ตอนที่ 654 จัดนิทรรศการภาพวาด

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 654 จัดนิทรรศการภาพวาด
“จริงสิ เธอเช็กน้ำมูกน้ำตาก่อน แล้วออกไปกับฉัน”

ซูฉิงหยิบทิชชูยื่นให้กับเย่ซี และเย่ซีก็ทำตามที่ซูฉิงบอก ผ่านไปสักพักซูฉิงก็เดินนำเย่ซีออกมา

“คุณป้าคะ เรื่องเมื่อกี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ฉันจะมาบอกคุณว่าไม่ใช่อย่างนั้น”

ซูฉิงก้มหน้ายิ้มบาง รังสีสีทองแผ่ออกมาตามเงาของเธอ

“อั้ยยะ ไม่กล้าว่าอย่างนั้นหรอก”แม่เย่รีบให้ซูฉิงลุกขึ้น:”คุณเป็นเจ้านาย พวกเราต้องขอบคุณสิถึงจะถูก”

“แม่ แม่ทำอย่างนี้ทำไม”

เย่ซวงรู้สึกไม่พอใจ แล้วฉุดแม่เย่ แต่กลับถูกแม่เย่จ้องตาเขม็งกลับ

“ในเมื่อคุณป้าพูดมาอย่างนี้ งั้นฉันขอพูดอะไรสักหน่อยนะคะ”

ซูฉิงมีสีหน้าจริงจัง และแม่เย่ก็ให้เธอพูด

“ในวงการบันเทิงทุกวันนี้ เย่ซีถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ จะต้องรีบยืนอยู่ให้นิ่ง ส่วนเรื่องเงินถือเป็นกำลังที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์เรา”

ซูฉิงพูดมีเหตุผลมากและแม่เย่ก็เห็นด้วย

“ตอนนี้เหมือนว่าทุกคนล้วนรู้จักที่จะเก็บเงินแล้วด้วย เท่าที่ฉันรู้ เย่ซีทำงานมาได้หลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บเลย และเงินจำนวนนี้ล้วนเอาไปให้พี่ชายของเธอ”

แม่เย่มองไปทางเย่ซวงที่อยู่ข้างๆ และเย่ซวงก็รีบส่านหน้าไปมา

“ถ้าหากพวกคุณต้องการพึ่งพาเซ่ยีจามแก่เฒ่าละก็ก็ต้องดูแลเธอด้วย อย่างนี้เธอถึงจะมีใจที่จะตั้งใจทำงานไม่ใช่ต้องมารับมือกับพี่ชายของเธอที่มาก่อกวนต่างๆ นานาไม่หยุด”

แม่เย่ที่ได้ยินอย่างนี้ก็เงียบไม่พูด

คำพูดของซูฉิงพูดแทงใจดำเธอ เธอหันไปจ้องเย่ซวงตาเขม็ง :”ฉันรู้แล้ว ต่อไปจะสั่งสอนเขาให้ดี คุณไม่ต้องเป็นห่วง”

ซูฉิงเห็นแม่เย่ตอบตกลงก็วางใจ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม่เย่งั้นฉันก็ขอตัวกลับก่อน ถ้ามีเวลาเดี๋ยวฉันจะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคะ”

หลังจากที่ซูฉิงกลับไป แม่เย่ก็หันไปตำหนิเย่ซวง

ทำให้เย่ซวงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก อยากจะซื้อที่สิ่งอยากได้แต่ไม่ได้ แถมยังถูกต่อว่าฟรีอีก

เขามองแผ่นหลังซูฉิงที่เดินออกไป โดยที่ไม่มีใครมองเห็นสายตาร้ายจ้องไปทางเธอ

เย่ซีที่เห็นว่าเย่ซวงไม่ไม่มายุ่งกับตนอีกก็รู้สึกดีใจ

เย่ซีถือโอกาสที่แม่เย่ตำหนิเย่ซวงก็เดินออกไปกับซูฉิง

“พี่เสี่ยวฉิง!”

เย่ซีที่เดินตามก็เรียกซูฉิงไว้ เดินว่างมาด้วยใบหน้าที่ยังแดงเล็กน้อยเพราะพึ่งร้องไห้เสร็จ :”ต้องขอบคุณพี่จริงๆ นะคะ ทุกครั้งมีพี่คอยช่วยแก้ไขปัญหาตลอดเลย”

เย่ซีพูดขอบคุณซูฉิง และซูฉิงก็โบกมือให้

“ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้จัดการเสร็จแล้ว เธอก็จะได้ทำงานออกมาได้ดี และก็มีส่วนช่วยต่อฉันและบริษัทด้วย”

เย่ซีได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มให้ซูฉิงเล็กน้อย

กวนจิ่งสิงที่มองภาพเหตุการณ์นี้อยู่ไม่ไกล

เขาทนความคิดถึงไม่ได้ เลยมาหาเย่ซีที่บ้าน ระหว่างทางก็ได้ยินคนนินทาเรื่องเย่ซี

กวนจิ่งสิงเลยเดินเข้าไปถามก็ถึงได้รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเย่ซี

นึกถึงภาพเย่ซีที่ไม่มีความกล้า กวนจิ่งสิงก็ไม่วางใจเลยรีบมาเพื่อดูว่าเย่ซีเป็นยังไงบ้าง

คิดไม่ถึงว่าจะเห็นแววตาแดงก่ำของเย่ซีอยู่ไกลๆ ก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ ตอนที่คิดจะเดินเข้าไปหาก็เห็นว่าเย่ซีกำลังคุยกับใครอยู่

กวนจิ่งสิงหรี่ตามอง ก็เห็นว่าซูฉิงยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้เขาหยุดเท้าไม่เดินเข้าไปหา

น้ำเสียงเอ่ยเตือนของซูฉิงยังติดตาเขาอยู่ ถ้าหากเขาเข้าไปให้ซูฉิงเห็น เธอที่เป็นคนเด็ดขาด ถ้าหากเธอรู้เข้า ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง

พอคิดมาถึงตอนนี้ กวนจิ่งสิงก็เลยไม่เดินเข้าไป ใบหน้ายิ้มแย้มของเย่ซูฉิงทำให้จิตใจขอบเขาค่อยๆ สงบลง

ขอเพียงแค่เย่ซีไม่เป็นไร เขาก็วางใจแล้ว ได้แต่มองร่างกายที่ผอมแห้งของเย่ซีเขาก็แฉะยิ้มออกมา

หลังจากจัดการเรื่องเย่ซีเสร็จ ซูฉิงก็ไปที่ชมรมจิตรกรรมพู่กันจีน

ตอนนี้ตนเป็นลูกศิษย์ของเหลยข่าย ซึ่งมันก็คือเรื่องจริง

จะต้องมาที่ชมรมจิตรกรรมพู่กันจีนบ้าง เพื่อมาเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ

คิดไม่ถึงว่า เธอที่พึ่งเดินเข้าไปก็เจอกับหมิงหยุนชาง

แม้หมิงหยุนชางจะเป็นศิษย์พี่ของตน แต่ภาพที่เขาประลองกับเธอในงานเลี้ยงของคืนนั้นยังอยู่ตรงหน้า คิดมาถึงตรงนี้ซูฉิงก็รู้สึกหน้าเสีย

“ศิษย์น้อง”

คิดไม่ถึงว่าหมิงหยุนชางจะมาทำตัวสนิทอย่างนี้ แล้วก็โบกมือซูฉิงอยู่ไกลๆ

“พรุ่งนี้ฉันจะจัดนิทรรศการภาพวาด เมื่อถึงตอนนั้นคนมาเยอะมาก เธอจะมามั้ย”

ซูฉิงอึ้ง คิดไม่ถึงว่าหมิงหยุนชางจะเชิญตนต่อหน้าคนอื่น

แต่ว่าพรุ่งนี้

ซูฉิงคิ้วขมวด เรื่องของเย่ซีพึ่งจะจัดการเสร็จ พรุ่งนี้เธออาจจะต้องกลับไปจัดงานของเธอใหม่อีกครั้ง

“ไม่ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ฉันติดธุระ คงจะไปร่วมไม่ได้”

ซูฉิงที่มองเห็นหมิงหยุนชางทำหน้าเศร้าก็ทำได้เพียงกระซิบปลอบ:”ถ้าหากฉันว่างฉันจะไปแน่นอน”

หมิงหยุนชางได้ยินอย่างนั้นก็ทำได้เพียงพยักหน้า

แต่ภาพเหตุการณ์นี้เหล่าคนที่มาเตรียมจัดนิทรรศการล้วนเห็นกันหมด

แม้แต่งานจัดนิทรรศการภาพวาดของหมิงหยุนชาง ซูฉิงก็ยังปฏิเสธ ดูท่าน่าจะมีดีจริงๆ

พอพูดมาถึงตอนนี้ทุกคนต่างก็ยิ้มส่ายหน้า เพราะเป็นลูกศิษย์ของเหลยข่าย พวกเขาเลยไม่พูดอะไรมาก

หลังจากซูฉิงกลับไปแล้ว เย่ซวงก็มาที่ชมรมจิตรกรรมพู่กันจีน

เขาก็อยู่ในรายชื่อที่ถูกเชิญมา และเพราะเหตุที่ถูกแม่เย่ตำหนิเลยทำให้อารมณ์ไม่ดี

และตอนที่เขาเดินเข้ามานั้นก็ได้ยินคนพูดนินทาเรื่องของซูฉิง

ทำให้ดึงดูดความสนใจของเย่ซวง พอนึกถึงซูฉิงเขาก็หน้าไม่สู้ดี

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉิง เขาคงจะได้หมึกมาแล้วละก็จะได้รับการเคารพจากคนอื่นแล้ว และยังจะถูกคนพวกนี้เรียกศิษย์พี่ศิษย์น้อง

“พวกคุณกำลังคุยอะไรกันอยู่หรอ ซูฉิงอะไร”

พวกคนพวกนั้นก็หันมามองเขา ไม่ได้คิดอะไรมากก็เล่นเรื่องที่ตัวเองเห็นเมื่อกี้ให้เย่ซวงฟัง:”เมื่อกี้ฉันเห็นหมิงหยุนชางเชิญซูฉิงไปงานนิทรรศการภาพวาด จากนั้นซูฉิงก็ปฏิเสธ”

ทุกคนพูดฮือกันขึ้นมา ส่วนเย่ซวงก็นิ่งเรียบ

“เธอเป็นอย่างนี้อย่างนี้ไม่ใช่หรอ คิดว่าตัวเองเก่งเสมอ ดูถูกคนอื่นไปทั่ว”

ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้าสบตากัน แล้วก็ห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ:”นายบ้าไปแล้วรึไง เธอเป็นถึงลูกศิษย์เหลยข่ายเลยนะ ถ้านายเสียงดังพูดไป อีกเดี๋ยวเธอได้ยินเข้า นายแย่แน่!”

“แล้วยังไง พวกคุณกลัวเธอหรอ ผมไม่กลัวหรอกนะ”

เย่ซวงพูดด้วยใบหน้าที่ไม่เกรงกลัว พอนึกถึงเรื่องที่ซูฉิงไปอวดเบ่งอำนาจที่บ้านของตนก็ยิ่งโมโห

“เมื่อกี้เธอมาที่บ้านของฉัน พูดโม้ว่าจะซื้อน้ำหมึกให้กับฉัน ฉันได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกเกรงใจเลยรีบปฏิเสธเธอไป”

ทุกคนที่ได้ยินอย่างนั้นต่างก็ตาวาว

“จริงหรอ นายอยู่เหนือซูฉิงเลยหรอ”

“ใช่น่ะสิ”ก็ได้ยินเย่ซวงตอบพร้อมกับทำหน้าอย่างได้ใจ :”เธอเป็นเจ้านายของน้องสาวฉัน เรื่องของเธอฉันก็ได้ยินมาเยอะ เรื่องปฏิบัติต่อพนักงานเอย เมื่อกี้เธอยังมาที่บ้านของฉันเพื่อมาพูดใส่ความ ทำให้น้องฉันของฉันถูกพ่อแม่ตำหนิอยู่นาน”

ทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็พ่นลมหายใจออกมา คิดไม่ถึงว่าซูฉิงที่มีเฉิดฉายอย่างนั้นเบื้องหลังจะเป็นคนอย่างนี้