ตอนที่ 187 จิตแพทย์

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

มีเพียงเสียงเป่าลมที่ดังอยู่ ลั่วอิงสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออบอุ่นของถังโจวโจวที่ลอดผ่านเส้นผมของเธอไป ผ่านไปสักพัก เสียงของถังโจวโจวก็ดังขึ้น “ลั่วอิง ลุกได้แล้วค่ะ” ผมของเธอเกือบจะแห้งดีแล้ว ในที่สุดก็ให้ลั่วอิงนอนบนเตียงได้อย่างหมดห่วง 

 

 

           ลั่วอิงอยู่โรงพยาบาลมาสองสามวัน แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เธอจะได้กลับบ้าน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ลั่วอิงก็ดูสดใสมากกว่าเดิม ถังโจวโจวช่วยเธอเก็บเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็ช่วยเธอถือของ แล้วพวกเขาสามคนก็ออกไปจากโรงพยาบาลพร้อมกัน 

 

 

           ถังโจวโจวไม่ได้แจ้งข่าวให้คนอื่นทราบ พวกเธอออกมาจากโรงพยาบาลอย่างเงียบเชียบ เธอคาดว่าคุณแม่ถังกับป้าหลิวคงจะเตรียมอาหารมื้อใหญ่รอไว้อยู่แล้ว 

 

 

           เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อกับคุณแม่ถังก็ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่น “ในที่สุดลั่วอิงก็กลับมาแล้ว!” คุณพ่อถังอุ้มลั่วอิงขึ้น 

 

 

ส่วนคุณแม่ถังก็รับของมาจากมือของถังโจวโจว “โจวโจว ทำไมถึงช้านักล่ะ รีบเข้ามาทานข้าวกันเร็ว” 

 

 

“เซ่าเชิน เข้าไปทานข้าวกันเถอะ” คุณพ่อถังเอ่ยกับลั่วเซ่าเชิน 

 

 

“ครับ คุณพ่อ คุณแม่” ลั่วเซ่าเชินจอดรถให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูและตามคุณพ่อกับคุณแม่ถังเข้าไปในบ้าน 

 

 

ป้าหลิวพูดอย่างดีอกดีใจ เมื่อเห็นว่าพวกเขามากันแล้ว “อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณชาย คุณผู้หญิง จะรับตอนนี้เลยหรือว่ารออีกสักครู่คะ?” 

 

 

“ทานตอนนี้เลยดีกว่า” ลั่วเซ่าเชินพูดขึ้นหลังจากมองเห็นลั่วอิงที่ทำท่าว่าน้ำลายจะหกเมื่อพูดถึงของกิน เขาเองก็รู้สึกหิวเหมือนกัน วันนี้เขาทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้กับลั่วอิง แม้ว่ามันจะไม่ได้ยุ่งยากมากนัก แต่มันก็ใช้เวลาไม่น้อย ส่วนถังโจวโจว เธอก็มัวแต่เก็บข้าวเก็บของ ตรวจความเรียบร้อยต่างๆ จนเพิ่งจะได้กลับมากันตอนนี้ 

 

 

เมื่อพวกเขาทั้งห้าคนนั่งลงบนโต๊ะอาหารแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ถังก็คอยคีบกับข้าวให้ลั่วอิง ปากของพวกเขาก็พร่ำพูดอยู่ตลอดว่า “ลั่วอิงน้อยของเราต้องทานเยอะๆ นะลูก ดูสิ นอนโรงพยาบาลแค่ไม่กี่วันเอง ผอมลงไปหมดแล้ว ต้องทานของอร่อยๆ เติมกลับเข้าไปเยอะๆ นะ” 

 

 

“ใช่ๆ ดูสิ หน้าของลั่วอิงตอบลงไปตั้งเยอะ คุณยายรู้สึกว่าหนูผอมลงไปมาก หลังจากความทุกข์ทรมานในครั้งนี้ วันข้างหน้าคุณยายก็ขอให้หนูมีแต่ความปลอดภัยและความสุขกายสบายใจนะลูกนะ” คำพูดดีๆ หลุดออกมาจากปากของคุณแม่ถังไม่หยุด เธอต้องการทำให้ลั่วอิงรู้สึกสบายใจที่สุด 

 

 

ป้าหลิวทราบดีว่าวันนี้ลั่วอิงจะออกจากโรงพยาบาล ดังนั้นหนึ่งในสามของอาหารบนโต๊ะจึงเป็นของโปรดของลั่วอิง และเธอก็ยังตุ๋นซุปไก่ให้ลั่วอิงทานอีกด้วย เธอตักซุปไก่เสิร์ฟให้ทุกคนคนละถ้วย “ลั่วอิง รีบทานสิลูก นี่เป็นแม่ไก่แก่[1]ที่คุณยายวานให้คนเอามาให้จากหมู่บ้าน มันอร่อยมากๆ เลยนะ” 

 

 

คุณแม่ถังตั้งใจวานให้คนนำไข่ไก่และแม่ไก่แก่มาให้จากหมู่บ้านโดยเฉพาะ เพื่อเตรียมให้ป้าหลิวตุ๋นซุปให้ลั่วอิงในวันนี้ ถังโจวโจวไม่ได้รู้สึกอิจฉา ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงอีกปัญหาหนึ่งอยู่ บาดแผลที่เกิดขึ้นภายในใจของลั่วอิงจะรักษาได้อย่างไร?  

 

 

เมื่อสองสามวันก่อน ถังโจวโจวเป็นคนที่เฝ้าเธออยู่โรงพยาบาล เธอเห็นว่าลั่วอิงมักจะสะดุ้งตื่นกลางดึกอยู่เสมอ และเนื่องจากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ถังโจวโจวก็เลยไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม เพราะเป็นห่วงลั่วอิงอยู่ทุกคืน 

 

 

หลังจากที่ถังโจวโจวได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลั่วเซ่าเชินฟัง ลั่วเซ่าเชินก็เก็บเอาเรื่องนี้ไปคิด เขาจำได้ว่าฟังหยวนเหมือนจะมีเพื่อนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา เขาจึงรีบต่อสายหาฟังหยวน และเมื่อฟังหยวนได้ฟังดังนั้น เขาก็อาสาทันทีว่า “เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง” 

 

 

จิตแพทย์จะมาที่บ้านในอีกสองวันถัดไป คุณหมอเองก็เล็งเห็นถึงลักษณะเฉพาะของลั่วอิงเช่นกัน คุณหมอกลัวว่าถ้าหากพาเธอมาที่คลินิกเธออาจจะต่อต้านได้ แล้วมันก็จะไม่เอื้ออำนวยต่อการรักษาทางจิตใจของเธอได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลา คุณหมอก็มาในฐานะเพื่อนของคุณพ่อ เพื่อเข้าใกล้กับลั่วอิงก่อน และเมื่อกระชับความสัมพันธ์ได้แล้ว เขาค่อยพูดถึงแนวทางการรักษา 

 

 

หลังจากกินข้าวเสร็จ ลั่วเซ่าเชินก็พาคุณพ่อกับคุณแม่ถังกลับไปส่งที่บ้าน ลั่วอิงไม่ได้ไปโรงเรียนมาหลายวันแล้ว จึงไม่ได้เจอเพื่อนเลย ดังนั้นเมื่อเธอกินข้าวเสร็จ เธอก็ไปที่บ้านของเพื่อนทันที 

 

 

ถังโจวโจวช่วยป้าหลิวทำความสะอาดครัวและโต๊ะอาหาร จากนั้นเธอก็นำของใช้ของลั่วอิงไปวางไว้ในห้องนอนของเธอ อันไหนที่ควรจะซักก็ซัก อันไหนที่ควรจะเก็บก็เก็บ 

 

 

แล้ววันที่พวกเขานัดกับคุณหมอจางก็มาถึง วันนี้ถังโจวโจวตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงาน ที่คุณหมอจางมาในวันนี้ พวกเขาเองก็ต้องการได้ยินกับหูว่าคุณหมอจะว่าอย่างไรเมื่อได้ดูอาการของลั่วอิง 

 

 

ลั่วเซ่าเชินไม่ได้รีบร้อนให้ลั่วอิงไปโรงเรียนทันที เพราะเขากลัวว่าลั่วอิงอาจจะยังไม่หายดี อาการป่วยของเธอไม่ได้ปรากฏแค่บนร่างกาย แต่ยังรวมไปถึงด้านจิตใจด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลั่วอิงที่โรงเรียน เขาคงจะตามไปช่วยเธอไม่ทัน ดังนั้นเขาจึงให้เธอพักอยู่ที่บ้านก่อนอีกสักสองสามวัน 

 

 

ถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชิน และลั่วอิงร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน พวกเขากินโจ๊กเห็ดหูหนูขาวใส่ไข่ และนมอีกคนละแก้ว อาหารเช้าของพวกเขาอุดมไปด้วยสารอาหารและมีคุณค่าทางโภชนาการ 

 

 

หลังจากมื้อเช้าแสนอร่อยผ่านไปแล้ว ถังโจวโจวก็ไม่ได้รั้งลั่วอิงไว้ เธอปล่อยให้ลั่วอิงออกไปเล่นตามประสาเด็ก ส่วนเธอก็เก็บกวาดบ้านไปเรื่อยๆ ถังโจวโจวชอบความรู้สึกที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เธอได้ใช้พลังงานและเวลาอย่างเต็มที่ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่ามาก 

 

 

เก้านาฬิกา เสียงออดดังขึ้น ป้าหลิวรีบเดินออกไปเปิดประตู เมื่อเธอได้ยินว่าคุณจางที่คุณชายกับคุณผู้หญิงกำชับไว้มาถึงแล้ว เธอก็รีบเชิญเขาเข้ามาในบ้านทันที “เชิญค่ะ คุณจาง คุณชายกับคุณผู้หญิงรออยู่เลยค่ะ” 

 

 

จางจิ่งเซินดูเป็นคนที่มีความรู้และสง่างามมาก สามารถรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยตั้งแต่แรกเห็น เขาไม่ใช่คนที่หล่อมากนัก แต่ก็สามารถทำให้คนรู้สึกได้ถึงความสบายใจ ดูน่าเชื่อถือ นี่คือความรู้สึกทั้งหมดของถังโจวโจวที่ได้เจอเขาเป็นครั้งแรก เธอเชื่อว่าคุณหมอจางจะสามารถรักษาอาการทางจิตใจของลั่วอิงได้อย่างแน่นอน 

 

 

“คุณผู้หญิงลั่ว สวัสดีครับ!” 

 

 

“เชิญนั่งก่อนค่ะ คุณจาง ป้าหลิวคะ รบกวนชงชามาให้คุณจางหน่อยค่ะ” 

 

 

“ค่ะ คุณผู้หญิง รอสักครู่นะคะ” ป้าหลิวรีบเดินกลับไปยังห้องครัว ส่วนถังโจวโจวก็นำจางจิ่งเซินไปที่ห้องนั่งเล่น 

 

 

จางจิ่งเซินไม่ได้ถือสัมภาระมามากมาย ในมือของเขามีแค่กระเป๋าเอกสารสีดำใบหนึ่ง บนร่างกายของเขาคลุมด้วยเสื้อโค้ทสีกากี ด้านในเป็นเสื้อถักไหมพรมคอเต่าสีน้ำเงินเข้ม ดูสุขุมนุ่มลึกเป็นอย่างมาก 

 

 

หลังจากป้าหลิวยกน้ำชาออกมาเสิร์ฟ ถังโจวโจวก็บอกให้ป้าหลิวรีบไปเรียกลั่วเซ่าเชินมา จากนั้นก็ค่อยไปตามลั่วอิง ลั่วอิงเป็นคนสำคัญในวันนี้ จะขาดเธอไปไม่ได้เลย 

 

 

เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินว่าจางจิ่งเซินมาแล้ว เขาก็รีบออกมาจากห้องหนังสือ ลั่วเซ่าเชินสวมชุดลำลองอยู่บ้าน เพราะเรื่องของลั่วอิง วันนี้เขาจึงไม่ได้ไปทำงานที่บริษัท เขาเชื่อว่าจางจิ่งเซินจะไม่ถือสาว่านี่คือการไม่ให้เกียรติต่อแขก 

 

 

“คุณจางครับ เรื่องลูกสาวของผม ผมคงต้องรบกวนคุณแล้ว” 

 

 

“ผอ. ลั่วไม่ต้องเกรงใจหรอกนะครับ มันเป็นหน้าที่ของผม” จางจิ่งเซินได้พบกับคนดังแห่งเมือง S ก่อนหน้านี้เขาได้รับข้อมูลของลั่วอิงจากฟังหยวนแล้ว แต่เขาก็ยังอยากเจอเธอด้วยตัวเอง เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไป 

 

 

แม้ว่าปัญหานี้จะไม่ได้หนักหนาสาหัสมากนัก แต่เธอก็คือลูกสาวอันเป็นที่รักของลั่วเซ่าเชิน ดังนั้น จางจิ่งเซินจึงยินดีมาช่วยและจะพยายามระมัดระวังให้มากที่สุด 

 

 

ลั่วอิงกระโดดโลดเต้นเข้าไปในบ้าน และเมื่อถังโจวโจวเห็นเหงื่อที่ท่วมตัวเธอไปหมด ก็ได้แต่พูดออกมาว่า “นี่หนูไปทำอะไรมาคะ ทำไมเหงื่อถึงได้เต็มตัวแบบนี้ล่ะ มากับแม่โจวโจวเร็ว เดี๋ยวคุณแม่จะเช็ดให้ค่ะ” 

 

 

ถังโจวโจวบอกให้ลั่วอิงตามเธอไปที่ห้องน้ำ เธอเช็ดหน้าผากและลำตัวของลั่วอิงด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น “เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหมคะ” 

 

 

ถังโจวโจวอยากจะเช็ดอีกสักรอบ แต่ลั่วอิงรีบส่ายหน้าเสียก่อน “หนูโอเคแล้วค่ะ แม่โจวโจว สบายมากเลย ขอบคุณค่ะแม่โจวโจว” 

 

 

“ครั้งหน้าไม่ให้ทำแบบนี้อีกแล้วนะคะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง” 

 

 

“ไม่เป็นหวัดหรอกค่ะ แม่โจวโจว คุณลุงที่นั่งอยู่กับคุณพ่อด้านนอกคือใครหรือคะ” ลั่วอิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย 

 

 

“อ๋อ เขาคือเพื่อนของคุณลุงฟังค่ะ วันนี้เขาแวะมาเยี่ยม อีกเดี๋ยวออกไปทักคุณลุงจางด้วยกันนะคะ” ถังโจวโจวกำชับกับลั่วอิง 

 

 

“ค่ะ แม่โจวโจว เราไปกันเถอะค่ะ คุณพ่อน่าจะรอคุณแม่แย่แล้ว” ลั่วอิงพูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ 

 

 

ถังโจวโจวหัวเราะออกมา “นี่คุณพ่อไม่ได้รอหนู รอแต่คุณแม่หรือคะ? เดี๋ยวคุณแม่จะออกไปถามคุณพ่อ” 

 

 

“ไม่ใช่ค่ะ แม่โจวโจวขา หนูพูดผิด คุณพ่อกำลังรอเราสองคนอยู่ เรารีบออกไปกันเถอะค่ะ” ลั่วอิงดันถังโจวโจวให้ออกไปจากห้องน้ำ 

 

 

“ลั่วอิง มาหาพ่อเร็วลูก” ลั่วเซ่าเชินกวักมือเรียกเธอ 

 

 

ลั่วอิงหันไปมองถังโจวโจวตามปกติ ถังโจวโจวพยักหน้าให้อย่างนึกสนุก “หนูมองคุณแม่ทำไมคะ คุณพ่อเรียกหนูแน่ะ รีบไปสิ” 

 

 

จากนั้นลั่วอิงถึงวิ่งเข้าไปหาลั่วเซ่าเชินอย่างกระตือรือร้น เธอถูกเขาอุ้มขึ้นไปนั่งบนหน้าตัก หลังจากนั้นลั่วอิงก็ได้สบตาเข้ากับจางจิ่งเซิน ลั่วอิงจดจำคำพูดของถังโจวโจวได้ดี เธอจึงร้องทักด้วยเสียงหวานๆ ว่า “สวัสดีค่ะ คุณลุงจาง!” 

 

 

“ลั่วอิงใช่ไหมครับ! ลุงได้ยินลุงฟังหยวนพูดถึงหนูอยู่บ่อยๆ นึกไม่ถึงเลยว่าหนูจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ลุงตกหลุมรักหนูตั้งแต่แรกเห็นเลยนะเนี่ย” จางจิ่งเซินไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาให้เธอรู้ เพราะเขากลัวว่าเธอจะปฏิเสธเขา และเมื่อได้เห็นความปีติยินดีในสายตาของลั่วอิง จางจิ่งเซินก็ประสบความสำเร็จแล้วในขั้นตอนแรก 

 

 

“คุณลุงฟังมักจะพูดถึงหนูต่อหน้าคุณลุงจริงๆ หรือคะ” ลั่วอิงคิดว่าถ้าคุณลุงจางคนนี้พูดเรื่องจริง เธอคงจะต้องทำตัวดีๆ กับคุณลุงฟังซะแล้ว เขาชมเธอต่อหน้าคนอื่น เธอก็ควรจะตบรางวัลให้กับเขา 

 

 

“จริงสิครับ ถ้าหนูไม่เชื่อหนูก็ลองไปถามลุงฟังหยวนดูได้ เขาบอกว่าหนูเป็นเจ้าหญิงน้อยที่สวยที่สุดในโลก แม้ว่าเขาจะชอบแกล้งหนูจนทำให้หนูโกรธอยู่บ่อยๆ แต่ที่จริงแล้วเขาชอบหนูมากๆ เลยนะครับ” แล้วลั่วอิงก็ยิ่งประทับใจจางจิ่งเซินมากขึ้น 

 

 

ฟังหยวนเคยทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ และถังโจวโจวเองก็บอกว่าจางจิ่งเซินมาเยี่ยมพวกเธอ ลั่วอิงก็เลยไว้วางใจในตัวเขามากขึ้น ตลอดหนึ่งชั่วโมง จางจิ่งเซินชวนลั่วอิงคุยในเรื่องที่เธอสนใจ ก่อนจะนำเธอไปยังหัวข้อที่เขาสนใจ 

 

 

ลั่วอิงมีความสุขตลอดเวลาที่ได้คุยกับจางจิ่งเซิน เธอเกือบจะลืมไปแล้วว่าตรงนี้มีถังโจวโจวกับลั่วเซ่าเชินอยู่ด้วย จนกระทั่งถังโจวโจวยกจานผลไม้ออกมาให้ “คุณจางคะ ลั่วอิง พักทานผลไม้กันก่อนดีกว่าค่ะ พวกคุณน่าจะเหนื่อยกันแล้ว” 

 

 

ถังโจวโจวเห็นลั่วอิงพูดไม่หยุด ที่จริงแล้วจางจิ่งเซินเองก็ใช่ว่าจะพูดเก่ง เขามักจะเป็นคนเปิดบทสนทนา แล้วหลังจากนั้นคำพูดที่เหลือก็ตกเป็นของลั่วอิงทั้งหมด จางจิ่งเซินเพียงแค่ตั้งใจฟังเธอ และตรงจุดนี้เองที่บางครั้งถังโจวโจวก็ทำไม่ได้ 

 

 

เขาสามารถทนฟังเสียงพูดของลั่วอิงได้เป็นชั่วโมงๆ ซ้ำนั่นยังเป็นความคิดของเด็กอีก จึงทำให้ถังโจวโจวอดชื่นชมและนับถือเขาไม่ได้ 

 

 

ลั่วอิงรับน้ำอุ่นมาจากถังโจวโจวและดื่มมันจนหมดแก้วในสองสามอึก ในตอนแรกเธอยังไม่ได้รู้สึกกระหายอะไร แต่เมื่อถังโจวโจวเอ่ยเตือน เธอก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันที 

 

 

จากนั้นเธอก็ทกินแอปเปิลอีกสองสามชิ้น ในปากของเธอถูกโอบอุ้มไปด้วยความหวาน อารมณ์ของเธอก็ยิ่งดีขึ้น จากเดิมที่อารมณ์ของเธอก็ดีอยู่แล้ว 

 

 

จางจิ่งเซินฝากฝังให้ถังโจวโจวนำผลไม้มาให้ลั่วอิง เพื่อที่เธอจะได้พักสักหน่อย จางจิ่งเซินมีแผนที่จะเดินหน้าต่อไปและเขาก็จะเดินไปให้ถึงในจุดนั้น ยิ่งลั่วอิงแสดงออกมากเท่าไร เขาก็จะได้รู้จักกับลั่วอิงมากยิ่งขึ้น ซึ่งแบบนี้มันจะได้ครอบคลุมทุกๆ ด้าน 

 

 

และเมื่อพูดถึงวันที่เธอถูกลักพาตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ ลั่วอิงก็ไม่ได้พูดเสียงดังฟังชัดเหมือนก่อนหน้านี้ เสียงของเธอค่อยๆ เบาลง หากไม่ใช่เพราะจางจิ่งเซินเฝ้าสังเกตเธออยู่ตลอด เขาก็อาจจะคิดว่าเธอไม่ได้พูดอะไร 

 

 

แต่ความจริงแล้ว ลั่วอิงก็แค่ตกตะลึง อาจเป็นเพราะว่าเธอเผลอนึกถึงสถานการณ์เลวร้ายในวันนั้น จากนั้นเธอก็เลยนิ่งเงียบไป 

 

 

 

 

 

[1] แม่ไก่แก่ คือ ไก่ตัวเมียที่มีอายุครบตามกำหนด โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงแม่ไก่ที่มีอายุเลี้ยงมากกว่า 400 วันขึ้นไปและผ่านการฟักไข่มาแล้ว ซึ่งการนำแม่ไก่แก่มาทำอาหารนั้น จะทำให้รสชาติอาหารกลมกล่อม ส่วนใหญ่จะนำแม่ไก่แก่ไปตุ๋นหรือแกง เพราะมีไขมันค่อนข้างสูง จะช่วยให้น้ำแกงมีกลิ่นที่หอมหวนยิ่งขึ้น