บทที่ 185 หลบซ่อน

ตอนนี้หมิงเซียนจ้าวรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าโจวจื่อซินนั้นไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกันแน่

อันที่จริงสำนักของเขาได้ฝังปรสิตพฤกษาไว้ในตัวโจวจื่อซินไว้อยู่นานแล้ว ฉะนั้นมันควรจะเป็นงานง่ายในการตามตัวนาง แต่ด้วยเหตุผลใดที่ทางฝั่งเขาไม่ทราบได้ จู่ ๆ พวกเขาก็ไม่สามารถจับสัมผัสปรสิตพฤกษาได้อีกต่อไป

ทำให้พวกเขากลับต้องมาใช่วิธีการพาศิษย์ของสำนักมาจำนวนหนึ่งและไปติดต่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อข้อความช่วยเหลือจากเหลียงซานให้ช่วยพวกเขาตามหาโจวจื่อซิน

แต่หลังจากการขอความช่วยเหลือกับเหลียงซาน เวลากว่า 2 เดือนได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีแม้แต่วี่แววของโจวจื่อซินโผล่ออกมาให้พวกเขาได้ลุ้นบ้างเลย

ถึงแม้ว่าอาณาจักรจันทราจะไม่ใช่อาณาจักรที่ใหญ่โตอะไรนัก แต่อาณาจักรนี้ก็มีประชากรอาศัยอยู่หลักร้อยล้านคน ซึ่งการตามหาคนหนึ่งคนท่ามกลางคนจำนวนหลักร้อยล้านมันก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร

ส่วนเรื่องความเป็นเป็นไปได้ที่โจวจื่อซินจะหนีออกไปจากอาณาจักรจันทรานั้น พวกเขาได้ตัดความเป็นไปได้นี้ทิ้งออกไป เนื่องจากพวกเขามั่นใจว่านางไม่มีความสามารถเพียงพอแน่นอน

เมื่อนึกถึงเรื่องที่นางไร้ความสามารถ พวกเขาก็มองไปยังทิศทางที่คฤหาสน์สราญรมย์ด้วยสายตาเป็นกังวล

ถ้าหากจะมีใครในอาณาจักรที่อาจจะสามารถทำให้จู่ ๆ ปรสิตพฤกษามันหายไปได้ หากไม่รับรวมเหลียงซานมันก็มีอยู่แค่คนกลุ่มเดียวที่พวกเขาพอจะนึกออก

เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านั้นมีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์อยู่ในกลุ่ม แถมผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นยังเป็นคนที่มาจากสำนักเก้าเทพอสูร และจากที่พวกเขาได้รู้ข้อมูลมาจากเหลียงซาน สำนักเก้าเทพอสูรเป็นสำนักที่ทรงอำนาจ

ซึ่งต่อให้พวกเขาพาผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเองที่มีระดับอยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์เช่นกันมาปะทะ ผู้เชี่ยวชาญทางฝั่งของพวกเขาเองก็คงสู้ไม่ได้อยู่ดี ทำให้พวกเขาในตอนนี้รู้สึกจนปัญญาที่จะทำอะไรเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ในเมื่อพวกเขาควานหาตัวโจวจื่อซินยังไงก็หาไม่เจอ พวกเขาจึงพุ่งเป้าสงสัยเป็นอย่างมากว่าโจวจื่อซินจะต้องซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์แน่นอน

พวกเขาเคยถึงขนาดพยายามจะส่งคนของพวกเขาลอบเข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์ตอนหลิงตู้ฉิงและคนของเขาไม่อยู่คฤหาสน์

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ส่งใครลอบเข้าไป พวกเขากลับเห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้กลายมาเป็นยามยืนเฝ้าประตู ซึ่งทำให้พวกเขาล้มเลิกแผนการส่งคนเข้าไปทันที

สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้จึงน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก ยิ่งพวกเขาหาโจวจื่อซินไม่เจอมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งแน่ใจมากเท่านั้นว่านางจะต้องซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์แน่นอน

นี่ทำให้หมิงเซียนจ้าวรู้สึกไม่สบอารมณ์สุด ๆ กับสถานการณ์ที่ไร้ทางออกเช่นนี้

เขาคิดหาทางออกไม่ได้จนถึงขนาดเกือบจะตัดสินใจพาคนกลับสำนัก แต่เมื่อมาตรองดูถึงความสำคัญของโจวจื่อซินที่สำนักของเขาอุตส่าห์บ่มเพาะมาอย่างดีเพื่อจะใช้นางเป็นโอสถมนุษย์ระดับสวรรค์ เขาจึงไม่สามารถตัดใจกลับไปมือเปล่าแบบนี้ได้ เขาเลยตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อไปอีกในอาณาจักรจันทรา

หมิงเซียนจ้าว ในเวลานี้เอาแต่นั่งครุ่นคิดจนหัวแทบระเบิด “นังผู้หญิงนั่นมันสร้างเรื่องได้ดีจริง ๆ!”

ถึงแม้ว่าเขาจะแน่ใจอยู่หลายส่วนว่าโจวจื่อซินต้องซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์สราญรมย์แน่นอน แต่เขาเองก็ยังคงส่งบรรดาศิษย์ที่เขาพามาออกไปสุ่มประจำตามจุดสำคัญต่าง ๆ ในเมืองหลวงเพื่อตามหาหญิงสาวที่มีกลิ่นกายเหมือนสมุนไพรวิญญาณ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกลิ่นกายโจวจื่อซิน

แต่น่าเสียดายที่การคาดคะเนของเขานั้นผิดพลาดไปอย่างใหญ่หลวง เนื่องจากโจวจื่อซินกลับซ่อนกลิ่นกายของตัวเองด้วยความเหม็นเป็นอย่างดี

แต่การซ่อนกลิ่นกายของนางนั้นมันก็มีจุดผิดพลาด เนื่องจากนางทำให้ตัวเองมีกลิ่นเหม็นมากจนเกินไป จนมันทำให้เป็นจุดสนใจอย่างไม่ตั้งใจ

และจุดสนใจนี้เผอิญไปเข้าตาศิษย์ของสำนักร้อยพฤกษาที่กำลังตามหาตัวนางอยู่พอดี

ศิษย์ผู้นั้นเมื่อสังเกตเห็นความแปลกประหลาดนี้เขาจึงรู้สึกสงสยทันที และตามสืบขบวนคาราวานที่โจวจื่อซินเร้นกายปะปนอยู่ จากนั้นเขาจึงรีบส่งข่าวให้กับหมิงเซียนจ้าวทันที

“มีผู้หญิงที่น่าสงสัยผู้หนึ่ง พึ่งเข้ามาในเมืองกับขบวนคาราวาน และพวกเขาได้เข้าไปในคฤหาสน์สราญรมย์เรียบร้อยแล้ว” ศิษย์ผู้นั้นแจ้งข่าวกับหมิงเซียนจ้าว พลางชี้ไปยังทิศทางที่คฤหาสน์สราญรมย์ตั้งอยู่

หมิงเซียนจ้าวเมื่อได้ยินเช่นนี้เขารู้สึกปวดใจจี้ดขึ้นมาทันที หลังจากที่ได้เบาะแสแรกที่สำคัญมา แต่เบาะแสนั้นดันเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้ามที่สุดของพวกเขาซะได้

“ท่านผู้อาวุโส เมื่อครู่ข้าได้ถามกับชาวบ้านรอบ ๆ แล้ว ข้าได้รู้มาว่าหญิงขอทานผู้นั้นหลังจากเข้ามาในเมือง นางได้แยกกันกับกองคาราวานและจากนั้นนางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย” ศิษย์อีกคนที่รีบวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบได้รายงานอีกข่าวหนึ่งให้หมิงเซียนจ้าวได้ทราบ

เมื่อได้ยินข่าวใหม่ที่น่ายินดีเช่นนี้ หมิงเซียนจ้าวรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างมาก เขารีบพูดสั่งบรรดาศิษย์ที่อยู่กับเขาตอนนี้ทันที “พวกเจ้า รีบไปแจ้งกับเหลียงเจียฮุยเร็วเข้า บอกให้เขารีบตามหาขอทานหญิงตัวเหม็นตามรูปประพรรณสัณฐาน ตามที่พวกเจ้าสืบมาให้เร็วที่สุด!”

หลังจากได้รับคำสั่งของหมิงเซียนจ้าว บรรดาศิษย์ของสำนักสวนร้อยพฤกษาก็รีบไปหาเหลียงเจียฮุย เพื่อส่งต่อข่าวของขอทานหญิงผู้น่าสงสัยทันที

แต่น่าเสียดายที่กว่าวันนี้พวกเขาจะรู้ตัว ตอนนี้สถาบันราชวงศ์ก็ได้เริ่มการเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ไปแล้ว

ขณะนี้โจวจื่อซินกำลังเดินปะปนอยู่ในฝูงชน และค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างแนบเนียนเข้าไปใกล้กับสถาบันราชวงศ์ขึ้นเรื่อย ๆ

ที่หน้าทางเข้าของสถาบันราชวงศ์ตอนนี้นั้นคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายและนักศึกษาระดับหัวกะทิที่มาจากสถาบันต่าง ๆ พวกเขาทุกคนต่างมาที่นี่เพื่อหวังที่จะได้เข้าร่วมกับสถาบันที่ดีที่สุดในอาณาจักร

และที่สำคัญปีนี้นั้นมีคนมามากมายเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ อยู่หลายเท่าตัว เนื่องจากความโด่งดังของศาลาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเหมือนดั่งสถานที่ในตำนานที่ไม่ว่าใครก็เฝ้าฝันว่าจะต้องเข้าร่วมกับที่นี่ให้ได้มากยิ่งกว่าการเข้าไปร่วมคณะอื่น ๆ ในสถาบันราชวงศ์เป็นสิบเท่า

ทางด้านโจวจื่อซินเองในตอนนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากที่นางสามารถใช้เป็นประโยชน์ในการปะปนเข้าไปให้แนบเนียนได้ แต่ด้วยกลิ่นตัวอันรุนแรงของนางที่ไว้ใช้อำพลางตัวตน มันก็ทำให้บรรดาผู้คนที่อยู่ใกล้พยายามเดินถอยห่างด้วยความรังเกียจ

สถานการณ์ของนางจึงกลายเป็นดีผสมร้าย ข้อดีในตอนนี้คือไม่ว่านางจะเดินไปทางไหนก็จะมีคนหลีกทางให้นางอยู่ตลอดเวลา แต่ข้อเสียก็คือการที่มีคนหลีกทางให้เช่นนี้มันกลายเป็นทำให้นางเป็นจุดเด่นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อได้รับการปฏิบัติโดยผู้คนรอบ ๆ ซึ่งหลีกทางให้ด้วยความรังเกียจเช่นนี้ ในเวลาอันรวดเร็วนางก็ได้เดินขึ้นมาถึงหน้าประตูสถาบันราชวงศ์เป็นแถวหน้าสุด

ตอนนี้นางมองไปยังประตูสถาบันราชวงศ์ด้วยสายตากระวนกระวาย เนื่องจากในตอนนี้ประตูของสถาบันยังคงปิดอยู่

ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเหลียงเจียฮุยเองได้ข่าวของการปรากฏตัวของขอทานหญิงน่าสงสัยเรียบร้อยแล้ว

เขาและหมิงเซียนจ้าวจึงรีบแจ้งให้บรรดาศิษย์และผู้ติดตามของพวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังหน้าประตูของสถาบันราชวงศ์จากทุกทิศทางในทันที

โจวจื่อซิน ในตอนนี้รู้สึกกระวนกระวายใจจนอยากจะร้องไห้ นางถึงขนาดคิดที่จะทำลายประตูและวิ่งเข้าไปหาหลิงตู้ฉิงซะเดี๋ยวนี้

แต่น่าเสียดายที่นางเองก็ไม่กล้าทำอย่างที่นางคิด เนื่องจากที่หน้าประตูของสถาบันราชวงศ์นั้นถูกคุ้มไว้อย่างแน่นหนาโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราถึงสองคน

ในขณะที่นางใกล้จะทรุดตัวลงด้วยความกระวนกระวาย ในที่สุดประตูของสถาบันราชวงศ์ก็ได้ถูกเปิดออก และสายธารของคนจำนวนมากก็เริ่มหลั่งไหลเข้าไปด้านใน

โจวจื่อซิน ในตอนนี้จึงรีบเดินเข้าไปด้านในทันที แต่ในขณะที่นางกำลังเดินเข้าไปนางก็นึกขึ้นได้ว่านางยังไม่รู้เลยว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์นั้นตั้งอยู่จุดไหนในสถาบัน

นางจึงเริ่มหันไปสอบถามกับนักศึกษาของสถาบันจันทราที่อยู่ด้านข้าง “ขออภัย ไม่ทราบว่าพี่ชายพอจะรู้ไหมว่าศาลาศักดิ์สิทธิ์ต้องไปทางไหน?”

นักศึกษาสถาบันจันทราคนที่ถูกถามเขาชี้มือไปยังทิศทางศาลาศักดิ์สิทธิ์ทันที แต่เมื่อเขาหันมามองหน้าผู้ที่ถามเขา เขาถึงกับผงะและแทบจะอาเจียนกับกลิ่นที่จู่ ๆ เข้ามาเตะจมูกเขาอย่างรุนแรง

หลังจากที่นางได้รับคำตอบ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังลั่นดังมาจากด้านหลังของนาง

“จับหญิงขอทานนั่นให้ข้าเดี๋ยวนี้! หากใครจับนางให้ข้าได้ ข้าจะให้รางวัลแก่คนผู้นั้นเป็นสมบัติระดับวิญญาณ 1 ชิ้น!”

หมิงเซียนจ้าวที่บินมาถึงรอบนอกของทางเข้าสถาบันราชวงศ์ เมื่อเขาเห็นหญิงขอทานต้องสงสัย เขาตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย

เขารู้สึกได้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันมีเบื้องหลังไม่ชอบมาพากล

บรรดาผู้คนที่ได้ยินเสียงตะโกนสั่งนี้ พวกเขาถึงกับหยุดฝีเท้าด้วยความตกตะลึง

หญิงขอทานแบบไหนกันที่ถ้าพวกเขาจับนางได้ พวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนที่เป็นถึงสมบัติระดับวิญญาณ?

เมื่อคิดได้เช่นนี้พวกเขาทั้งหมดจึงรีบหันมองไปรอบ ๆ ตัว เพื่อมองหาหญิงขอทานตัวเหม็นที่พวกเขายังคงจำได้อยู่

ซึ่งเมื่อผู้คนมองหาไปได้สักพัก นักศึกษาสถาบันราชวงศ์ที่ชี้ทางให้กับโจวจื่อซินเมื่อครู่ตะโกนขึ้นมาทันทีหลังจากฟื้นตัวจากอาการสำรอกความเหม็น

“นางมุ่งหน้าไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำตะโกนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาอาจารย์ในสถาบันราชวงศ์เองหรือจะเป็นเหล่าผู้คนที่เข้ามาสมัครเข้าสถาบัน พวกเขาต่างรีบพุ่งตัวไปยังทิศทางที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ทันที

สำหรับโจวจื่อซินที่ได้ออกวิ่งนำมาก่อนแล้ว นางได้ยินและจำเสียงตะโกนของหมิงเซียนจ้าว ผู้ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักนางได้อย่างแม่นยำ นางรีบวิ่งอย่างสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ถึงศาลาศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งนางคิดว่ามันเป็นเพียงสถานที่เดียวในตอนนี้ที่จะสามารถช่วยให้นางพ้นกับหายนะครั้งนี้ได้ นางยังจำคำสัญญาที่หลิงตู้ฉิงไว้ให้กับนาง ตราบใดที่นางสามารถมาเจอเขาได้ เขาจะยอมรับนาง

แต่ไม่ว่านางจะวิ่งได้เร็วสักแค่ไหน นางคงไม่อาจวิ่งได้เร็วไปกว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่กำลังบินพุ่งเข้ามาหานาง

หมิงเซียนจ้าวที่รีบบินตรงเข้ามาหานางตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ายังจะกล้าหนีต่อไปอีกงั้นเหรอ นี่เจ้าคิดจะทรยศสำนักจริง ๆ สินะ!”

เมื่อโจวจื่อซินได้ยินเสียงตะโกนนี้ นางกลัวจนวิญญาณของนางแทบออกจากร่าง และยิ่งเมื่อนางยังเห็นระยะนางจากจุดที่นางอยู่ยังห่างจากศาลาศักดิ์สิทธิ์อยู่ประมาณ 50 เมตร นางรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก นางได้แต่ร่ำร้องในใจว่าทำไมชีวิตนางถึงโดนลิขิตให้ถูกคนอื่นกินแบบนี้!

ในขณะที่นางกำลังคิดว่านางจะถูกจับได้แล้วนั้น จู่ ๆ กระแสพลังวิญญาณสายหนึ่งได้ปะทุออกมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์

กระแสพลังวิญญาณนั้นพุ่งเข้ามาคว้าตัวและดึงนางหายเข้าไปด้านในทันที