บทที่ 1062 คนชั่วที่สมควรโดนฆ่าพันดาบ

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1062 คนชั่วที่สมควรโดนฆ่าพันดาบ โดย Ink Stone_Fantasy

อะไรนะ? เหมียวอี้ที่กำลังกุมหมัดคารวะพลันเงยหน้าขึ้น มองปี้เยว่ฮูหยินด้วยแววตางุนงง ไม่รู้ว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า การตายของอิ๋งเหย้าเกี่ยวข้องกับเขาทางอ้อม ยังเลื่อนขั้นให้เขาเป็นผู้บัญชาการใหญ่ได้อีกเหรอ จริงหรือล้อเล่น?

มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานมองหน้ากันเลิกลั่ก สงสัยเหมือนกันว่าจริงหรือล้อเล่น ขนาดทำให้ตระกูลอิ๋งไม่พอใจ ปี้เยว่ฮูหยินยังเลื่อนขั้นให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้อีกเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์เชียวนะ! เป็นตำแหน่งที่มั่งคั่งขนาดไหน ถ้าไม่ใช่คนที่มีภูมิหลังจะขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ได้อย่างไร

เป่าเหลียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนตกตะลึง!

นอกประตูเมืองตะวันออกที่ถูกทหารปิดล้อมเงียบพริบเป็นแถบๆ…อากาศวันนี้ไม่เลวเลย ท้องฟ้าสีครามหมื่นลี้ สายลมพัดเย็นระรื่น

ปี้เยว่ฮูหยินที่กระโปรงพลิ้วไหวอยู่ท่ามกลางสายลมเบาๆ ถามเสียงเรียบว่า “เป็นอะไรไป? เจ้าคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งเหรอ?”

เหมียวอี้รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า ใช้สองมือรับแผ่นหยกแต่งตั้งตำแหน่งมาตรวจอ่านอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่ผิดพลาด ก็กุมหมัดกล่าวว่า “ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

ปี้เยว่ฮูหยินไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากแต่งตั้งตำแหน่งท่ามกลางฝูงชน ก็โยนป้ายคำสั่งผู้บัญชาการใหญ่ที่โค่วเหวินหลานส่งคืนให้กับเหมียวอี้ แล้วนำผู้ติดตามเหาะจากไป

เหมียวอี้หันตัวมาช้าๆ มองดูเงาร่างเหาะเข้าไปในเมือง ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป รู้สึกไม่ค่อยสมจริงสักเท่าไร เคยคิดว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่หลังจากติดตามโค่วเหวินหลานไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ที่ตลาดสวรรค์ เป็นเพราะตำแหน่งนี้มั่งคั่งเกินไปจริงๆ!

ตนอที่ถูกทำให้ตกใจจนได้สติกลับมา ก็เป็นเสียงของคนหลายพันที่กุมหมัดกล่าวทำความเคารพพร้อมกัน “คารวะผู้บัญชาการใหญ่!”

เขายืนเด่นตระหง่านอยู่ตรงนั้น ราวกับนกกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ มองดูทุกคนที่กำลังก้มศีรษะให้เขาอย่างงุนงง

เขาเห็นมู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานทำสายตาตกตะลึง และเห็นฝูชิงกับพวกอิงอู๋ตี๋ทำสายตายินดีปรีดาเช่นกัน

มีทหารสวรรค์มากมายที่ในดวงตาฉายแววเร่าร้อนกระเหี้ยนกระหือรือ หลังจากหยางไท่ผู้บัญชาการเขตเมืองใต้ตายแล้ว ตำแหน่งก็ว่างมาตลอด ให้รองผู้บัญชาการสองคนรักษาการณ์แทนเสมอมา ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่จ้องอยากได้ตำแหน่งนี้ ตอนนี้ท่านนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่แล้ว เท่ากับมีตำแหน่งผู้บัญชาการว่างสองตำแหน่ง เมื่อมีการเลื่อนตำแหน่งจากข้างล่างขึ้นข้างบน จะต้องมีการเติมตำแหน่งว่างลำดับถัดมา หมายความว่าจะมีการเลื่อนขั้นแบบต่อเนื่องกันเป็นชุด ไม่รู้ว่าตัวเองจะมีส่วนเกี่ยวข้องนี้หรือเปล่า แค่คิดก็รู้แล้วว่าทุกคนรู้สึกกระวนกระวายขนาดไหน

“ยืนขึ้นเถอะ!” เหมียวอี้ที่ได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่อย่างประหลาดมหัศจรรย์ผายมือสองข้าง ในหัวยังคงคิดว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

ตอนนี้เขาเพิ่งจะนึกได้ถึงสิ่งที่เฉาว่านเสียงเคยพูดต่อหน้าเขาในตอนแรก เรื่องที่จะเลื่อนขั้นให้เขาเป็นผู้บัญชาการใหญ่ แต่ตอนนั้นใครจะไปคิดเป็นจริงเป็นจัง พอมาดูตอนนี้แล้ว…อย่าบอกนะว่าเกี่ยวข้องกับเฉาว่านเสียงจริงๆ? เฉาว่านเสียงไม่จำเป็นต้องดูแลตนดีขนาดนี้สิ? ถ้าจะดูแลจริงๆ คนแรกที่ต้องดูแลก็ต้องเป็นมู่หรงซิงหัวสิถึงจะถูก?

“หนิวโหย่วเต๋อผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์แล้ว…”

ข่าวกระจายไปทั่วตลาดสวรรค์เร็วมาก ถึงอย่างไรปี้เยว่ฮูหยินก็จงใจประกาศต่อหน้าฝูงชน ถ้าไม่อยากให้ข่าวแพร่เร็วๆ ก็คงยาก

โค่วเหวินหลานกำลังจะไปแล้ว หวงฝู่จวินโหรวกับเขานับว่าเป็นสหายกัน ย่อมต้องมาส่งด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่นางไม่ใช่ขุนนาง ไม่สามารถไปรวมกลุ่มกับทหารสวรรค์ด้านนอกกำแพงเมืองได้ เพียงกุมหมัดคารวะอยู่ริมถนนในกำแพงเมือง ในตอนนี้ได้ยินแล้วก็ตะลึงงันเช่นกัน สีหน้าสื่ออารมณ์ซับซ้อน!

“เถ้าแก่เนี้ย! นายท่านได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์แล้ว!”

ณ ร้านโฉมเมฆา ช่างไม้ที่ถูกส่งไปจับตาดูตอนโค่วเหวินหลานจากที่นี่ไป ตอนนี้วิ่งกลับมาที่ลานบ้านด้านหลังอย่างตื่นเต้นดีใจ มากระโดดโลดเต้นแจ้งข่าวให้อวิ๋นจือชิวรู้

เชียนเอ๋อร์กับเสวี่ยเอ๋อร์กำลังนั่งทำตารางอยู่ในศาลา เหมียวอี้นำมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดินกลับมา ทำให้ได้แผนที่ซ่อนเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภาคดินกลับมาด้วย ถ้าจะให้เทียบดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรอีกครั้งนั้นยากเกินไป อวิ๋นจือชิวสงสัยว่าหลังจากหาเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภาคดินเจอแล้วจะมีอย่างอื่นโผล่มาอีก จึงตัดสินใจว่าจะนำภาพพิกัดดาวหลักทั้งหมดที่หวงฝู่จวินโหรวมอบให้มาร่างเป็นตาราง ยกตัวอย่างเช่นใกล้ๆ ดาวหลักมีดาวรองกี่ดวง ถึงตอนนั้นถ้าตรวจหาจากตารางก็จะสะดวกขึ้นเยอะมาก จะได้ไม่ต้องเอาแต่งมเข็มในมหาสมุทรทุกรอบให้เหนื่อยแย่

เรื่องนี้ไม่สะดวกจะยืมมือคนอื่น ทำได้เพียงใช้คนที่สนิทและไว้ใจได้ จึงลำบากเชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์แล้ว

เหมียวอี้ชินกับการโยนงานให้คนอื่นทำแล้ว ขี้เกียจยุ่งกับเรื่องหยุมหยิมแบบนี้ มิหนำซ้ำเขาก็ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องรับมือ เขาคนเดียวแบ่งกำลังวังชาไปจัดการกับทุกเรื่องในเวลาเดียวกันไม่ไหว ดังนั้นจึงโยนให้เมียตัวเองดูแลแทน

เมื่อช่างไม้ส่งข่าวมา เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็เงยหน้ามองมาพร้อมกัน

อวิ๋นจือชิวกำลังถือแผ่นหยกตรวจดูตารางที่ร่างเสร็จแล้วส่วนหนึ่ง นางได้ยินแล้วก็งงเช่นกัน จึงขมวดคิ้วถามทันที “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า! จะเป็นไปได้ยังไง คนที่ไม่มีภูมิหลังจะไปนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้ยังไง? ไปสืบให้ชัดแล้วค่อยมารายงาน!”

ช่างไม้พูดกลั้วหัวเราะว่า “เถ้าแก่เนี้ย ไม่ได้เข้าใจผิดจริงๆ ตอนอยู่ในเมืองข้าได้ยินเสียงปี้เยว่ฮูหยินถ่ายทอดคำสั่งแต่งตั้งเองเลย แล้วก็ได้ยินนายท่านเอ่ยรับคำสั่งด้วย แถมยังได้ยินกำลังพลกล่าวคารวะนายท่าน ตอนนี้ข่าวกำลังแพร่กระจายไปทั่วเมือง ท่านลองออกไปเดินก็จะได้ยินข่าวนี้ ไม่ผิดพลาดแน่”

“…” อวิ๋นจือชิวทำสีหน้างุนงง จริงหรือล้อเล่น ทางนี้เตรียมตัวจะถอยกลับไปหลบภัยที่พิภพเล็กหากตระกูลอิ๋งมาล้างแค้น ทำไมชั่วพริบตาเดียวถึงกลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ไปแล้ว เรื่องนี้เปลี่ยนแปลงหักมุมมากเกินไปแล้วมั้ง?

นางไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับเหมียวอี้ ถามว่า : หนิวเอ้อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ได้ยินว่าจ้าได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์แล้วเหรอ?

เหมียวอี้ : ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่ ไม่คุยแล้ว ข้ามาถึงตำหนักคุ้มเมืองแล้ว เตรียมจะมาถามปี้เยว่ฮูหยินให้ชัดเจนว่านี่มันเรื่องอะไรกัน กลับไปค่อยเล่ารายละเอียด

เหมียวอี้มาถึงตำหนักคุ้มเมืองแล้วจริงๆ ตอนนี้ทหารยามที่ตำหนักคุ้มเมืองปล่อยให้เขาเข้าไปตลอดทาง ไม่มีใครขัดขวาง กลับมีคนคารวะเรียกว่าผู้บัญชาการใหญ่ตลอดทางด้วยซ้ำ ทางนี้ได้รับคำสั่งมาและรู้แล้วว่าในปัจจุบันท่านนี้คือตัวละครสำคัญของตลาดสวรรค์!

การเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างกะทันโดยไม่ได้เตรียมใจสักนิด ทำให้เหมียวอี้ปรับตัวไม่ค่อยได้

เมื่อมาถึงตำหนักหลังและรายงานตัวแล้ว ก็ถูกพาเข้าไปในศาลายาวของสวนดอกไม้ด้านหลังที่ปลูกดอกไม้ใบหญ้าแปลกๆ ไว้ทั่วบริเวณ

ปี้เยว่ฮูหยินกำลังอุ้มและลูบจิ้งจอกขนสีชมพูเบาๆ หรี่ตายิ้มมองดูเหมียวอี้ที่เดินเข้ามาทำความเคารพ แล้วบอกว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ไม่ต้องมากพิธี ราชันสวรรค์ลั่นวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ ข้ารับไว้ไม่ไหวนะ!”

นี่นับว่าพูดประชดหรือเปล่า? เหมียวอี้ยิ้มเจื่อนพร้อมถามว่า “ฮูหยิน พูดความจริงโดยไม่ปิดบัง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าน้อยไม่เข้าใจ ทำไมข้าน้อยถึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ล่ะ?”

“นึกไม่ถึงใช่มั้ยล่ะ?” ปี้เยว่ฮูหยินถามพร้อมยิ้มอย่างสนิทสนม

“นึกไม่ถึงจริงๆ ขอรับ ตอนที่อยู่จวนหัวหน้าภาคของน่านฟ้าชวดอี่ ข้าเคยได้ยินหัวหน้าภาคเฉาเอ่ยถึง เพียงแต่รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้…” เหมียวอี้กล่าว

ปี้เยว่ฮูหยินพูดตัดบทว่า “รู้สึกว่าต้องติดตามโค่วเหวินหลานไป เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจใช่มั้ย?”

“…” เหมียวอี้ลังเลครู่หนึ่ง แล้วแข็งใจกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ใช่ขอรับ! มีเรื่องบางเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ ต่อให้ต้องการจะเลื่อนขั้น แต่คนแรกที่หัวหน้าภาคเฉาต้องดูแลก็ยังเป็นมู่หรงซิงหัว ทำไมถึงให้ข้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้?”

“จนป่านนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดว่าที่ตัวเองได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่เป็นเจตนาขอเฉาว่านเสียง?” ปี้เยว่ฮูหยินเหล่ตามองพลางยิ้มเย้ย “เจ้าคิดว่าถ้าข้าไม่อนุญาต เฉาว่านเสียงจะกล้ากล้าเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งคนในสังกัดของข้าเหรอ?”

พูดแบบนี้เท่ากับเปิดเผยแล้ว การเลื่อนขั้นให้เจ้าไม่เกี่ยวกับเฉาว่านเสียง เป็นเจตนาของข้าคนเดียวเท่านั้น เจ้าต้องตามหาผู้มีพระคุณให้ถูกคน ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ตอนที่รับมือกับโค่วเหวินหลาน นางก็ให้เฉาว่านเสียงเป็นคนชั่วแทน ส่วนคนดีที่ควรสำนึกบุญคุณ นางก็จะเป็นเอง นี่คือสิ่งที่ท่านโหวเทียนหยวนวางแผนไว้ให้นาง

เหมียวอี้ตะลึงงัน นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “เหตุใดฮูหยินจึงดูแลข้าน้อยถึงขนาดนี้?”

ปี้เยว่ฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ความสามารถที่เจ้าแสดงในการทดสอบ ข้าเห็นมากับตาตัวเองแล้ว ข้าสนใจเจ้ามาก ถึงได้ใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ หวังว่าเจ้าจะไม่ทรยศต่อจิตใจที่ทุ่มเทเพาะเลี้ยงอุ้มชู ตราบใดที่เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเหมือนกัน ในภายหลังถ้ามีโอกาส ข้าจะช่วยเจ้าคุยกับทางท่านโหวเทียนหยวนให้ ถึงแม้ตระกูลโค่วจะเป็นต้นไม้ใหญ่ แต่ภาระที่ต้องรับผิดชอบกลับหนัก ติดตามรับใช้ข้าก็ไม่ได้แย่ไปกว่าติดตามโค่วเหวินหลาน หลักการนี้เจ้าคงจะเข้าใจเหมือนกัน!”

นี่ต้องการจะให้ข้าเป็นลูกน้องคนสนิทเหรอ? เหมียวอี้ลังเลนิดหน่อย แล้วถามหยั่งเชิงว่า “ข้าน้อยได้ยินว่าท่านโหวกับตระกูลอิ๋งมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกัน!”

ปี้เยว่ฮูหยินยิ้มพร้อมกล่าวว่า “แบบนั้นก็กำจัดความกังวลของเจ้าได้พอดีเลยไม่ใช่เหรอ? ถ้าตระกูลอิ๋งจะแตะต้องคนของข้า ถ้าไม่ผ่านด่านของท่านโหวก่อนแล้วจะทำได้อย่างไร? อย่างน้อยตระกูลอิ๋งก็ยังต้องไว้หน้าท่านโหวบ้าง! เอาล่ะ! ไม่ต้องคิดมากแล้ว เจ้าแค่ต้องตั้งใจบริหารตลาดสวรรค์ให้ดี ข้าจะคอยสนับสนุนเจ้าอยู่เบื้องหลังทุกเรื่อง สิ่งที่ข้าขอจากเจ้าก็มีเพียงเท่านี้ ตำหนักสวรรค์เปลี่ยนทิศทางการพัฒนาแล้ว กำลังพลของตลาดสวรรค์จะเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้อีกต่อไป ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็ต้องดึงตัวออกไป…ก็เหมือนกับการทดสอบครั้งนี้ จะต้องนำออกมาใช่งานได้!”

ตอนที่ออกมาเหมียวอี้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจเลยสักนิด เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่ได้อยู่ในข้อวินิจฉัยของตัวเอง มักทำให้เขารู้สึกค่อนข้างไม่สงบใจ

ขณะที่มองส่งเหมียวอี้จากไป ปี้เยว่ฮูหยินก็ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ จู่ๆ ในดวงตาก็ฉายแววปรารถนา ลูบจิ้งจอกสีชมพูที่อยู่ในอ้อมกอด พร้อมกระซิบเสียงต่ำว่า “คืนนี้เป็นเขาแล้วกัน!”

จิ้งจอกที่อยู่ในอ้อมกอดนางหลับตาลงด้วยความขมขื่นใจทันที…

ด้านนอกตำหนักคุ้มเมือง มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานกำลังรอเหมียวอี้ พอเห็นเหมียวอี้ก็ทำสายตาเหมือนสอบถาม

เหมียวอี้มายืนตรงกลางระหว่างทั้งสอง สองมือประสานอยู่ในแขนเสื้อ แล้วเหล่ตามองสวีถังหรานพร้อมบอกว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ที่ชั่วร้ายและสมควรโดนฆ่าพันดาบที่เจ้าพูดถึงก็คือข้าจริงๆ”

ปาดเหงื่อ! ใครจะไปคาดคิดล่ะ! สวีถังหรานรีบกุมหมัดคารวะทันที “ข้าน้อยพูดผิดไปแล้ว นายท่านโปรดระงับโทสะ!” เขากังวลว่าเหมียวอี้จะคิดบัญชีเก่าและบัญชีใหม่พร้อมกัน การด่าทอผู้บังคับบัญชาแบบต่อหน้าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

มู่หรงซิงหัวเม้มปากยิ้มเบาๆ

เหมียวอี้จึงบอกว่า “ครั้งนี้ช่างเถอะ ต่อไปอย่าชิงตัวผู้หญิงต่อหน้าฝูงชนอีกนะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นอีก ที่ดาวเทียนหยวนก็มีศาลเจ้าที่อยู่ไม่น้อย ข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างขาดความยุติธรรมหรอก ข้าจะให้เจ้าเลือกเองว่าจะไปนั่งคุมที่ไหน”

“รับทราบ! ข้าน้อยเลอะเลือน จะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนั้นอีกแน่นอน” สวีถังหรานกล่าวอย่างหวาดหวั่น คนตำแหน่งสูงกว่ากดคนตำแหน่งต่ำกว่าชัดๆ!

“ทำตามข้อบังคับเดิมไปก่อน ส่วนระเบียบข้อบังคับอื่นๆ รอข้าคิดเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน ต่างคนต่างไปทำงานของตัวเองเถอะ!” เหมียวอี้กล่าวหัวเราะเจื่อน พูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วเหาะจากไป

“รับทราบ!” หลังจากกุมหมัดคารวะพร้อมกันแล้ว ทั้งสองก็ยืนตรงแล้วสบตากันแวบหนึ่ง

สวีถังหรานโล่งใจแล้ว มองดูคูเมืองที่กว้างใหญ่รอบๆ แล้วถอนหายใจ “คนเราต่างกันจนน่าโมโห ตั้งแต่ร้านขายของชำซื่อตรงเปิดจนถึงตอนนี้ใช้เวลาไม่กี่ร้อยปีเอง ชั่วพริบตาเดียวท่านนี้ก็กลายเป็นเจ้าของตลาดสวรรค์แล้ว เร็วจริงๆ!”

มู่หรงซิงหัวหัวเราะแล้วบอกว่า “ไม่ต้องอิจฉาหรอก ถ้าเจ้าฆ่าชิงอวี้หลางได้ ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ก็จะเป็นของเจ้า”

สวีถังหรานหดคอแล้วพึมพำเบาๆ ว่า “ไม่มีความสามารถอย่างนั้นหรอก! ขอแค่รักษาตำแหน่งปัจจุบันไว้ได้ก็ดีแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลนี่ แต่ข้าตกอยู่ในอันตรายแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่โค่วไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนมากมายกำลังจ้องตำแหน่งข้าอยู่ก็ได้ ถึงตอนนั้นคนที่ไปใช้เส้นสายกับผู้บัญชาการใหญ่หนิวคงจะมีเป็นโขยง ข้าจะนับว่าสำคัญอะไรล่ะ!”

มู่หรงซิงหัวเงียบไป สิ่งที่สวีถังหรานกังวลก็ใช้ว่าจะไม่มีเหตุผล คนที่ไม่มีภูมิหลังอะไรอย่างสวีถังหราน ถ้าอยากจะยึดตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกก็เป็นเรื่องที่ดันทุรังจริงๆ เมื่อไม่มีคนหนุนหลังที่ใหญ่เหมือนโค่วเหวินหลานคอยคุ้มครอง ถ้าเบื้องบนมีบุคคลสำคัญคนไหนมาหาผู้บัญชาการใหญ่หนิว ก็เกรงว่าผู้บัญชาการใหญ่หนิวจะต้านแรงกดดันนี้ไม่ไหว ดีไม่ดีแม้แต่ผู้บัญชาการใหญ่หนิวเองก็จะครองตำแหน่งนี้อย่างลำบากเหมือนกัน ต้องดูแล้วว่าทางปี้เยว่ฮูหยินจะสนับสนุนได้มากขนาดไหน!

…………………………