กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 798
ชิ่ว……

อากาศได้หยุดชะงักลงในทันใด

ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยอ้าปากค้าง ตกใจมากจนแทบจะกลืนไข่ฟองหนึ่งลงไปได้

รูม่านตาของเยี่ยจิ่งหานหดตัวลงพร้อมจ้องมองไปยังกาขังวิญญาณและฝากาขังวิญญาณบนพื้นด้วยความว่างเปล่า

ฝากาถูกเปิดออก ดวงจิตภายในได้ลอยออกมาทีละดวงๆแล้วหมุนเป็นวงกลมรอบศีรษะของกู้ชูหน่วนไม่หยุด

ใช้เวลาเกือบหนึ่งนาทีดวงจิตก็เริ่มสลายไป บินไปทั่วสารทิศจากนั้นก็หายไปหมดในชั่วพริบตา

ในขณะที่ดวงจิตล่องลอยออกมากู้ชูหน่วนราวกับว่าถูกพลังดึงดูดดูดเข้าไป

บางอย่างหลั่งไหลเข้ามาในสมองของนางซึ่งอัดเข้าจนเต็มทั้งสมอง

ความรู้สึกราวกับถูกไฟดูดเช่นนี้นางไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางรู้สึกว่าประกายแสงเหล่านี้ราวกับว่าต้องการกลืนนางลงไปรวมเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งทำให้สมองของนางเจ็บปวดราวถูกฉีกขาดเป็นพักๆ

นางตกใจเสียแล้ว

ปฏิเสธอย่างมีเงื่อนไขแต่ว่าดวงจิตของนางอดไม่ได้ที่จะตามประกายแสงไป

ที่โชคดีคือ

ประกายแสงเหล่านั้นเพียงแค่หมุนล้อมรอบร่างของนางครู่เดียวจากนั้นก็ล่องลอยกระจายไปทั้งสี่ทิศ

“ไม่……เป็นไปไม่ได้……อาหน่วน……”

เยี่ยจิ่งหานกล่าวด้วยความตระหนกตกใจ

การเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงทำให้ร่างกายอันชาของเขาเคลื่อนไหวขึ้น มือทั้งคู่ยันกับพื้น แล้วลุกนั่งขึ้นและต้องการเก็บประกายแสงเหล่านั้นเอาไว้ แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่สามารถขยับเดินได้ วรยุทธ์ก็ไม่สามารถใช้ได้

แม้ว่าเขาจะพยายามคลานไล่ตามไปก็ไม่สามารถไล่ตามสิ่งใดได้เลย

ดวงจิตของกู้ชูหน่วนถูกแบ่งออกเป็นหลายเศษเสี้ยว แต่ละเศษเสี้ยวได้ล่องลอยกระจัดกระจายไปในทิศทางที่ต่างกัน

แม้ว่าเขาจะอยู่ในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์แต่ก็ไม่สามารถตามดวงจิตทั้งหลายของกู้ชูหน่วนกลับมาได้ในเวลาเดียวกัน

กู้ชูหน่วนกุมศีรษะเอาไว้

ปวดทรมาน

เหตุใดสมองของนางถึงได้ปวดขนาดนี้

อาหน่วน……

เขากำลังเรียกหาผู้ใด?

เรียกนางหรือ?

เหตุใดได้ยินคำว่าอาหน่วนนี้แล้วในใจถึงได้ทรมานมากเช่นนี้?

ไม่รอให้กู้ชูหน่วนตอบสนองเยี่ยจิ่งหานก็บีบคอนางเอาไว้แน่น “เจ้ากลับปล่อยดวงจิตของนางไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าดวงจิตล่องลอยออกไปแล้วก็ยากที่จะตามกลับมาได้อีก”

“อึก……ปล่อยนะ เจ้ารีบปล่อยข้านะ……”

“ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า……”

เยี่ยจิ่งหานจ้องตาถลน

ลักษณะท่าทางอันใด

อารมณ์ความรู้สึกอันใด

ในช่วงเวลาที่ดวงจิตของกู้ชูหน่วนล่องลอยหายไปจนหมด

ดูเหมือนว่าเขาได้กลายร่างเป็นปีศาจพร้อมด้วนดวงตากระหายเลือดคู่แดงเดือดและรัศมีการสังหารบนร่างได้บีบกู้ชูหน่วนอย่างรุนแรงไม่ยอมคลายมือ แทบอยากจะบีบคอกู้ชูหน่วนให้ตายทั้งเป็น

“แค่กๆ……หากเจ้าไม่ปล่อยก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

ให้ตายสิ ถูกพิษจุ้ยอินเซียงแล้วเหตุใดเขาถึงยังมีเรี่ยวแรงมหาศาลเช่นนี้อีก

กู้ชูหน่วนยังคงดิ้นรนไม่หยุดแต่ก็ยังถูกเขาบีบจนสีหน้าแดงจนกระทั่งเขียวแปร๊ดโดยที่ไม่สามารถหายใจได้

มือทั้งคู่ของชายผู้นี้เสมือนกำแพงเหล็กซึ่งนางจะต่อต้านเช่นไรก็ไร้ประโยชน์

รวมทั้งรัศมีแห่งการสังหารและความโกรธรอบตัวเขาซึ่งทำให้กู้ชูหน่วนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นเป็นครั้งแรก

อากาศเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆและเปลือกตาของกู้ชูหน่วนก็หนักอึ้งขึ้นมา

นางกัดฟันพร้อมมือทั้งสองข้างซึ่งยอมแพ้และดึงกางเกงของเขาลงมา

วิธีนี้ได้ผลจริงๆ

เยี่ยจิ่งหานปล่อยมือข้างหนึ่งต่อต้าน

กู้ชูหน่วนอาศัยโอกาสพยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ปัดมือที่บีบคอของนางทิ้งและอยู่ให้ห่างจากเยี่ยจิ่งหาน

ยังไม่ทันที่นางจะสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเยี่ยจิ่งหานก็บีบขึ้นมาอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนก็โมโหและตะลุมต่อสู้กับเขาขึ้นมา “เจ้าเห็นว่าข้าไร้ความสามารถหรือ”

เรี่ยวแรงของกู้ชูหน่วนไม่แข็งแรงเท่าเยี่ยจิ่งหาน

เยี่ยจิ่งหานถูกวางยาพิษและทั้งร่างก็ชา หากไม่ใช่เนื่องด้วยความโมโหเขาก็จะไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงมีพละกำลังทัดเทียมกัน

การต่อสู้ของพวกเขาก็ยิ่งคลุมเครือ

ครู่หนึ่งนางกดเขาเพื่อทุบตี

ครู่หนึ่งเขากดนางเพื่อทุบตี

ชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยมองอย่างตะลึงกันหมด

“ตุ๊บ……”

เยี่ยจิ่งหานต่อยกู้ชูหน่วนอย่างแรง

ต่อยจนเลือดกำเดาของกู้ชูหน่วนไกลลงมาจนนางรู้สึกว่าจมูกของนางเบี้ยวไปแล้ว

กู้ชูหน่วนโมโหขึ้นมา “ตบตีคนไม่ต่อยหน้า เจ้าไม่มีแม้แต่สามัญสำนึกนี้เลยหรือ?”

“ตุ๊บ……”

นางโต้กลับไปอย่างไม่เกรงใจโดยที่ต่อยเข้าไปที่ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานอย่างแรงหมัดหนึ่ง ต่อยตจนทำให้ตาเขาคล้ำเป็นหมีแพนด้า

เยี่ยจิ่งหานเจ็บปวดแล้วกดมืออันวุ่นวายของนางเอาไว้ “หญิงสาว วันนี้ไม่ฆ่าเจ้าข้าจะไม่แซ่เยี่ย”

“ตูมๆๆ……”

“พรวดพราด……”

ทั้งสองคนยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ

ิชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกกระทำสิ่งใดไม่ถูกมากขึ้นเรื่อยๆ

หุบเขาเจียงเจ๋อซานมีข้อจำกัดซึ่งวรยุทธ์ของทุกคนจะถูกกดเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอาศัยเพียงเนื้อหนังบริสุทธิ์ต่อสู้กันเท่านั้น

และพวกเขาทั้งสองคน……

ราวกับหญิงปากร้ายที่ใช้วิธีการต่อสู้ที่ป่าเถื่อนที่สุดกัน

ดึงผม

เกี่ยวจมูก

ต่อยดวงตา

ฉีกปาก

แม้แต่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายก็ได้ถูกฉีกขาดรุ่งริ่ง

นี่……

เป็นนายท่านของพวกเขาจริงๆหรือ?

นายท่านสังหารคนก็เป็นเพียงแค่การดีดนิ้วเท่านั้นเอง เคยใช้สิ่งเหล่านี้ที่ใดกัน……กระบวนท่า……

“ปล่อยนะ……” กู้ชูหน่วนกล่าว

“ต่อให้ตายไปพร้อมกันข้าก็จะต้องฆ่าเจ้าหญิงบ้านี้”

“เจ้าป่วยใช่ไหม ป่วยก็ไปหาหมอรักษา อย่าได้เจอใครก็กัดไปทั่ว ก็เป็นเพียงแค่กาเสียๆอันหนึ่งคืนให้เจ้าก็ได้แล้ว”

“ดวงจิตของนางหนีไปแล้วถึงเจ้าจะคืนกาขังวิญญาณนับพันนับหมื่นให้ข้าแล้วเช่นไร”

“ในนั้นบรรจุดวงจิตของผู้ที่ตายไปแล้วไว้เจ้าไม่บอกให้เร็วหน่อย เจ้าบอกเร็วหน่อยข้าก็ไม่เปิดออกแล้ว”

กู้ชูหน่วนรู้สึกผิดเล็กน้อย

และก็รู้สึกสำนึกผิดอยู่บ้าง

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าดวงจิตนั้นเป็นของผู้ใดกันแน่ แต่คิดว่าสำคัญต่อเขามากนัก

เพียงแค่……

นางไม่รู้จริงๆว่ามีดวงวิญญาณอยู่ด้านใน

นางคิดอยู่ตลอดว่าเป็นของรักอันใด

“เจ้าให้เวลาข้าบอกไหม?”

“ปากอยู่บนตัวเจ้าเหตุใดเจ้าจะไม่มีเวลาบอก”

“ข้าบอกให้เจ้าอย่าเปิดใช่หรือเปล่า”

“ใช่ แต่เจ้าไม่ได้บอกว่ามีดวงวิญญาณอยู่ด้านใน”

“ข้าบอกแล้วเจ้าจะเชื่อไหม?”

“เรื่องก็เกิดขึ้นแล้วต่อให้เจ้าฆ่าข้าก็ไม่ช่วยสิ่งใดไม่ได้ ไม่งั้นก็คิดให้ดีๆดีกว่าว่าจะนำดวงวิญญาณล่องลอยนั้นกลับคืนมาได้อย่างไร”

“ตามกลับคืนมา? พูดง่ายดายนัก”

ตอนนั้นดวงจิตดวงหนึ่งของอาหน่วนล่องลอยออกไปจนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ

นั่นยังเป็นตอนที่เขามีกาขังวิญญาณซึ่งอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถสัมผัสได้

ตอนนี้เขาไม่มีสิ่งใดอยู่เลยแล้วจะหาเช่นไร?

เมื่อนึกถึงหญิงที่ตนรักมากที่สุด ไม่ง่ายเลยที่จะมีความหวังที่จะคืนชีพแต่กลับถูกนางทำให้ตกจากสวรรค์ลงไปในนรก เยี่ยจิ่งหานรู้สึกโกรธจัดทะลุฟ้า

ทั้งสองคนก็ได้ตบตีเตะต่อยกันอีกรอบ

ไม่รู้ว่าต่อสู้กันนานเท่าใดและก็ไม่รู้ว่าผู้ใดหยุดลงก่อน ทั้งสองคนหายใจหอบและจ้องมองกันด้วยความโมโห

เสื้อผ้าของพวกเขาไม่เป็นเรียบร้อย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัวโดยเฉพาะบนใบหน้า

ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานถูกต่อยจนคล้ำเป็นตาหมีแพนด้า จมูกของกู้ชูหน่วนถูกต่อยจนบูดเบี้ยว ปากก็ถูกต่อยจนแตก ตาข้างขวาก็ถูกต่อยอย่างแรงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้ทั้งหมด

กู้ชูหน่วนอยู่ห่างจากเยี่ยจิ่งหานจ้องมองไปยังขาที่ใช้การไม่ได้ของเขาแล้วกล่าวว่า “ทองสัมฤทธิ์เสียหายชิ้นหนึ่งก็มาโอ้อวดอยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นราชาหรือ”

เมื่อได้ยินเข้าเยี่ยจิ่งหานและชิงเฟิงเจี้ยงเสวี่ยก็หยุดชะงักลง

ประโยคนี้เหตุใดถึงได้คุ้นหูนัก

จริงสิ……

ในตอนนั้นครั้งแรกที่ได้พบเจอกันกู้ชูหน่วนก็เคยบอกว่าคิดว่าเขาเป็นราชา แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นทองสัมฤทธิ์เสียหายชิ้นหนึ่ง

เยี่ยจิ่งหานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดวงตาคู่หมองหม่นนั้นเย็นยะเยือกจนแทบจะกินคนได้

กู้ชูหน่วนจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง หากไม่ใช่ว่ารู้สึกหวาดกลัวเยี่ยจิ่งหานอย่างแปลกประหลาดและก็ไม่รู้ว่าแววตาของเขาแหลมคมเกินไปหรือเปล่า

ครั้งนี้นาง……

ไม่ใช่ว่าเตะถูกแผ่นเหล็กของแข็งแล้วนะ?

ประมาทไปแล้ว นางควรสวมผ้าคลุมหน้า

ตอนนี้ดีแล้วสิถูกคนจำได้แล้ว เกรงว่าต่อไปจะไม่มีชีวิตที่เป็นสุขซะแล้ว

สามสิบหกกลยุทธ์กลยุทธ์หลบหนีเยี่ยมที่สุด

นางก็หลบหนีละกัน

กู้ชูหน่วนไม่สามารถที่จะไม่ดำเนินการต่อไปได้และวิ่งหนีไปพร้อมกับของเหลววิญญาณไท่ยีปล่อยให้เยี่ยจิ่งหานและคนอื่นๆตะโกนร้องเสียงดัง

“อ๊า…….ถึงแม้ว่าจะขึ้นสวรรค์ลงนรกข้าก็จะตัดหัวของเจ้าด้วยมือของข้าเพื่อสังเวยให้กับนาง”

กู้ชูหน่วนสะดุดจนเกือบจะล้มลงไป