ตอนที่ 607

The Divine Nine Dragon Cauldron

หลังจากที่หวูอู๋ยี่รู้สึกถึงซือหยู นางรีบเดินมาหาเขา นางดูยินดีทางสีหน้า

 

“นายน้อย ข้าทำเสร็…”

 

“เอาไว้ก่อน ผีเสื้อโกลาหลเป็นเช่นใดบ้าง?”

 

ซือหยูแทรกนางด้วยคำถามตรงๆ

 

หวูอู๋ยี่ตกใจ เพราะซือหยูไม่เคยปฏิบัติต่อนางอย่างเย็นชาเช่นนี้ นางเริ่มอึดอัดแต่ก็หยิบเอากล่องหยกออกมา

 

กล่องหยกนี้มีหนอนขนาดเท่าเมล็ดข้าวอยู่ หนอนนี้กลมและผิวเรียบลื่น ร่างอ้วนกลมสีขาวบิดไปมาบนไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่เหี่ยวเฉา

 

ซือหยูหยิบเอากล่องหยกอีกกล่องขึ้นมาโยนต้นอ่อนที่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่รอดให้นาง

 

“ปลูกมันต่อไป ดูแลมันให้ดี”

 

เมื่อเขาพูดจบ เขาออกจากมุกวิญญาณเก้าหยกไปยังอีกโลกทันที

 

นางมองสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาหายไป หวูอู๋ยี่รู้สึกน้อยใจแปลกๆ นางหยิบชุดเกราะหลากสีออกมาจากอก มันเป็นเกราะที่ทั้งอ่อนนุ่มและมีน้ำหนักเบา

 

นางสร้างชุดเกราะสมุนไพรสายฟ้าเสร็จแล้ว มันใช้เวลานานมาก นางถักทอมันด้วยเข็ม นานงลูบหน้าที่ซูบซีดและมองนิ้วของนางที่ช้ำแดง

 

นางหัวเราะกับตัวเอง

 

“ข้าเกือบจะลืมฐานะตัวเองจนได้ ข้ามันก็แค่ทาส กล้าดียังไงถึงทำกับเจ้านายอย่างสหาย?”

 

นางไม่ได้หลับมาหลายวันหลายคืนเพื่อที่จะทำชุดเกราะ ท้ายสุดนางก็ทำมันจนสำเร็จ

 

นางตั้งใจจะให้ซือหยูแปลกใจที่นางทำได้อย่างรวดเร็ว แต่คำขอบคุณที่ได้จากซือหยูคือความเย็นชา! นางคิดว่านี่คงเป็นการเผยความรู้สึกแท้จริงต่อนางจากเขา

 

นางหัวเราะเยาะตัวเองและเริ่มปลูกไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ในสวนดินเพาะบ่มชั้นสูง นางขุดดินด้วยดวงตาที่หม่นหมองไร้ซึ่งแวว

 

นางเศร้ามาก เพราะนางไม่รู้เลยว่าซือหยูอยู่ในสถานการณ์อันตรายและไม่มีเวลาให้สนใจสิ่งอื่น

 

เมื่อซือหยูกลับมาที่ร่าง เขารีบเปิดกล่องหยกนั้น เขาตาเป็นประกายและมองหนอนตัวเล็ก

 

“จะเกิดอะไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”

 

หนอนวิญญาณที่ตื่นขึ้นจากไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์สามารถกลืนกินไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ได้ ดังนั้นจึงมิอาจจินตนาการได้เลยว่าร่างกายของมันแข็งแกร่งเพียงใด!

 

แม้แต่ภูติขั้นสูงก็มิอาจทำลายไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ ซือหยูจึงคิดว่ามันน่าจะเป็นสายใยดูดพลังที่ดีที่สุดที่เขาจะหาได้ในตอนนี้

 

ซือหยูรู้สึกแน่นอกเมื่อสัมผัสพลังในร่างที่เริ่มคลั่ง เขาวางหนอนผีเสื้อลงบนนิ้ว เขารวบรวมพลังในร่างไปที่นิ้วนั้น

 

ผ่านไปไม่กี่วินาที สีหน้าซือหยูหม่นหมองลง หนอนผีเสื้อโกลาหลไม่สนใจพลังนี้เลยแม้แต่น้อย มันเพียงแค่นอนบนนิ้วของซือหยูอย่างเกียจคร้านไม่ขยับตัว มันไม่พยายามจะดูดกลืนพลังด้วยซ้ำ

 

มันไม่สนใจพลังแบบนี้เลยเรอะ?

 

ซือหยูห้ามให้ใจหายไม่อยู่ เขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวดจากนิ้วเพราะเขารวมพลังมหาศาลไว้ที่นั่น

 

ซือหยูเริ่มคิดหาวิธีส่งผ่านพลังไปยังสิ่งอื่น เขามีพลังที่บ้าคลั่งมากมายในร่าง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้สมบัติวิเศษของตัวเองดูดซับไว้

 

ไม่นานพลังในร่างก็มิอาจควบคุมอยู่ พลังกำลังจะปะทุออกมาและทำให้ร่างของเขาระเบิด!

 

ทางเดียวคือเขาต้องส่งพลังทั้งหมดในตัวไปให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น แต่เขาต้องทำมันให้เร็ว!

 

น่าเศร้าที่หนอนผีเสื้อโกลาหลที่เขาฝากความหวังไว้ไม่ได้สนใจพลังนี้เลย ขณะที่ซือหยูเป็นกังวลมากขึ้นอยู่นั้นเอง หนอนผีเสื้อโกลาหลได้พลิกตัวอย่างเกียจคร้าน

 

มันอ้าปากเข้าหานิ้วซือหยู! พลังทั้งหมดที่ถูกรวบรวมที่นิ้วถูกมันดูดซับไปทั้งหมด! หลังจากที่ดูดพลังเสร็จแล้ว มันก็นอนเอนกายอีกครั้ง

 

ซือหยูตกใจมาก เขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

 

มันขี้เกียจเกินที่จะขยับตัวก็เพราะว่าพลังที่อยู่ปลายนิ้วมันน้อยเกินไปสินะ?

 

เขาคิดถึงความเป็นไปได้และพยายามอีกครั้ง และก็เป็นอย่างที่คาด หนอนไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่เริ่ม แต่หลังจากที่พลังบนนิ้วเพิ่มจนถึงขีดสุด มันก็จะพลิกตัวและอ้าปากดูดพลังไปอีก

 

ซือหยูเริ่มมั่นใจแล้วเมื่อได้เห็นสิ่งเดิมเกิดขึ้นครั้งที่สอง เขาคว้าตัวหนอนวางลงที่หน้าท้องที่เป็นจุดที่ตั้งของที่กำเนิดพลัง มันคือตำแหน่งบนร่างกายที่มีพลังมากที่สุดอีกด้วย

 

หนอนผีเสื้อโกลาหลที่ขี้เกียจเริ่มมีกระจิตกระใจและกระฉับกระเฉงขึ้น มันพลิกร่างอ้วนกลมที่เคยอุ้ยอ้าย มันเริ่มคลานและอ้าปากดูดท้องของซือหยู มันดูดพลังจนเต็มปาก

 

เพียงเสี้ยววินาที ซือหยูรู้สึกได้เลยว่าหนึ่งในสิบของพลังในร่างกายได้ถูกดูดไป! ซือหยูตกตะลึงมาก เพราะหนึ่งในสิบของพลังของเขาก็เทียบเท่ากับภูติขั้นต้นแล้ว!

 

เวลาผ่านไป พลังในร่างซือหยูถูกดูดซับด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึงของหนอนผีเสื้อ หลังจากที่กลืนกินพลังเต็มปากไปแปดคำ ร่างของหนอนผีเสื้อใหญ่กว่าเดิมมาก จากนั้นก็มีวงแสงสีฟ้าเผยให้เห็นรอบตัว

 

แต่ที่ซือหยูเป็นกังวลก็คือหนอนผีเสื้อนั้นลดความเร็วในการดูดพลังไปอย่างมาก สุดท้าย พลังสองในสิบส่วนที่ยังเหลือในร่างกายก็เริ่มปะทุออกมา

 

อุ่ก!

 

หนอนผีเสื้อกลืนกินพลังไปอีกสองคำใหญ่ มันแทบจะดูดพลังไปไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน มันพลิกกายนอนลงอย่างขี้เกียจ ดูเหมือนว่ามันจะหลับเพื่อย่อยพลังมหาศาลที่เพิ่งจะกินไป

 

เหลือพลังหนึ่งในสิบส่วนในตัวซือหยู เขาไม่มีทางจะกำจัดมันไปได้และมันก็เริ่มปะทุอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับมีภูเขาไฟในร่างที่แผดเผาเลือดเนื้อและกระดูก

 

พลังมหาศาลเช่นนี้เหมือนกับแม่น้ำแห่งความตาย ไม่ว่าจะแล่นผ่านไปทางไหนก็ทำให้เนื้อหนังของเขาบวมขึ้น ความเจ็บปวดสุดแสนจะทานทนกำลังส่งไปถึงสายพลังโลหิตภายใน

 

ร่างกายของเขาบวมจนมองเห็นได้ชัด ซือหยูที่ค่อนข้างผอมในตอนนี้กลับอวบอ้วนขึ้นมา ร่างกายของเขาบาดเจ็บสาหัสมาก่อนอยู่แล้ว สภาพของเขาในตอนนี้น่ากลัวมาก

 

เขากัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด จากนั้นโลกตรงหน้าเขาได้มืดมัวลงพร้อมกับเขาที่หมดสติไป แต่เขาไม่ลืมที่จะเก็บหนอนผีเสื้อก่อนที่จะสลบ เขาขว้างมันลงไปในมุกวิญญาณเก้าหยกอย่างรวดเร็ว

 

ปั้ง!

 

ฝุ่นฟุ้งกระจายรอบตัวซือหยู เขาล้มลงไปกับพื้นหัวจมฝุ่น ร่างของเขายังคงบวมออก ถ้าหากยังบวมต่อไป ร่างของเขาอาจจะระเบิดก่อนที่ซือหยูจะตื่นขึ้นมา!

 

ฟึ่บ!

 

แต่ในตอนนั้น กล่องหยกใบเก่าได้ลอยออกมาจากอกของซือหยู ร่างวิญญาณที่เป็นรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ที่มีกายเนื้อลอยออกมาจากกล่อง เขาคือหยุนย่าสี!

 

“หืม? ข้าเข้มงวดกับเจ้าหนูนี่เกินไปสินะ?”

 

หยุนย่าสีถอนหายใจเบาๆ เขาโบกมือหนึ่งครั้ง พลังที่บ้าคลั่งอยู่ในตัวซือหยูถูกพัดหายไปในทันที

 

ซือหยูที่บวมแดงกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ความเจ็บปวดของเขาเริ่มลดน้อยถอยลง ไม่นานเขาก็กลับมามีสีหน้าตามปกติ

 

เมื่อฝ่ามือชายแก่พัดผ่านร่างกายของซือหยู บาดแผลทั้งหมดของเขาฟื้นฟูขึ้นมา ไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นหลงเหลือ มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

 

เขาเอื้อมมือไปแตะศีรษะของซือหยู หยุนย่าสีใบหน้าแปลกไป

 

“ในวิญญาณของเขาขังพลังชั่วร้ายเอาไว้ ดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน มันคือโลหิตของตระกูลนั้นรึ? แต่ก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ตระกูลนั้นถูกกำจัดไปนานแล้ว…”

 

ฟึ่บ!

 

หยุนย่าสีหายตัวไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งที่กรงขังในวิญญาณซือหยู ที่นรกสิบแปดชั้น!

 

“ใครน่ะ?”

 

โลหิตปีศาจที่ขยับไปมาอยู่ในกรงขังหันกลับมามองเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนอยู่ข้างหลัง เขาค่อนข้างจะแปลกใจ

 

“เจ้าเป็นใคร? เจ้าเข้ามาได้ยังไง?”

 

โลหิตปีศาจไม่เชื่อสายฟ้า กรงวิญญาณนี้แข็งแกร่งมาก แต่ชายแก่ที่เพิ่งจะปรากฏตัวด้านหลังผู้นี้กลับเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

 

“มันเป็นพลังของตระกูลนั้นจริงๆด้วย! ไม่คิดเลยว่าตระกูลเทพปีศาจที่หายสาบสูญจะมีคนที่รอดมาได้! ข้าตกใจจริงๆ”

 

ดูเหมือนว่าหยุนย่าสีจะรู้จักแขกผู้นี้ เขาลูบเคราช้าๆ

 

“เจ้าเป็นใคร  มาหาข้าทำไม?”

 

โลหิตปีศาจตกใจที่หยุนย่าสีบอกได้ว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากไหนทันทีที่สัมผัสพลัง

 

หยุนย่าสีพูดอย่างใจเย็น

 

“ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าของร่างนี้ เจ้าคิดว่าข้ามาหาเจ้าทำไมกันเล่า?”

 

“อาจารย์เรอะ?”

 

โลหิตปีศาจแปลกใจ มันไม่รู้ว่าเจ้าของร่างนี้มีอาจารย์ลึกลับแบบนี้อยู่ด้วย

 

“แล้วยังไงเล่า? เจ้าจะมาจัดการข้าสินะ?”

 

โลหิตปีศาจถามอย่างเยือกเย็น

 

หยุนย่าสีลูบเครา

 

“ข้าก็คิดจะทำอย่างที่เจ้าว่าเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แต่พอมาได้เจอเจ้าข้าก็เปลี่ยนใจแล้ว แทนที่จะกำจัดเจ้า ข้าว่าจะดีกว่าที่จะส่งมอบโชคดีๆให้กับศิษย์ของข้า มันจะเปลี่ยนชะตาของเขาได้แน่ๆ”

 

“ฮ่าๆๆ เปลี่ยนโชคชะตาศิษย์เจ้าเรอะ? เจ้าจะให้ข้าชดใช้มันเรอะ? ฝันไปเถอะ..”

 

โลหิตปีศาจหัวเราะชอบใจ

 

แต่มันก็หยุดหัวเราะเมื่อถูกหยุนย่าสียื่นดัชนีสัมผัส โลหิตปีศาจแข็งตัวจนมิอาจขยับตัวได้เลย

 

เทพปีศาจตกตะลึง มันสงสัยว่ากำลังโดนพลังอะไรอยู่ แม้ว่ามันจะเป็นแค่หยดโลหิต วิญญาณของมันก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าวิญญาณของอสูรเนรมิตร!

 

ร่างวิญญาณชายแก่ตรงหน้ามันทำให้มันหยุดนิ่งได้แค่เพียงแตะดัชนี! ชายแก่คนนี้จะต้องฆ่ามันได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย!

 

มันเริ่มใจเต้นแรงและหวาดกลัว

 

“ใต้เท้า ท่านเป็นใครกันแน่?”

 

หยุนย่าสีถอนมือออกมา

 

“เจ้าไม่ต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร เจ้าแค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ และในอนาคต ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้สร้างร่างกายของตัวเอง”

 

“อะไรนะ? ท่านจะช่วยให้ข้าก่อร่างตัวเองขึ้นมาจริงๆรึ?”

 

โลหิตปีศาจตกใจมาก

 

“ข้าไม่เคยคืนคำแม้สักครั้ง”

 

หยุนย่าสีพูดอย่างหนักแน่น

 

โลหติปีศาจจ้องมองสีหน้าของหยุนย่าสี มันลังเลอยู่นานก่อนจะกัดฟันถาม

 

“ย่อมได้ แล้วท่านจะให้ข้าช่วยเหลือเจ้าเด็กนี่สินะ?”

 

“มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าจะไปทำอะไรได้…”

 

หยุนย่าสีพูด

 

“และศิษย์ข้าก็ต้องแก้วิกฤติที่เจอด้วยตัวเอง ถึงชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย เจ้าก็ไม่ต้องไปช่วยเขา”

 

โลหิตปีศาจตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจความมุ่งหวังของหยุนย่าสี จากนั้นมันก็เดาะลิ้นสงสัย

 

“ข้าเกือบจะขโมยร่างนี้มาได้อยู่แล้ว แต่ท่านก็ไม่แสดงตัวออกมา อาจารย์ที่เข้มงวดอย่างท่านหาได้ยากนัก แต่ท่านไม่กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจแล้วเกลียดท่านหรอกรึ?”

 

“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ถ้าเจ้านี่ยอมรับความเจ็บปวดไม่ได้ ข้าก็คงไม่รับเป็นศิษย์มาตั้งแต่แรก ข้าน่ะสายตากว้างไกล”

 

“แต่ข้าต้องการให้เจ้าทำหนึ่งสิ่ง…”

 

“สิ่งใดรึท่าน?”

 

โลหิตปีศาจถามอย่างสงสัย

 

หยุนย่าสีพูดอย่างมีเลศนัย

 

“ก็เรื่องที่ตระกูลเทพปีศาจของเจ้าถนัดน่ะสิ…”

 

“อะไรนะ? ท่านจะให้ข้าต่อต้านสวรรค์แล้วพลิกชะตาของเจ้าหนูนี่น่ะรึ?”

 

โลหิตปีศาจตกตะลึง

 

“ท่านแน่ใจแล้วรึ? ท่านจะต้องรู้ถึงอันตรายในเรื่องนี้แน่! มันไม่ใช่เรื่องที่ใครๆก็รู้ได้ ตระกูลเทพปีศาจของข้าก็ถูกกำจัดเพราะพลังต่อต้านสวรรค์พลิกชะตาแบบนี้!”