บทที่ 415 พระจันทร์สีเลือด

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 415 พระจันทร์สีเลือด
แม้ว่าเขาจะกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนาตาชา แต่ลูเซียนก็ตระหนักถึงความจริงที่ว่า เขาก็ไม่สามารถไปช่วยนางได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงจัดการกับความคิดทั้งหมด และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้

ด้วยวงแหวนเวทมนตร์ของปราสาทที่กำลังต่อต้านแรงกดดันอันมหาศาลจากระดับตำนาน ทำให้ลูเซียนยังถูกปกป้อง และมีสมาธิต่อไป เขาเงยหน้าขึ้น และเมื่อเขาเห็นชั้นม่านบางๆ ที่เหลืออยู่ของแสงจันทร์สีเงิน ดวงวิญญาณของเขาก็รู้สึกถึงการเชื่อมต่อแบบพิเศษอีกครั้ง

แม้ว่าดวงจันทร์จะถูกปิดกั้น แต่แสงที่เหลือก็ยังสามารถให้พลังแก่วงเวทอัญเชิญได้ และระดับของวงแหวนเวทนั้นก็ใกล้เคียงกับพลังของ ‘แดรกคูลา!’ ดูเหมือนว่าวงแหวนเวทอัญเชิญจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘อัลเทอร์นา’ เพราะนางทิ้งตราประทับไว้ที่นั่น! ลูเซียนสรุปอย่างรวดเร็ว

ปีกปีศาจร้ายขนาดใหญ่ปกคลุมทั้งท้องฟ้า ท่ามกลางอากาศ ‘เจ้าชายแดรกคูลา’ จ้องมองลงไปที่ปราสาทอย่างดุเดือด ทันใดนั้นเขาก็รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนความมืดเข้าล้อมรอบสภาพแวดล้อม และตัดขาดการเชื่อมต่อทั้งหมดที่ปราสาทมีต่ออดวงจันทร์

ด้วยผลกระทบจากวงแหวนเวทมนตร์ ทำให้ ‘แดรกคูลา’ ไม่สามารถมองเห็นผ่านการแปลงร่างได้ แต่เนื่องจากเขาอยู่ใกล้กับปราสาท เขาจึงมั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ในห้องโถงนั้นไม่ใช่ไรน์อย่างแน่นอน นี้จากผลของการเชื่อมต่อพิเศษระหว่างแวมไพร์ เขามีความรู้สึกหลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้านหนึ่งเขารู้สึกได้รับการสนับสนุน เพราะเห็นได้ชัดว่าไรน์ไม่ได้อยู่ในที่ที่เหมาะสมในตอนนี้ หรือเขาจะไม่ส่งแมลงตัวเล็กๆ ที่แสนสกปรกมาที่นี่เพื่อดำเนินพิธีกรรมอัญเชิญ ‘แวมไพร์บรรพชาแห่งยุคแรก’ ในทางกลับกันเขาค่อนข้างโกรธว่าแมลงพวกนี้ได้หลอกลวงเขา และพยายามอัญเชิญ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ ผู้ยิ่งใหญ่

นัยน์ตาสีแดงเข้มของ ‘เจ้าชายแดรกคูลา’ จ้องมองไปที่ลูเซียน แต่ลูเซียนไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นนอกปราสาทเลย เขายกมือขึ้นพร้อมกับหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เสื้อคลุมเวทมนตร์ของเขาปลิวไหวไปตามสายลม และแว่นเลนส์เดียวก็สะท้อนแสงไปมา ลูเซียนร่ายคาถาด้วยภาษาแวมไพร์โบราณ

เป็นไปได้อย่างไร! หากไม่มีการเชื่อมต่อกับพระจันทร์สีเงิน พิธีอัญเชิญจะดำเนินการต่อไปได้อย่างไร!

‘เจ้าชายแดรกคูลา’ แทบจะรับไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าทั้งเวทมนตร์ลึกลับและตราประทับวิญญาณอันน่าทึ่งนี้เป็นของไรน์เท่านั้น แม้ว่า ‘แดรกคูลา’ จะเคยค้นหามันในปราสาทหลายต่อหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าแมลงตัวเล็กๆ นี้รู้เกี่ยวกับบรรพชาแห่งยุคแรกมากกว่าเขาซะอีก!

‘แดรกคูลา’ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความโกรธ ภายใต้อำนาจของเขาที่ครอบงำทุกสรรพสิ่งในระยะกว่าสิบกิโลเมตรถูกบดขยี้เป็นเถ้าถ่าน โชคดีที่มีโล่แสง เพราะสิ่งเดียวที่เหลือรอดคือ ‘ปราสาทแห่งผู้สังเกตการณ์’ และหน้าผาที่ตั้งอยู่

แต่ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่ แม้กระทั่งโล่แสงก็เริ่มแตกร้าว และสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับว่ามันจะพังทลายลงได้ตลอดเวลา

แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกนั้นจะน่ากลัวเพียงใด แต่ลูเซียนก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย เนื่องจากเขาไม่ได้สัมผัสกับพลัง และความความน่ากลัวโดยตรง สำหรับเขาแล้ว มันรู้สึกเหมือนได้ดูหนังหายนะที่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันเขายังร่ายเวทอย่างมุ่งมั่น

มีแสงจากดวงจันทร์สีเงินโผล่ขึ้นมาใต้ร่างของลูเซียน และในไม่ช้ารัศมีแสงจันทร์ก็สว่างขึ้นอีกครั้ง

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ‘แดรกคูลา’ ก็รู้สึกค่อนข้างขุ่นเคืองใจ ทำไมแมลงสกปรกนี้ถึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ ‘บรรพบุรุษดั้งเดิม’?!

ในความเงียบงัน ฝูงค้างคาวขนาดมหึมาที่ ‘แดรกคูลา’ เรียกออกมาจากความมืด มีจำนวนมากพอที่จะปิดกั้นท้องฟ้ายามค่ำคืนทั้งหมดได้ แต่ละตัวมีขนาดเท่ากับศีรษะของมนุษย์ และพวกมันทั้งหมดมีใบหน้าแหลมคม และเขี้ยวที่เปื้อนเลือด ทันทีที่ค้างคาวกระหายเลือดเหล่านี้ร่อนลงบนโล่ แสงจากโล่จะหรี่ลงอย่างรวดเร็วถึงกับสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกลับว่าโล่กกำลังถูกดูดกลืน ในขณะเดียวกันทันทีที่ค้างคาวกระทบถูกโล่ป้องกัน มันก็จะถูกสังหาร และก็เกิดขึ้นใหม่จากความมืดที่ไร้ขอบเขต

พลังของเจ้าชายนั้นช่างน่าเกรงขาม นี้สามารถรับพลังโดยตรงจากโล่ได้เหมือนดูดเลือด!!

“…การเรียกขานจากคำภาวนาเลือดเพื่อให้บรรพบุรุษแห่งเราปรากฏตัวอีกครั้ง ขอให้พระจันทร์สีเงินส่องผ่านความมืดที่ลึกที่สุด…” ลูเซียนหลับตาลงเพื่อคงสมาธิ โดยตัดสินใจที่จะไม่มองไปที่โล่แสงที่กำลังสั่นสะเทือนอีกต่อไป

แสงจากโลกหมนลงไปมาก แต่มันก็ยังต่อต้านการโจมตีของค้างคาวได้อยู่ ‘เจ้าชายแดรกคูลา’ แสดงท่าทางหงุดหงิดที่ได้รับผลกระทบจากการเชื่อมโยงระหว่างเวทมนตร์ลึกลับ และดวงจันทร์สีเงิน เขารวบรวมค้างคาวทั้งหมดเข้าด้วยกัน และกลายเป็นปากสีเลือดขนาดใหญ่พอที่จะทำลายปราสาทได้ทั้งหมด

ปากเปิดออก และแสงจันทร์ก็เผยให้เห็นเขี้ยวสีขาวสองข้าง เขี้ยวทั้งคู่กัดจมลงไปอย่างรุนแรงในโล่แสง

ปัง!!! โล่ถูกกระแทก และอันตรธานหายไป

“วงแหวนเวทมนตร์ป้องกัน เสียหายอย่างรุนแรง ระดับการป้องกันลดลง…”

ทันทีที่ได้ยินเสียงอู้อี้ของ ‘ปราสาทมิคาลิก’ การป้องกันชั้นที่สองก็ถูกทำลายจากเขี้ยวทันที!

ในเวลาเดียวกันลูเซียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ แม้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะยังคงยืนอยู่ในห้องโถง อีกทั้งเขาก็ยังมองเห็น ‘เจ้าชายแดรกคูลา’ กำลังโจมตีอย่างรุนแรง ลูเซียนยังได้เห็นฉากที่คลุมเครือมากเกินกว่าจะบรรยายซึ่งกำลังขยายออกไปในทุกทิศทางรวมทั้งความเป็นไปได้ทั้งหมดนัก

ปากที่เปื้อนเลือดหายไป และค้างคาวก็กลายเป็นคลื่นดำแผ่เสียงคำราม มือสีซีด และเล็บที่แหลมคมยื่นออกมาจากฝูงค้างคาว และพุ่งตรงไปที่ปราสาท

‘แดรกคูลา’ ตัดสินใจที่จะค้นหาว่าใครเป็นแมลงตัวเล็กๆ ตัวนี้!

ลูเซียนหวังว่า ‘ปราสาทแห่งผู้สังเกตการณ์’ จะสามารถทนต่อการโจมตีที่ดุเดือดจากตำนานตนนี้ได้ในเวลาไม่กี่นาที แต่จริงๆ แล้วมันกินเวลาไม่ถึงสามสิบวินาทีเท่านั้น!

คลื่นพลังงานบนพื้นผิวของโล่แสงหายไป และ ‘แดรกคูลา’ กำลังจะพบว่าใครเป็นผู้อัญเชิญ ‘บรรพชาแห่งยุคแรก’

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เขาเห็นดวงจันทร์สีเงินขนาดเล็กลอยขึ้นมาด้านหลังผู้ร่ายเวท แม้ว่าดวงจันทร์จะไม่สว่างมาก แต่แสงจันทร์บริสุทธิ์ก็โอบอุ้มปกคลุมแมลงตัวเล็กๆ ไว้ภายใน ทำให้ ‘แดรกคูลา’ มองไม่เห็นอะไรเลย

จากนั้นพระจันทร์สีเงินขนาดเล็กก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าพระจันทร์สีเงินของจริงลงมาอยู่ในปราสาท

ในขณะเดียวกันดวงจันทร์สีเงินในท้องฟ้ายามค่ำคืนก็หายไปอย่างลึกลับ มีดาวเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ยังคงประดับอยู่

พระจันทร์สีเงินด้านหลังลูเซียน ร่างๆ หนึ่งผู้มีผมสีทองโผล่ออกมา ตาสีแดงคู่สดสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ดวงตาคู่นั้นค่อนข้างเย็นชาและเฉยเมย

ทันทีที่ร่างของเขาปรากฏตัวขึ้น ลูเซียนรู้สึกว่าวิญญาณของเขาไม่ได้ถูกมองลงมาจากข้างบนอีกต่อไป แต่ถูกโอบกอดด้วยพลังแห่งความมืดอันไร้ขอบเขต อย่างไรก็ตามพลังความมืดไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าขนลุก หรือหวาดกลัว แต่กลับกลายเป็นความสงบ และอบอุ่น เช่นการโอบกอดจากแม่ในเวลากลางคืน หรือเหมือนบ้านที่ดีที่สุดที่จะกลับมาในช่วงสุดท้ายของชีวิต

ความตื่นตระหนกภาพผ่านในตาสีแดงเข้มของ ‘แดรกคูลา’ ทันทีที่เขาเห็นร่างที่มีผมสีทองร่างนั้น เขากระพือปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่ออกไปจากที่นี่ และหลบหนีไปยังที่อื่น

มันเป็นแมลงสกปรก!

แมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีสายเลือดที่โดดเด่นอะไร ได้อัญเชิญ ‘บรรพชาแห่งยุคแรก!’

เมื่อรู้สึกถึงการเชื่อมต่อที่พิเศษ ลูเซียนก็ลดมือขวาของเขาลง และร่างที่มีผมสีทองก็ลดดาบในมือลง

แสงจันทร์เฉือนทะลุผ่านความมืด แสงของมันสว่างมากจนทำให้ท้องฟ้าสว่างขึ้น เหมือนแสงคมดาบแสงจันทร์ที่ตัดผ่านร่างของ ‘แดรกคูลา’ ออกเป็นสองส่วน

อ๊าาาาาาาาา!!!!!!!!!

เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น ควันสีดำลอยออกมาจากร่างของ ‘แดรกคูลา’ ทันใดนั้นร่างทั้งสองส่วนก็กลับมารวมตัวกัน และหายเข้าไปในความมืดโดยไม่ลังเลอย่างรวดเร็ว

เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับลูเซียนที่ใช้พลังของ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ ทำร้าย ‘แดรกคูลา’ ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็เป็นบทเรียนที่ยอดเยี่ยมในรอบหลายพันปี

ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยฐานะ ‘เจ้าชายแวมไพร์’ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ เขาก็น่าจะสามารถต่อสู้กับพลังแห่งดวงจันทร์ได้สักระยะหนึ่ง แต่ความกลัวที่ฝังลึกของเขาที่มีต่อ ‘บรรพชาแห่งยุคแรก’ ทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันที!

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากพลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้พลังในร่างกายของลูเซียนหายไป พลังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และหายไปในความมืด

ในขณะนี้ดวงจันทร์สีเงินที่แท้จริงกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า แต่ภายในก็ปรากฏร่างที่มีผมสีทองจางๆ

ลูเซียนยังไม่เข้าใจสถานการณ์มากนัก

แม้ว่าเขาจะสับสนมาก แต่เขาก็เปิดใช้งานม้วนเวทมนตร์ ‘เวทกระโดดข้ามอวกาศ’ โดยไม่ชักช้า เขาต้องรีบออกไปจากที่นี้ ก่อนที่ ‘แดรกคูลา’ จะเปลี่ยนใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง นอกจากนี้เขายังไม่สามารถบอกความเป็นไปได้ที่ ‘อัลเทอร์นา’ ที่ซึ่งเป็น ‘พระเจ้าแห่งจันทราสีเงิน’ อาจเลือกที่จะฆ่าเขาเพื่อเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความลับ!

ก่อนที่ลูเซียนจะถูกโยนลงไปในกระแสน้ำอันวุ่นวาย เขาก็มองไปที่ดวงจันทร์สีเงินบนท้องฟ้า

ดวงจันทร์สีเงินที่ประดับอยู่บนท้องฟ้าส่องสว่าง และใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อ ลูเซียนยังคงสามารถเห็นร่างผมสีทองได้ในนั้น นอกจากนี้ ในขณะนี้ ดวงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยม่านสีดำ สีเทา และสีขาว ที่ซึ่งภายในนั้นมีร่างที่คลุมเครือเดินไปมา

ร่างผมสีทองยกดาบในมือขึ้นอีกครั้ง และม่านสีเทาก็ถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ

เมื่อภาพลวงตาแตกออก ก็มีลูกไฟแสงอ่อนๆ ระหว่างสีขาวกับดำลอยขึ้นมา ไม่ว่าจะตายหรือมีชีวิตอยู่ ลูกไฟชนกันอย่างรุนแรงในดวงจันทร์สีเงิน

ในสายตาของลูเซียนลูกไฟที่อธิบายได้ยากนี้ เหมือนก้อนเมฆดำ เทา และขาว พวกมันลอยอยู่เหนือหัวลูเซียนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

เวลาดูเหมือนจะหยุดไปเสี้ยววินาที และจากนั้นดวงจันทร์สีแดงที่เข้าใจยากซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยลูกบอลแสงก็หล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างรุนแรง แสงลากผ่านทะลุสิ่งกีดขวางระหว่างช่องว่าง และตกลงสู่โลกกว้างและไม่คุ้นเคย

โลกดูเหมือนจะเป็นมิติที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน มันเป็นมิติที่กว้างขวางที่สุดเท่าที่เคยมีมา!

ในขณะเดียวกันดวงจันทร์เงินของจริงยังคงประดับอยู่บนท้องฟ้า แต่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง และนั้นค่อนข้างน่าขนลุก

นั่นคือฉากสุดท้ายที่ลูเซียนเห็นก่อนที่เขาจะกระโดดข้ามอวกาศ

เมืองอัลลิน หอดาราศาสตร์ที่สูงที่สุด

ดักลาสพูดอย่างจริงจัง “เราต้องหามิตินั้นให้เจอ และหาว่าเกิดอะไรขึ้น”

ข้างๆ เขามีชายแก่หนวดขาวสวมหมวกแหลมๆ เขากำลังลูบลูกบอลคริสตัลสีสดใสในมือของเขาโดยไม่รู้ตัว เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “พระจันทร์สีแดง นี่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งความโกลาหล และการฆ่าฟัน แต่ยังเป็นการปฏิวัติและการพัฒนาอีกด้วย”

สีแดงจางลงเรื่อยๆ และดวงจันทร์สีเงินก็คืนกลับมาสู่ความเงียบงันอีกครั้ง