ตอนที่ 1654 เทวรูปและใบมีดชำรุด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หลังจากเสียง “ฟู่” ดังขึ้น เพลิงลูกไฟสีเขียวพลันสัมผัสเข้ากับวานรมาร คาดไม่ถึงว่าจะแผดเผาหมอกลำแสงที่ผิว

 

 

ชั่วขณะนั้นซากศพแห้งพลันถูกเปลวเพลิงร้อนแรงห่อหุ้มเอาไว้

 

 

และในยามนั้นเองทารกวิญญาณของหานลี่ก็นั่งสมาธิอยู่ มือหนึ่งร่ายอาคมเป็นรูปทรงประหลาด และหลับตาทั้งสองข้างลง

 

 

ส่วนกายเนื้อที่ด้านล่างก็นิ่งงันด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับจมสู่ห้วงสมาธิ

 

 

ภายใต้การกระตุ้นอาคมของทารกวิญญาณ เพลิงทารกสีเขียวพลันแผดเผาไปสามวันสามคืน แม้ว่าจากระดับหลอมสุญตาขั้นต้นของหานลี่ในยามนี้ จนถึงวันสุดท้ายก็ยังรู้สึกกินแรงไม่น้อย เพลิงสีเขียวที่พ่นออกมาเล็กบางลงไปส่วนหนึ่ง

 

 

โชคดีที่วันที่สามไม่ทันได้จบลง ในที่สุดเคล็ดวิชาลับก็สำเร็จ

 

 

เพลิงวิญญาณสีเขียวมีเสียงระเบิดดังออกมา ควันสีดำแผ่ออกมาจากเปลวเพลิง ซากศพวานรมารที่แต่เดิมดูเหมือนจะคงรูปไม่เปลี่ยนแปลง พลันกลายเป็นกลุ่มควันในชั่วพริบตา โชคดีที่เหลือของเรืองแสงขนาดเท่ากำปั้นเอาไว้

 

 

ทารกวิญญาณลืมตาขึ้นจ้องไปยังของที่มีเปลวเพลิงเปล่งแสงระยิบระยับล้อมรอบอยู่ เผยรอยยิ้มออกมาในเวลาเดียวกันก็หยุดพ่นเพลิงทารกออกมาจากปาก

 

 

ม่านลำแสงสีทองและเขียวเปล่งแสงสว่างจ้า ทารกวิญญาณหายวับไป

 

 

ครู่ต่อมากายเนื้อที่อยู่ด้านล่างกลับไม่ไหวติง และลืมตาขึ้นสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งไปกลางอากาศ

 

 

ชั่วขณะนั้นหลังจากที่ม่านลำแสงม้วนวนผ่านไป เพลิงทารกทั้งหมดก็มอดไหม้ เผยสิ่งที่อยู่ด้านในออกมา

 

 

เป็นลำแสงสีโลหิตราวกับสร้างขึ้นจากผลึกก็ไม่ปราณ

 

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงพลางงอนิ้วชี้ในแขนเสื้อ

 

 

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น วายุสายหนึ่งพุ่งออกมา แค่กะพริบวาบก็โจมตีไปยังผลึกสีแดงโลหิต

 

 

หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ผลึกพลันปริแตกคาดไม่ถึงว่าจะมีของเหลวสีดำแดงที่ข้นเหนียวไหลออกมา

 

 

เมื่อของเหลวออกมากลางอากาศก็หมุนวนแล้วผนึกรวมตัวกันกลายเป็นวานรน้อยสีดำแดงสูงครึ่งฉื่อ

 

 

วานรตัวนี้เปล่งเสียงร้อง ฉับพลันนั้นก็แผ่กลิ่นอายป่าเถื่อนที่ทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีออกมา จากนั้นลำแสงสีดำแดงพลันสว่างวาบ วานรสลายหายไป

 

 

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากในกำแพงด้านหนึ่งในห้องลับ ลำแสงสีดำแดงกลุ่มหนึ่งชนเข้ากับมัน แต่ถูกพลังต้องห้ามดีดกลับมา

 

 

ลำแสงสีดำแดงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายร่างเป็นวานรอีกครั้ง พุ่งไปอีกทางราวกับแมลงวันไร้หัว

 

 

แต่ในยามนั้นหานลี่ที่เตรียมตัวเอาไว้นานแล้วพลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีลำแสงสีขาวเจิดจ้า ขวดหยกปากขวดเล็กแคบปรากฏขึ้น

 

 

โยนขึ้นไปกลางอากาศ ขวดหมุนติ้วๆ ปากขวดชี้ไปทางกลางอากาศ

 

 

ม่านลำแสงสีขาวด้านในปรากฏขึ้นรางๆ

 

 

เสียง “สวบๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีขาวพ่นออกมาจากด้านใน แค่เคลื่อนไหวก็ม้วนเอาวานรสีดำแดงเข้าไปข้างในแล้วดึงกลับมาใส่เข้าไปในขวดหยกได้อย่างง่ายดาย

 

 

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ยกมือข้างหนึ่งกวักไปกลางอากาศ

 

 

ขวดเล็กพลันสั่นเทาร่อนลงมาด้านล่างอย่างเงียบเชียบ ถูกฝ่ามือรองเอาไว้อย่างมั่นคง

 

 

หานลี่แผ่จิตสัมผัสเข้าไปตรวจสอบในขวด หลังจากผ่านไปชั่วครู่แววตาก็ฉายแววตื่นเต้นดีใจ

 

 

“เยี่ยม เยี่ยมมาก เป็นโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของวานรยักษ์ภูเขาดังคาด คิดไม่ถึงว่าโลหิตเที่ยงแท้ที่หลอมขึ้นใหม่จะบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ หากหลอมเสร็จคิดดูแล้วตอนแปลงร่างเป็นวานรยักษ์คงจะเหนือกว่าวิหคสวรรค์เป็นแน่” หานลี่เอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยความดีใจ อีกมือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ยันต์วิเศษสีทองและเงินสองแผ่นปรากฏขึ้น ถูกแปะลงไปบนปากขวด

 

 

จากนั้นขวดหยกก็ถูกเขาเก็บลงไปอย่างระมัดระวัง

 

 

แม้ว่าจะหลอมโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ได้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่สามารถหลอมให้หมดได้ในทันที

 

 

ผ่านการพ่นเพลิงทารกใส่ซากวานรมารไปสองสามวัน ก็สูญเสียปราณแท้ไปไม่น้อย เขาจำต้องฟื้นฟูพลังลมปราณก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

 

กินยาลูกกลอนไปเล็กน้อย แล้วหยิบศิลาวิญญาณสองก้อนออกมาจากกำไลเก็บของ หานลี่เข้าสู่ห้วงแห่งสมาธิด้วยสีหน้าราบเรียบ

 

 

หนึ่งวันต่อมาเมื่อเขานั่งสมาธิเสร็จพลังปราณรอบกายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นดังเดิม

 

 

หลังจากที่เขารู้สึกว่าพลังปราณในร่างกลับมาเต็มเปี่ยมและบริสุทธิ์เหมือนเดิมแล้ว ทันใดนั้นก็พลิกฝ่ามือด้วยรอยยิ้ม ใบมีดชำรุดความยาวครึ่งฉื่อเปล่งแสงเรืองรองปรากฏขึ้นในมือ

 

 

นั่นก็คือใบมีดชำรุดที่ดูคล้ายสมบัติสวรรค์ทมิฬ ซึ่งได้มาจากวานรมารชิ้นนั้น

 

 

วันนั้นที่เขาได้สมบัติชิ้นนี้มาก็อยู่ในอารามรีบร้อนจึงไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ระหว่างทางก็กลับมายังเมืองเมฆาพร้อมเซียนเซียนจึงไม่ได้หยิบสมบัติชิ้นนี้ออกมา

 

 

ยามนี้หานลี่ใช้นิ้วลูบไปบนอักขระบนผิวใบมีดชำรุดที่เว้านูนไม่เรียบเกลี้ยง แล้วเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

 

 

จิตสัมผัสกวาดซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบครั้ง แต่เหมือนกับผลสวรรค์ทมิฬอย่างไรอย่างนั้น เมื่อสัมผัสผิวของมันก็จะถูกพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งบีบกลับมา และยิ่งไปกว่านั้นจนถึงยามนี้ เจ้าสิ่งนี้ก็ยังไม่มีไอวิญญาณเลยสักนิด ดูแล้วเหมือนกับเหล็กกร่อนที่ธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง

 

 

แต่ใบมีดชำรุดที่ไม่สะดุดตาชิ้นนี้กลับสำแดงอานุภาพที่น่าตกตะลึงออกมาในวันนั้น หากไม่ใช่เพราะผลสวรรค์ทมิฬถูกกระตุ้นจนบินออกมากลายเป็นกระบี่สวรรค์ทมิฬอีกครั้ง เกรงว่าก็คงเพลี่ยงพล้ำไปภายใต้ใบมีดชำรุดที่สับลงมา

 

 

เมื่อนึกถึงอานุภาพที่น่าตกตะลึงของใบมีดชำรุดในวันนั้น แววตาของหานลี่ก็มีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างตรวจสอบอย่างละเอียด

 

 

เนตรวิญญาณสามารถมองทะลุผ่านใบมีดชำรุดได้ดังคาด แต่นอกจากอักขระสีทองขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว ก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นอีก

 

 

หานลี่เลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเดิมทีด้านในของใบมีดชำรุดก็เป็นเช่นนี้หรือว่าถูกพลังเทวรูปของเขากระตุ้นให้เป็นเช่นนี้กันแน่

 

 

ทว่าหลังจากที่ขบคิดอีกที เขาก็ฉีกยิ้มออกมา

 

 

ไม่ว่าเดิมทีใบมีดชำรุดจะมีหน้าตาอย่างไร แต่นั่นมันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ เขาแค่ต้องทำให้สมบัติชิ้นนี้กลายเป็นเครื่องมือสังหารอีกชิ้นหนึ่งของตนก็พอแล้ว

 

 

แม้ว่าวันนั้นเขาจะใช้พลังเทวรูปกระตุ้นผลสวรรค์ทมิฬอีกครั้งแต่ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพที่สูบเสียพลังลมปราณและโลหิตบริสุทธิ์ไปจนหมด แต่พลังของเทวรูปก็ถูกสูบไปเกือบครึ่ง นั่นก็ร้ายแรงมาก การฟื้นฟูในภายภาคหน้าจะต้องใช้เวลาไม่น้อยเช่นกัน

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ผลสวรรค์ทมิฬก็ถูกผนึกอยู่ในแขนยังคงไม่อาจเรียกออกมาได้ ผู้ใดจะรู้ว่าครั้งต่อไปที่จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจะบังเอิญถูกกระตุ้นออกมาอีกหรือไม่

 

 

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตน้อยๆ ของตัวเองจะต้องนำไปฝากไว้กับเครื่องมือสังหารที่พึ่งพาไม่ได้ชนิดนี้ แม้ว่าเครื่องมือสังหารชนิดนี้จะมีพลังอานุภาพลึกล้ำยากจะคาดเดา แม้กระทั่งเคยช่วยชีวิตเขาอย่างต่อเนื่องมาแล้วสองครั้ง

 

 

เทียบกับกระบี่ยาวที่สร้างขึ้นจากผลสวรรค์ทมิฬแล้วพลานุภาพของใบมีดชำรุดชิ้นนี้ก็เทียบกับมันไม่ได้เลย แต่ด้วยเหตุนี้เวลาที่สำแดงสมบัติชิ้นนี้จึงสูญเสียน้อยกว่าผลสวรรค์ทมิฬ อาจจะถูกเขากระตุ้นได้ดั่งใจ

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนั้นแววตาของหานลี่พลันมีแสงสีฟ้าไหลวนโคจร แน่นอนจึงคิดอยากจะลองดูสักครั้ง

 

 

เห็นเพียงเขาโยนใบมีดสีทองในมือออกไป จากนั้นสองมือพลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นรอบกายพลันเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า เกราะเกล็ดสีทองพลันปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ บนผิว

 

 

จากนั้นเทวรูปสีทองสูงสองสามจั้งพลันปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขา สามเศียรหกกรเปล่งแสงสีทองระยิบระยับ

 

 

เมื่อมองผ่านๆ เทวรูปตนนี้ดูเหมือนมีขนาดเท่าเดิมอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็จะพบว่าร่างกายรางเลือนกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก แม้แต่ลำแสงสีทองที่ปล่อยออกมาก็หม่นแสงลงเล็กน้อย

 

 

เมื่อเทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ปรากฏตัวแขนข้างหนึ่งก็ขยับคว้าใบมีดชำรุดสีทองกลางอากาศเข้ามาอยู่ในมือ

 

 

หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แต่ในใจพลันร่ายคาถา

 

 

เทวรูปกลางอากาศเปล่งแสงสีทองนับหมื่นสายออกมา ปล่อยลำแสงเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง ในเวลาเดียวกันลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศในบริเวณนั้น ชั่วครู่ก็เรียงตัวกันเต็มห้องลับ

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันเลิกคิ้ว ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากร้องตะโกนเสียงต่ำๆ

 

 

เทวรูปด้านบนสะบัดใบมีดชำรุดสีทองในมือที่กำอยู่เบาๆ

 

 

เสียงร้องแหลมสูงดังขึ้น ลำแสงสีทองบนร่างของเทวรูปทั้งหมดทะลักไปหาใบมีดราวกับน้ำไหลหลาก ในเวลาเดียวกันลำแสงสีทองกลางอากาศก็สั่นเทา กลายเป็นอักขระสีทองน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน

 

 

หลังจากที่อักขระเหล่านี้หมุนวนก็เหมือนกับถูกเรียกอย่างไรอย่างนั้น กลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งไปหาใบมีดชำรุด สุดท้ายก็ทยอยกันจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ตัวใบมีดชำรุดถูกลำแสงสีทองกลืนกิน เสียงกรีดร้องแหลมสูงแต่เดิมหยุดลง

 

 

และในยามนั้นเสียงเสียงหนึ่งของเทวรูปก็ดูเหมือนจะหดเล็กลงเท่าหนึ่ง

 

 

แต่ครู่ต่อมาลำแสงสีทองที่ปกคลุมใบมีดชำรุดก็หม่นแสงแล้วสลายหายไป

 

 

ใบมีดนี้แต่เดิมก็ขาดตัวมีดครึ่งหนึ่งไป ชั่วครู่ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ บนผิวมีอักขระสีทองสามตัวไหลเวียนอยู่รางๆ

 

 

หานลี่เงยหน้าขึ้นมองใบมีดสีทองกลางอากาศ สัมผัสได้ถึงพลังแรงกดน่าตกตะลึงที่แผ่ออกมาจากด้านบนและพลังปราณในร่างที่ไหลออกไปอย่างรวดเร็วได้อย่างชัดเจน ใบหน้ากลับอดที่จะเผยสีหน้ายินดีออกมาไม่ได้

 

 

ดังคาดเขาสามารถอาศัยเทวรูปควบคุมสมบัติชิ้นนี้ได้ แม้ว่าพลังของเทวรูปและพลังปราณจะยังคงถูกดูดออกไป แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาทนไหว

 

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นพลันพิจารณาอักขระสีทองสามตัวบนใบมีดสีทองอย่างละเอียด

 

 

อักขระสามตัวนี้คล้ายกับอักขระบนกระบี่ที่สร้างขึ้นจากผลสวรรค์ทมิฬ แค่มองก็รู้ว่าเป็นตัวอักษรชนิดเดียวกัน

 

 

“อักษรจ้วนทอง เจ้าสิ่งนี้คือสมบัติสวรรค์ทมิฬอีกชิ้นหนึ่งดังคาด” หานลี่เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาและไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

แต่ฉับพลันนั้นเขาพลันสัมผัสอะไรได้ เลื่อนสายตาไปที่เทวรูปสามเศียรหกแขนอีกครั้ง

 

 

เห็นเพียงลำแสงสีทองบนร่างเทวรูปแม้จะไม่เหมือนตอนแรกที่ทะลักไปหาใบมีดสีทอง แต่ก็ยังคงส่งออกมาอย่างช้าๆ ทีละนิดๆ

 

 

หลังจากสมบัติชำรุดสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้เริ่มคืนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะดูดซับพลังของเทวรูปไปไม่หยุด

 

 

หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่หลังจากที่ขมวดคิ้วมุ่น มือหนึ่งก็ชี้ไปที่เทวรูปกลางอากาศ

 

 

ชั่วขณะนั้นแขนของเทวรูปพลันขยับ ใบมีดสีทองถูกนิ้วทั้งห้าคลายออกแล้วโยนออกมา จากนั้นใบหน้าของทั้งสองพลันชัดเจนขึ้น และอ้าปากออกพร้อมกัน

 

 

พ่นพายุสีทองกลุ่มหนึ่งออกมา แค่กะพริบวาบ ก็ม้วนเข้าไปในใบมีดสีทอง

 

 

ชั่วขณะนั้นเสียงอึกทึกพลันดังขึ้น ครึ่งหนึ่งของใบมีดสีทองกลายเป็นหมอกลำแสงสีทองถูกพายุม้วนเข้าไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินกลับไปหาเทวรูปอีกครั้ง

 

 

หลังจากที่เทวรูปสามเศียรหกแขนดูดซับหมอกลำแสงสีทองไปจนหมดเกลี้ยง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ฟื้นฟูกลับมีขนาดเท่าตอนที่สำแดงออกมา

 

 

ใบมีดสีทองกลางอากาศฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพชำรุดเช่นเดิม และร่อนลงมาจากกลางอากาศ

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก

 

 

หลังจากลำแสงสีทองสว่างวาบ ใบมีดชำรุดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

จากอานุภาพที่น่ากลัวของสมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้ วันข้างหน้าก็จะกลายเป็นเครื่องมือสังหารอีกชิ้นหนึ่งของเขา แน่นอนว่าต้องเก็บเอาไว้อย่างระมัดระวัง

 

 

ได้สมบัติวิเศษมาสองชิ้นต่อเนื่องกัน แน่นอนว่าหานลี่ย่อมพึงพอใจเป็นอย่างมาก

 

 

ทว่าเขาก็ไม่ได้ได้ของจากเทือกเขามารสีทองมาเพียงเท่านี้

 

 

หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็สะบัดแขนเสื้อ ของอีกสองชิ้นบินออกมา หยุดอยู่ตรงหน้าห่างออกไปแค่คืบ