บทที่ 692 : เฉินเจี้ยนกุ่ย (2)
นี่คือศัตรูที่แท้จริง!หลิงหยุนจึงไม่คิดที่จะออมมือ และจู่โจมเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยหมัดปีศาจเถียนกังเต็มกำลัง!
ถึงแม้ว่าจะมาพบกันที่ตระกูลเกาโดยบังเอิญหลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวที่จะต้องต่อสู้กับเฉินเจี้ยนกุ่ยเลยแม้แต่น้อย!
ปัง..!ปัง..!
เสียงต้นไม้ใบไม้กระทบกับกระแสลมปราณที่ซัดออกจากฝ่ามือและหมัดของคนทั้งคู่จนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณต้นไม้เล็กๆ และกิ่งไม้ใหญ่ถึงกับโค่นล้มระเนระนาด
ปัง!
เสียงปังดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง..และมันคือเสียงกำปั้นของหลิงหยุนที่ปะทะเข้ากับฝ่ามือซีดเซียวของเฉินเจี้ยนกุ่ย
เวลานี้..เพียงแค่พลังบริสุทธิ์อย่างเดียวหมัดของหลิงหยุนก็มีน้ำหนักถึงสี่พันกิโลกรัมแล้ว แต่เมื่อผนวกเข้ากับลมปราณในขั้นปรับร่างกาย-9 หมัดของเขาหนึ่งข้างก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นหกพันกิโลกรัมเลยทีเดียว แต่เมื่อผนึกเข้ากับวิชาหมัดปีศาจเถียนกัง ก็ยิ่งทำให้หมัดของหลิงหยุนมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นข้างละแปดพันกิโลกรัม และหลิงหยุนก็ชกหมัดปีศาจเถียนกังเข้าใส่เฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างเต็มกำลัง!
เมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยได้สัมผัสกับพละกำลังความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเข้าจึงรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาเลย และไม่กล้าที่จะประมาท เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็ใช้พละกำลังขั้นสูงสุดและใช้วิชาฝ่ามือโลหิตตอบโต้หลิงหยุนเช่นกัน!
แทบไม่ต้องสงสัย..จากการปะทะกันเมื่อครู่นี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยเป็นฝ่ายล่าถอย และไม่อาจต่อกรกับหลิงหยุนได้ ร่างของมันไถลไปกับพื้น และปีกใหญ่สีดำทั้งสองข้างก็ฟาดเข้ากับต้นไม้ใหญ่น้อยจนล้มระเนระนาดไปหลายต้น ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยลื่นไถลไปไกลหลายสิบเมตรก็ยังไม่ยอมหยุด
สีหน้าของเฉินเจี้ยนกุ่ยเปลี่ยนไปทันที..เขาอยู่ในขั้นเซียงเทียน-4 ซึ่งฝ่ามือหนึ่งข้างย่อมมีความรุนแรงเท่ากับน้ำหนักหนึ่งพันกิโลกรัม และเขาเป็นแวมไพร์ ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับยอดฝีระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 และพลังความรุนแรงของฝ่ามือก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสองพันกิโลกรัม เมื่อสองวันที่แล้วเขาเพิ่งจะขึ้นสู่ระดับไวส์เคานต์ ฝ่ามือของเขาข้างหนึ่งจึงมีพละกำลังมากกว่าสามพันกิโลกรัม ประกอบกับใช้วิชาฝ่ามือโลหิต น้ำหนักของฝ่ามือจึงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นถึงสี่พันกิโลกรัม แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสามาถรับได้ อีกทั้งยังทำให้เขาเป็นฝ่ายล่าถอยได้อีกด้วย เป็นไปได้อย่างไรกัน!
“เจ้ายังไม่กลายร่างอีกงั้นรึนี่ข้าออมมือให้เจ้าแล้วนะ..”
หลิงหยุนไม่ตามร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยไปเขาได้ทดสอบพละกำลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยดูแล้ว และเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีพละกำลังอยู่เพียงเท่านี้ จะต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอย่างแน่นอน!
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนเองก็ยังคงกังวล..เขารู้ดีว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยยังไม่ได้กลายร่างขั้นสุด และหากมันกลายร่างขั้นสุดเมื่อใด พละกำลังและความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่าตัว..
แต่หากเฉินเจี้ยนกุ่ยกลายร่างจริงๆหลิงหยุนเองก็มีวิชาพลังมังกรที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ หากเขาใช้วิชานี้เมื่อไหร่ พละกำลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่าเลยทีเดียว และเขามั่นใจว่าถึงเวลานั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยจะไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน!
แต่พลังป้องกันของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจไม่น้อยเช่นกัน!เพราะขนาดหมัดปีศาจเถียนกังที่ทรงพลังของเขา ก็ยังทำอันตรายเฉินเจี้ยนกุ่ยไม่ได้แม้แต่น้อย..
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
แววตาเย็นชาดุร้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ยจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนพร้อมกับร้องถามเสียงดัง
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว..ข้าก็คือคนที่จะมาสังหารเจ้า!”
หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังก่อนจะพุ่งหมัดปีศาจเถียนกังเข้าจู่โจมเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้ง
เฉินเจี้ยนกุ่ยเพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนจึงไม่กล้าที่จะยืนนิ่งรับหมัดของเขาอีก มันเลือกที่จะใช้ความเร็วหลบหลีกกำปั้นของหลิงหยุน และปีกทั้งสองข้างก็กระพือออกพาร่างของมันบินขึ้นสู่ท้องฟ้า..
แต่สิงที่ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยตกใจสุดขีดนั้นกลับไม่ใช่พละกำลังที่แข็งแกร่งของหลิงหยุน แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ และการป้องกันตัวที่ดีเยี่ยมของหลิงหยุนต่างหาก!
เพราะไม่ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะบินหลบไปทางใหนหลิงหยุนก็สามารถตามไปดักไว้ได้อย่างแม่นยำ เพียงแค่เฉินเจี้ยนกุ่ยขยับปีก หลิงหยุนก็สามารถไปดักรอไว้ได้ก่อนทุกครั้ง ทำให้มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกับหลิงหยุนได้!
ปัง!ปัง! ปัง!
หมัดของหลิงหยุนปะทะเข้ากับฝ่ามือของเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกหลายครั้งหลายคราและเฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็ถึงกับตกใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีใครที่แข็งแกร่งกว่าแวมไพร์อย่างเขาได้อีก!
ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังความเร็ว และความแข็งแกร่งของร่างกาย เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่สามารถสู้หลิงหยุนได้เลย เขาถูกหลิงหยุนจู่โจมและไล่ต้อน จนต้องรีบสยายปีกใหญ่บินหนีไปรอบๆ
“ไวส์เคานต์..มีความสามารถแค่นี้เองงั้นรึ” หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน
หลังจากส่งหมัดเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยแล้วหลิงหยุนก็ไม่รอช้า รีบใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าใส่เฉินเจี้ยนกุ่ยทันที
หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาแยกออกเป็นสี่ร่าง..
เป็นครั้งแรกที่เฉินเจี้ยนกุ่ยได้พบเห็นวิชาเงาลวงตาและสายตาของมันก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าร่างใหนคือเงา และร่างใหนคือร่างจริง..
“แย่แล้ว..!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยเริ่มรู้สึกไม่ดีนักจึงรีบสยายปีกใหญ่ของตนเองบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า!
เฉินเจี้ยนกุ่ยเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและเพียงแค่พริบตาเดียวร่างของมันก็บินขึ้นไปอยู่บนท้องนภาเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะไม่สามารถบินได้อย่างเฉินเจี้ยนกุ่ย เขาก็มีวิชาตัวเบาล้ำเลิศที่สามารถกระโดดได้สูงอย่างมาก!
เวลานี้หลิงหยุนได้ใช้มังกรพรางร่างขั้นสุดจึงสามารถกระโดดได้สูงถึงแปดสิบเมตร และกระโดดได้ไกลถึงสี่ร้อยหรือห้าร้อยเมตรเลยทีเดียว ตราบใดที่เฉินเจี้ยนกุ่ยบินได้ไม่สูงกว่าแปดสิบเมตร ก็ยังอยู่ในรัศมีที่หลิงหยุนจะสามารถโจมตีได้
และเวลานี้หลิงหยุนก็มีถึงสี่ร่าง..และร่างใหนคือร่างจริงกันแน่!
แน่นอนว่า..ร่างของหลิงหยุนที่อยู่ด้านหลังเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเป็นร่างจริง เขากระโดดตามเฉินเจี้ยนกุ่ยขึ้นมาพร้อมกับเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้มาไว้ในมือ ร่างจริงของหลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้พุ่งเข้าใส่ปีกใหญ่ยักษ์สีดำของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที
“ปีกของเจ้าใหญ่นักงั้นรึข้าจะตัดมันทิ้งซะ!” หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับร้องบอก
เฉินเจี้ยนกุ่ยหวาดกลัวอย่างมากมันรีบดึงดาบของตัวเองออกมา และฟาดไปด้านหลังเพื่อรับกระบี่ของหลิงหยุนที่กำลังพุ่งเข้ามา..
เคร้ง..
ชัวะ!
เสียงเสียงดังต่อเนื่องกันและปีกใหญ่ยักษ์ของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนแทงทะลุเป็นรู!
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะสามารถโจมตีเฉินเจี้ยนกุ่ยได้สำเร็จแต่ก็ยังไม่สามารถสังหารมันได้ เพราะกระบี่โลหิตแดนใต้ของเขานั้นถูกดาบสีดำในมือของเฉินเจี้ยนกุ่ยต้านไว้ได้!
“นี่มันอะไรกัน”
หลิงหยุนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือพร้อมกับร่อนลงสู่พื้นดินและร้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ!
เท่าที่หลิงหยุนพบเห็นมาจนถึงตอนนี้นอกจากกระบี่มังกรขาวของเขา และผ้าแพรไหมดำของธิดาพรรคมารแล้ว ก็ยังไม่มีอาวุธใดที่จะสามารถต้านทานกระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้ได้!
แม้เฉินเจี้ยนกุ่ยจะเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนแต่มันก็ไม่เลือกที่จะบินหนีไปใหน และตัดสินใจว่าวันนี้จะต้องสังหารหลิงหยุนให้จงได้
หลิงหยุนเองก็ต้องการสังหารเฉินเจี้ยนกุ่ยเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ต้องการสังหารหลิงหยุนเช่นกัน! ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครต้องการหนีไป..
หลิงหยุนจ้องมองดาบสีดำเล่มใหญ่ในมือของเฉินเจี้ยนกุ่ยดาบเล่มนั้นมีความยาวเมตรครึ่งได้ ทั้งด้ามจับและตัวดาบล้วนเป็นสีดำ ปลายดาบแหลมคมนั้นเปล่งรัศมีเย็นยะเยือกออกมา หากใครได้สัมผัสคงต้องขนหัวลุกอย่างงแน่นอน!
หลิงหยุนนั้นไม่รู้ว่าเหล่าแวมไพร์จะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่น่าหวาดกลัวอยู่สองชนิด!และหนึ่งในนั้นคือดาบพายุที่อยู่ในมือของเฉินเจี้ยนกุ่ยเวลานี้
‘ดูท่าเจ้าเด็กนี่จะมีสมบัติล้ำค่ามากมาย..ไม่ว่าจะเป็นลูกประคำโลหิต หรือแม้แต่ดาบที่ยอดเยี่ยมเล่มนี้ ข้าต้องหาทางเอามันมาเป็นของข้าให้ได้..’ หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆ
“นั่นมันกระบี่โลหิตแดนใต้!เจ้าเป็นคนของพรรคมารงั้นรึ!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็จ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนเช่นกัน!เมื่อเห็นว่าเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ มันก็ถึงกับร้องถามออกมาอย่างหวาดกลัว!
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพูดด้วยเสียงคนแก่“เจ้าเด็กชั่วช้า! บอกข้ามาว่าดาบของเจ้ามีชื่อว่าอะไร แล้วเจ้าได้มาจากที่ใด?”
เฉินเจี้ยนกุ่ยทำเสียงเหยียดหยัน“ข้าบอกเจ้าไปแล้วเจ้าจะรู้จักงั้นรึ นี่เป็นหนึ่งในดาบศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดของเหล่าแวมไพร์ที่มีชื่อว่าดาบพายุ!”
หลิงหยุนอยากได้ดาบพายุของเฉินเจี้ยนกุ่ยส่วนเฉินเจี้ยนกุ่ยที่ฝึกวิชาของพรรคมาร มีหรือที่จะไม่อยากได้กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุน..
ทั้งคู่ต่างก็ยืนเผชิญหน้ากันและรอเวลาที่จะโจมตีอีกฝ่าย..
ผ่านไปครู่ใหญ่..หลิงหยุนก็จ้องมองปีกสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ย เขาพบว่าสองรู้ที่ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้แทงเข้าไปเมื่อครู่นั้น ตอนนี้ได้สมานกันเรียบร้อยแล้ว
‘นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากทีเดียว..’
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆจากนั้นจึงพูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“เจ้าเด็กน้อย..คนของตระกูลเกาล้วนถูกเจ้าสังหาร บอกข้ามาว่าตอนนี้เจ้าเอาเกาเฉินเฉินไปซ่อนไว้ที่ใหน ปล่อยนางไปฃะ! แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า..”
เมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยได้ยินคำพูดของหลิงหยุนมันถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นจึงยกดาบพายุในมือชี้ไปทางหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“ให้ข้าปล่อยเกาเฉินเฉินงั้นรึเสียใจด้วย! เลือดของนางเป็นเลือดที่วิเศษที่สุดสำหรับแวมไพร์อย่างข้า หากข้าได้ดื่มเลือดของนางเมื่อใด ข้าก็จะสามารถเข้าสู่ระดับมาร์ควิสทันที และเมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวแสงอาทิตย์อีกแล้ว ปล่อยนางไปให้เจ้าอย่างนั้นรึ? หากเจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ก็อย่าได้ฝันไปเลย..”
หลิงหยุนได้ยินว่าแวมไพร์ไม่กลัวแสงอาทิตย์ก็ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย!
แต่นั่นยังไม่สำคัญ..เรื่องสำคัญเวลานี้คือทำอย่างไรไม่ให้เกาเฉินเฉินต้องกลายเป็นแวมไพร์ ไม่เช่นนั้นปัญหาต่างๆก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
“ท้องฟ้าคืนนี้ช่างสวยงามนัก..”หลิงหยุนพูดยิ้มๆ
“ท้องฟ้าสวยงามแล้วทำไม!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่เข้าใจความหมายของหลิงหยุนเพราะสำหรับแวมไพร์นั้น ทุกค่ำคืนล้วนเป็นคืนที่วิเศษสวยงาม
เวลานี้กระบี่โลหิตแดนใต้สีดำในมือหลิงหยุนนั้นได้กลายเป็นกระบี่ที่ปกคลุมไปด้วยความเย็นขั้นติดลบเพื่อใช้สังหารเฉินเจี้ยนกุ่ย!
“ในเมื่อคืนนี้ท้องฟ้าสวยงามแต่เจ้าคงไม่มีโอกาสได้อยู่ชื่นชมความสวยงามของมันแล้วล่ะ..”
หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับฟันกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที
เช้ง!
เฉินเจี้ยนกุ่ยยกดาบพายุในมือขึ้นต้านกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนทันทีและมันก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจนเคลื่อนไหวได้อย่างลำบาก!
ขณะที่เฉินเจี้ยนกุ่ยกำลังเดินวิชาโลหิตมารเพื่อต้านทานไอเย็นจากการจู่โจมครั้งแรกของหลิงหยุนนั้นดาบที่สองก็ฟันลงมาทันทีเช่นกัน
“ตาย”