ตอนที่ 208 กระทบกระเทือนจิตใจ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

หลินจื้อเฉิงตั้งสติ รีบปรับสีหน้าให้สงบเยือกเย็นเป็นปกติแล้วเอ่ยกับจิ้นหยวน “ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ” 

 

 

จิ้นหยวนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เอ่ยเพียง “อืม” เบาๆ 

 

 

หลินจื้อเฉิงพยักพเยิดให้ลูกน้องคนนั้นตามตัวเองออกไป ประตูปิดลงแล้วแต่ยังคงได้ยินเสียงเย็นชาของจิ้นหยวนดังลอยตามหลัง “คนอื่นรายงานต่อ” 

 

 

หลินจื้อเฉิงปิดประตูลง ใบหน้าสงบเยือกเย็นที่เขาพยายามปั้นเอาไว้พังทลายลง เขาคว้าจับแขนลูกน้องคนนั้นเอาไว้หมับ ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูน่ากลัวเพราะความลืมตัว “ที่นายพูดเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” 

 

 

ลูกน้องคนนั้นตกใจเพราะไม่เคยเห็นสีหน้าเสียกิริยาของเขาแบบนี้มาก่อน เขาตอบอย่างลำบากใจ “เป็น… เป็นเรื่องจริงครับ คนของผมเห็นเองกับตา” 

 

 

หลินจื้อเฉิงจ้องเขาด้วยท่าทางดุร้าย พยายามค้นหาร่องรอยความผิดปกติแม้เพียงเศษเสี้ยวจากใบหน้าของเขา สักพักเขาจึงปิดเปลือกตาลงแล้วผลักคนตรงหน้าออก “พาฉันไปดูเดี๋ยวนี้!” 

 

 

เขายังคงแอบมีความหวังเล็กๆ หวังว่าพวกเขาจะดูผิดไป มิเช่นนั้น ถ้าเกิดพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็… 

 

 

เขาไม่กล้าคิดต่อแล้ว 

 

 

เขารู้สึกขนลุกซู่ หันกลับไปมองประตูที่ถูกปิดสนิทบานนั้นแล้วเอ่ยกับลูกน้องตัวเองเสียงดุ “ยังจะยืนบื้ออยู่อีกทำไม? รีบพาฉันไปสิ!” 

 

 

“พี่… พี่แน่ใจใช่ไหมว่าจะดู?” ลูกน้องของเขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่มั่นใจนัก “สภาพไม่น่าดูเลยนะครับ…” เขาเอ่ยแบบนี้เป็นการให้เกียรติมากแล้ว เพราะความจริงแล้วมันไม่ใช่เพียงแค่ไม่น่าดู แต่ต้องบอกว่าใครก็ตามที่ได้เห็นแล้วคงต้องอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง 

 

 

หลินจื้อเฉิงเข้าใจความหมายของเขาทันที แต่ยังคงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “พาฉันไป เร็วเข้า” 

 

 

“ครับๆ พี่เป็นคนอยากไปเองนะครับ” เขาแทบอยากจะร้องไห้ เพราะภาพแบบนั้นเห็นเพียงครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว เขาไม่อยากจะเห็นอีกเป็นครั้งที่สอง แต่พอเห็นสีหน้าของหลินจื้อเฉิงแล้วก็รู้ทันทีว่าเขาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว จึงได้แต่หมุนตัวแล้วเดินนำเขาอย่างช้าๆ 

 

 

หลินจื้อเฉิงหน้าดำคร่ำเครียด ถ้ามันเป็นเรื่องจริงแล้วเขาจะบอกพี่ใหญ่อย่างไร? หรือเขาควรจะเขียนพินัยกรรมเตรียมเอาไว้ก่อนดี? 

 

 

“พวกนายกำลังจะไปไหน?” ทันใดนั้นเสียงคุ้นเคยดังลอยมาจากทางด้านหลัง ทั้งสองขนลุกซู่ไปทั้งตัว 

 

 

หลินจื้อเฉิงแอบร้องทุกข์อยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเผยพิรุธอะไรให้เขาจับได้หรือเปล่า เขาค่อยๆ หมุนร่างกายแข็งทื่อของตัวเองให้หันกลับไป พลันเห็นจิ้นหยวนที่มีสีหน้าจริงจังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าไร้ความรู้สึกของจิ้นหยวนในยามนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวมากกว่าเวลาไหนๆ 

 

 

“เปล่าครับ ไม่ได้ไปไหนครับ เราแค่จะออกไปเดินเล่นเท่านั้น” ลูกน้องของหลินจื้อเฉิงเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนด้วยความหวังดี แต่หลินจื้อเฉิงกลับอยากจะเอาอะไรยัดปากเขาให้รู้แล้วรู้รอด โธ่เอ๊ย ถ้าพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด ออกไปเดินเล่นในเวลางานเนี่ยนะ เขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย! พี่ใหญ่ไม่มีทางเชื่อหรอก 

 

 

จิ้นหยวนชายตามองหลินจื้อเฉิงด้วยสายตาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “อ้อ แล้วจะไปเดินเล่นที่ไหนล่ะ? พาฉันไปด้วยได้หรือเปล่า?” 

 

 

หลินจื้อเฉิงรู้ตัวว่าเลี่ยงไม่ได้แล้ว จิ้นหยวนน่าจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ของพวกเขาหมดแล้ว เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ยืดอกรับด้วยความกล้าหาญ “มีคนรายงานว่าพบร่องรอยของคุณเฉียวแล้ว ผมก็เลยจะไปดูเสียหน่อยครับ” 

 

 

เขาอยากจะใช้เหตุผลนี้ตบตาจิ้นหยวน แต่จิ้นหยวนไม่ใช่คนที่จะถูกใครตบตาได้ง่ายๆ “แล้วทำไมนายต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่พูดกับฉันตรงๆ ด้วย?” 

 

 

หลินจื้อเฉิงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก สีหน้าของจิ้นหยวนแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายทันที “ทำไม? ไม่กล้าพูด? นายกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่?” 

 

 

หลินจื้อเฉิงเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเว้าวอน “รอให้ผมกลับมาแล้วค่อยบอกพี่ได้ไหมครับ? พี่อย่าบังคับผมเลยนะ” 

 

 

จิ้นหยวนหรี่ตาแคบเพราะสังหรณ์ใจไม่ดี แต่ในพจนานุกรมของเขาไม่เคยมีคำว่าหนี เพราะฉะนั้น วิธีเผชิญหน้าของเขาก็คือ เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยเสียงจริงจัง “พาฉันไป” เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยขึ้นใหม่อีกครั้ง “ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ฉันอยากรู้ข่าวของเธอเป็นคนแรก” 

 

 

เอ่ยจบพลางปรายตามองลูกน้องของหลินจื้อเฉิงที่ยืนปิดปากเงียบอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นยะเยือก “นำทาง เร็ว” 

 

 

หลินจื้อเฉิงถอนหายใจหนักๆ ในใจกำลังคิดว่าถ้าเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา จิ้นหยวนคงอาละวาดพังเมืองแน่ๆ  

 

 

หลังจากขับรถประมาณสองชั่วโมง ในที่สุดกลุ่มของจิ้นหยวนก็มาถึงบริเวณชานเมืองห่างไกลความเจริญ คนนำทางจอดรถ เขาลงจากรถแล้วเอ่ยกับจิ้นหยวนตัวสั่นงันงก “พี่ใหญ่ ตรง… ตรงนี้แหละครับ” 

 

 

ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่คือคูน้ำเล็กๆ สายหนึ่งในชนบทที่ลึกประมาณยี่สิบหรือสามสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น แต่ในสายตาของจิ้นหยวน เขากลับเห็นความลึกไม่มีที่สิ้นสุดที่สุดแสนจะน่ากลัว 

 

 

ราวกับมีพายุลมฝนโหมกระหน่ำก่อตัวขึ้นบนใบหน้าของเขา ลูกน้องคนนั้นแอบชำเลืองมองเขาแวบหนึ่งแล้วต้องเบือนหน้าหนีทันที เขาก้มหน้างุด “อยู่ตรงหน้านี้แหละครับ ตามผมมา…” 

 

 

ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจบพลันภาพตรงหน้ามืดลง เขาเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นรูปร่างสูงใหญ่ของท่านประธานจิ้นเดินผ่านเขาไป หลินจื้อเฉิงเดินถอนหายใจอยู่ตามหลังเขา 

 

 

หัวใจของจิ้นหยวนหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ตามแต่ละย่างก้าวที่เขาก้าวเท้าออกไป จนกระทั่งเดินไปถึงสุดปลายทางเดินแล้วจึงเห็นแขนขาวซีดข้างหนึ่งโผล่ออกมา ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายของเขาโงนเงนอย่างควบคุมไม่อยู่ หลินจื้อเฉิงต้องรีบเข้าไปพยุงตัวเขาเอาไว้ “พี่ใหญ่…” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเว้าวอน 

 

 

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกที่จิ้นหยวนมีให้เฉียวซือมู่เท่ากับเขาอีกแล้ว ถ้าเกิดศพที่อยู่ตรงหน้าเป็นเธอจริง เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจิ้นหยวนจะทำอะไรที่มันน่ากลัวออกไปบ้าง 

 

 

ตอนที่เขาได้ข่าวจากลูกน้องว่ามีคนพบศพหญิงสาวปริศนาที่คาดว่าน่าจะเป็นศพของเฉียวซือมู่นั้น ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือห้ามให้จิ้นหยวนรู้เรื่องนี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นผลลัพธ์จะต้องน่าสะพรึงมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าจิ้นหยวนจะความรู้สึกไวมากและจับพิรุธของเขาได้เร็วกว่าที่เขาคิด    

 

 

ทีนี้ปัญหาใหญ่แล้ว เขาปิดเปลือกตาลงอย่างทำใจ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงเห็นว่าจิ้นหยวนหลุดออกจากมือของเขาแล้ว และกำลังก้าวพรวดๆ ไปข้างหน้า 

 

 

เขาตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่จะกล้าเดินเข้าไปโดยไม่พะวงอะไรเลยแบบนี้ ตอนที่เขาวิ่งตามไปถึงก็เห็นจิ้นหยวนย่อตัวลงนั่งยองๆ อยู่ข้างศพที่เริ่มผิดรูปผิดร่างร่างนั้นแล้ว 

 

 

จิ้นหยวนจ้องศพนั้นนิ่ง เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจราวมีดกรีดแทง เป็นเธอจริงเหรอ? ร่างเธอที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงจนจำไม่ได้ แต่กระโปรงตัวนั้นเป็นตัวเดียวกับที่เธอสวมในวันที่หายตัวไปไม่ผิดแน่ เขาสำรวจรายละเอียดอื่นๆ และทุกอย่างชี้ชัดว่าเป็นเธอ 

 

 

หลินจื้อเฉิงสำรวจศพตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกกลัว เขากับเฉียวซือมู่นั้นถือได้ว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี ศพตรงหน้าดูคล้ายเธอมาก เขารู้สึกหัวใจเย็นวาบ มองจิ้นหยวนด้วยสายตาระมัดระวัง “พี่ใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นเธอ…” 

 

 

คำพูดของหลินจื้อเฉิงกระทบกระเทือนจิตใจจิ้นหยวน เขาลุกขึ้นพรวด “พูดเหลวไหล นี่ไม่ใช่เธอ ได้ยินไหม?” 

 

 

แย่แล้ว พี่ใหญ่รับความจริงไม่ได้จนหนีความจริงแล้ว 

 

 

หลินจื้อเฉิงรีบลุกขึ้น “พี่ใหญ่อย่าทำอย่างนี้สิครับ นี่เป็นคุณเฉียวจริงๆ ให้เรานำร่างเธอกลับไปแล้ว…” ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดคำว่าฝังเธออย่างสงบออกไป พลันเห็นจิ้นหยวนกำลังจ้องเขาตาเขม็ง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ เขาตกใจสะดุ้งโหยงจนไม่กล้าพูดอะไรอีก 

 

 

จิ้นหยวนจ้องเขาตาเขม็ง “ศพนี่ไม่ใช่เธอ ไม่ได้ยินหรือไง”