสียงดังกึกก้อง ขณะที่เปลวไฟลุกไหม้ที่ห้องโถงทำให้โครงสร้างทั้งหมดพังลงก่อนที่จะดำเป็นตอตะโก สำนักหัวหยุนสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตซึ่งเป็นวัสดุทนไฟ ดังนั้นมันจะไม่ลุกไหม้ง่ายดายเกินไปนัก เดิมทีเจี้ยนเฉินวางแผนที่จะทำลายสำนักหัวหยุนเหมือนนิกายหยางจิ แต่อาคารหินแกรนิตบังคับให้เขายกเลิกความคิด
การกระทำเช่นนี้ทำให้ทั้งสำนักหัวหยุนหวาดกลัว เปลวไฟที่ลุกขึ้นเต็มท้องฟ้าเป็นประกายและสะท้อนแสงสีแดงไปทั่วทั้งสำนักซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน ศิษย์อีกหลายคนจากสำนักเริ่มรวมตัวกันพร้อมกับศิษย์ระดับสูงของสำนักที่กระโดดข้ามหลังคามาถึง
ไม่นานหลังจากนั้น ชาย 200 คนในชุดเครื่องแบบรวมตัวกันใกล้ประตูล้อมรอบเจี้ยนเฉิน
“เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร ? เจ้าต้องการรนหาที่ตายหรือถึงได้โจมตีสำนักหัวหยุนของเรา… “
“กล้าทำลายสำนักหัวหยุนของเราเช่นนี้ สำนักของเราจะไม่ให้อภัยเจ้าสำหรับสิ่งเหล่านี้..”
ศิษย์ 200 คนเริ่มด่าทอเจี้ยนเฉินด้วยความโกรธและจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ เจี้ยนเฉินทำลายประตูของพวกเขาซึ่งคล้ายกับตบหน้าสำนักหัวหยุนทั้งหมด สิ่งนี้สำหรับบรรดาศิษย์นั้นมากเกินพอที่จะยืนยันเจตนาในการฆ่าของพวกเขา
ตอนนี้สำนักหัวหยุนมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นถึงเซียนสวรรค์ 3 คน ภายในอาณาจักรเกอซุน นี่เป็นพลังที่ไม่มีใครเทียบ เซียนสวรรค์ 3 คนเป็นเกียรติที่ทำให้แม้แต่ศิษย์ในสำนักก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายสดใสและพวกเขาก็เริ่มดูถูกทุกคน
” อาจารย์รองมาถึงแล้ว หลีกทางให้เขาผ่านไป”
ทันใดนั้นเสียงอันดังก็ร้องออกมา ทำให้ศิษย์ทั้งกลุ่มแยกออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อหลีกทางให้ ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมปักเดินมาข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับแสงจากดวงตาของเขาที่ราวกับประกายกระบี่ขณะที่จ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน
“คุณชาย ท่านเป็นใครและมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ท่านโจมตีสำนักหัวหยุนของเรา หากไม่มีเหตุผลที่ดีแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร อย่าได้หวังว่าจะออกจากที่นี่หลังจากวันนี้” ชายคนนั้นพูด
เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เย็นชาลงกว่าเดิมในขณะที่เขาพูดว่า สำนักหัวหยุน ยโสมากกว่าที่ข้าคิด ไม่สำคัญว่าข้าจะเป็นใครสำหรับเจ้า แม้ว่าข้าจะเป็นองค์ชายแห่งอาณาจักร เจ้าก็จะกักขังข้าไว้ที่นี่”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนบิดเบี้ยวอย่างดุร้าย “โอหัง ! หยุดพูดพล่อย ๆ กับข้า ! ข้าเคยเห็นองค์ชายทั้งสองของราชวงศ์ ! เจ้าคือใคร บอกตัวตนของเจ้ามา ไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าสำนักหัวหยุนของเราไม่สุภาพ”
“ไม่สุภาพ ? ข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะไม่สุภาพได้อย่างไร ให้ข้าดูว่าเจ้าสามารถทำตามคำพูดของเจ้าเองได้หรือไม่” เจี้ยนเฉินหัวเราะขณะที่เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาพุ่งขึ้นสูง
มีเพียงชายวัยกลางคนเท่านั้นที่สามารถเยาะเย้ย มีเซียนสวรรค์ 3 คนในสำนักหัวหยุน ทำให้พวกเขามีลำดับสูงขึ้นในอาณาจักรเกอซุน ไม่มีใครเทียบได้กับพลังของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธที่จะให้ความสำคัญกับผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ชายผู้นี้โบกมือแล้วพูดว่า จับเขาไว้ ! หากเขาขัดขืนอย่ายั้งมือ ! “
“ขอรับ ! “
เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้มีอำนาจบางอย่างเนื่องจากศิษย์ทุกคนปล่อยเสียงโห่ร้องเมื่อได้ยินเสียงอนุญาต ศิษย์ 10 คนได้สร้างอาวุธเซียนของพวกเขาไว้แล้วเพื่อต่อสู้กับเขา
เจี้ยนเฉินกอดอกอย่างช้า ๆ แล้วยืนตรงนั้นโดยไม่ขยับตัว เมื่อศิษย์เข้ามาภายในระยะสิบเมตร ทรายบนพื้นดินก็ลอยขึ้นไปในอากาศทันที พร้อมกับแสงสีฟ้าและสีม่วง พวกมันพลันกระจายออกไปในทุกทิศทุกทาง
“อา ! “
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ศิษย์ของสำนักหัวหยุนจะล้มลงไปที่พื้นทีละคน ๆ ด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของพวกเขาถูกยิงทะลุผ่านเป็นรูหลายรูทั่วทั้งร่าง เลือดยังคงไหลลงมาตามร่างกายอย่างต่อเนื่อง ย้อมชุดเครื่องแบบจนเป็นสีแดง บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและบางคนได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตทันที
คนที่ถูกเรียกว่าอาจารย์รองตกใจทันทีเมื่อมองดูเด็กหนุ่มวัย 21 ปีตรงหน้าเขา ในขณะนี้เขาไม่กล้าดูหมิ่นเด็กหนุ่มอีกต่อไป
เจ้าเป็นใคร ! ” ชายคนนั้นพูดด้วยความกลัวที่เอ้อล้นขึ้นมาในน้ำเสียงของเขา
“เกิดอะไรขึ้น ? ” ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงที่ลึกล้ำดังมาจากด้านหลัง ในขณะที่เจ้าสำนักหัวหยุน เฉิงเฟยเดินออกมา ข้างหลังเขามีศิษย์อีกกลุ่มหนึ่ง
“ข้าคารวะท่านเจ้าสำนัก ! ” ชายผู้นั้นคำนับเจ้าสำนักทันทีก่อนที่จะอธิบายว่า “ท่านเจ้าสำนักคนคนนี้ไม่รู้ที่มา เขามาโจมตีสำนักหัวหยุนของเราโดยไม่มีเหตุผลและทำลายประตูและห้องโถงของเรา เขาทำให้ศิษย์บาดเจ็บหลายคน”
เมื่อเห็นประตูภูเขาที่ถูกทำลายใบหน้าของเฉิงเฟยก็ดูมืดครึ้ม สำนักหัวหยุนยังคงมีความโกรธแค้นจากตระกูลเจียงหยางเมื่อวานและกลับมาที่สำนักด้วยความแค้น สำหรับวันนี้ก็มีใครซักคนมาสร้างความเดือดร้อนและทำลายประตูสำนัก นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มาย่ำยีศักดิ์ศรีของสำนักหัวหยุน
“เจ้าเป็นใครและมีสาเหตุอะไรที่มาสร้างปัญหาให้กับสำนักหัวหยุนของข้า” เฉิงเฟยพูดด้วยสายตาที่เปล่งประกายดุร้ายของเขา
“ท่านเจ้าสำนักหัวหยุน เจ้าลืมข้าหลังจากผ่านมาหลายปีแล้วหรือ ? เมื่อวานนี้ เจ้ามาที่บ้านของข้าและพยายามรังแกข้าอีกครั้ง” ดวงตาอันเย็นชาของเจี้ยนเฉินจ้องไปที่เฉิงเฟย
เฉิงเฟยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ประกายไฟในดวงตาของเขาจะลุกโชนขึ้นมา ” เจ้าคือเจียงหยางเซียงเทียน ? “
“ถูกต้อง นั่นคือข้า ผู้นำเฉิง เจ้ายังต้องการที่จะจับและนำข้ากลับไปที่สำนักหัวหยุนของเจ้าอยู่หรือไม่ ? ตอนนี้ข้า เจียงหยางเซียงเทียนได้มาอยู่ที่หน้าสำนักของเจ้า ตอนนี้เจ้าจะจัดการกับข้าอย่างไร ? เมื่อหลายปีก่อน เจ้าบังคับให้ข้าออกจากบ้าน แต่วันนี้ข้าจะชำระหนี้ที่นี่และเดี๋ยวนี้” คำพูดทุกคำของเจี้ยนเฉินพูดด้วยความโกรธ
เฉิงเฟยมีข้อสงสัยบางอย่างเมื่อเขาดูเจี้ยนเฉินที่อยู่เบื้องหลังเขา จากนั้นด้วยสีหน้าที่จริงจังเขาพูดว่า “ผู้อาวุโสเจียงหวูจี ในเมื่อท่านมา ท่านก็ควรแสดงตัว”
ริมฝีปากของเจี้ยนเฉินขดเป็นรอยยิ้มอันเย็นชา “ไม่จำเป็นต้องตะโกน ข้ามาด้วยตัวเองโดยไม่มีเจียงไป่”
เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉิงเฟยมองหน้าเขาด้วยความดีใจและความกังวลทั้งหมดในใจเขาก็หายไป “เจียงหยางเซียงเทียน ถ้าเจ้ายังอยู่ในคฤหาสน์เจียงหยาง สำนักหัวหยุนของเราจะไม่มีทางจัดการกับเจ้าได้อย่างแท้จริง ตอนนี้เจ้ามีความคิดที่จะออกมาหาเรา เราก็อดไม่ได้ที่จะรับรางวัล”
“ฮึ่ม ลิ้นของเจ้าดูเหมือนจะไม่กลัวที่จะเมื่อยจากการใช้มากเกินไป มันยังไม่ชัดเจนว่าวันนี้ในหมู่พวกเราใครจะตาย” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความดูถูก
เฉิงเฟยมีรอยยิ้มที่โหดร้ายบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ ประตูและห้องโถงที่ถูกทำลาย ด้วยเสียงที่ดูถูกเขาพูดว่า “เจียงหยางเซียงเทียนอย่าเข้าใจผิดว่าประสบการณ์ของเจ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะช่วยเจ้าได้ที่นี่ หกปีผ่านไป วันนี้ข้าจะทวงแค้นจากเมื่อตอนที่เจ้าตัดแขนลูกชายของข้า เฉิงเฟยขยับถอยหลังและพูดว่า “ออกไปจับเขา แต่อย่าฆ่าเขา”
สิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่รอบตัวเฉิงเฟยหยิบอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาทันทีและหายตัวไปอย่างพร่ามัวเมื่อพวกเขาพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉิน – พวกเขาแต่ละคนเป็นเซียนปฐพี แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนปฐพี พวกเขาแต่ละคนก็สามารถบอกได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินได้สร้างความเสียหายบนประตูและห้องโถงของพวกเขาว่าเจี้ยนเฉินต้องเป็นเซียนปฐพีเป็นอย่างน้อย ไม่กล้าที่จะดูถูกเจี้ยนเฉิน พวกเขาออกมาพร้อมกันทั้งหมด
ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายด้วยความตั้งใจฆ่าอย่างดุเดือด เมื่อปราณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงพุ่งออกมาจากนิ้วมือของเขา ในไม่ช้าลำแสงหลายลำแสงก็พุ่งออกไปยังเซียนปฐพีที่พุ่งเข้ามา
เซียนปฐพีจากสำนักหัวหยุนไม่กล้าที่จะมองข้ามการโจมตีและแกว่งอาวุธเซียนเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกโจมตี ด้วยเสียงแตกที่คมชัดปราณกระบี่หายไป ทำให้ผู้โจมตีหยุดชะงัก ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาถอยหลังกลับไปสามก้าวก่อนที่จะทำให้ตัวเองยืนได้อย่างมั่นคง
ถึงแม้ว่าปราณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงนั้นแทบไม่จะกว้างกว่านิ้ว แต่พลังงานที่บรรจุอยู่นั้นมีมากกว่ากำลังของเซียนปฐพีจะสามารถจัดการได้
ผู้เชี่ยวชาญทุกคนของสำนักหัวหยุนตกใจเป็นอย่างมากและก่อนที่พวกเขาจะสามารถสงบสติอารมณ์ได้และมีความมั่นคงอีกครั้ง ลำแสงของปราณกระบี่สีฟ้าและสีม่วงก็พุ่งมาในอากาศ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนรีบยกอาวุธเซียนของตนขึ้นมา แต่พวกเขาสามคนก็ช้าเกินไป ปราณกระบี่เจาะช่องว่างระหว่างคิ้วของพวกเขาและฆ่าพวกเขาทันที ขณะที่พวกเขาล้มลงกับพื้น ดวงตาของพวกเขายังคงเบิกกว้างต่อความตาย
เมื่อเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ผู้อาวุโสที่ดูอยู่ก็รู้สึกตกใจทันที ” ช่วยเหลือพวกเขา ! ” เขาร้องบอกพร้อมกับเป็นคนที่พุ่งหาเจี้ยนเฉินเป็นคนแรก นักสู้ที่เหลือซึ่งเฝ้าดูอยู่ แขนของพวกเขาดึงอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาเช่นกันและติดตามผู้อาวุโสพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน
เจ้าสำนักเฉิงเฟยเผยภาพลักษณ์ที่ดูสับสนเมื่อเขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน “เป็นไปได้อย่างไร? เจียงหยางเซียงเทียน อายุเพียง 21 ปี เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร ? แม้ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะในบรรดาอัจฉริยะ การตัดผ่านเข้าไปขอบเขตเซียนปฐพีนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่เขาควรจะได้รับ”