ตอนที่ 1511 ต้องกลับไปให้‘ดอกผล’

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1511 ต้องกลับไปให้‘ดอกผล’ โดย Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่เย่หยวนจากลาออกไป ปรากฏเป็นอวี้หานที่เดินออกมา

“ท่านดาราสวรรค์ ข้าไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่า ท่านจะใช้คำสาปวิญญาณเลือดจริงๆ!”

อวี้หานกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ

คำสาปวิญญาณเลือดนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจเอง แต่ก็มิอาจทานทนจนจำต้องยอมจำนนต่อความตายเช่นกัน

การใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการเย่หยวน มันไม่ต่างอะไรกับใช้มีดฆ่าโคสังหารไก่เลย

ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบที่ใช้เตรียมการคำสาปวิญญาณเลือด แต่เดิมต้องใช้ทั้งทรัพยากรคนและวัตถุดิบยุ่งยากซับซ้อนมากมายนัก กว่าจะสร้างได้สำเร็จ

เพียงแค่ชาโลหิตพระเจ้าหนึ่งกาก็หาประเมินค่าไม่แล้ว

แม้แต่โถงโลหิตปรโลกยังแทบไม่เคยใช้งานเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน

คำสาปวิญญาณเลือด โดยส่วนใหญ่มักใช้กับบุคคลที่จัดการได้ด้วยยากหรือเป็นปัญหาจริงๆเท่านั้น

ดดาราสวรรค์คลี่ยิ้มบางกล่าวว่า

“การใช้คำสาปวิญญาณเลือดกับบุคคลสำคัญที่อาจกลายมาเป็นบรรพชนโอสถคนที่สองอย่างเขา นี่นับว่าคุ้มค่าแน่นอน!”

อวี้หานยามนี้ยังค่อนข้างกังวลใจขณะเอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“เจ้าหนุ่มคมนี้ยอมหักดีกว่ายอมงอ คำสาปวิญญาณเลือดนี้จะใช้ได้ผลจริงรึ?”

ดาราสวรรค์ระเบิดหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า

“จะได้ผลจริงหรือไม่งั้นรึ? อย่าถามเช่นนี้เลยเสีย! ครั้นหนึ่งเคยราชาปีศาจครึ่งขั้นถูกคำสาปวิญญาณเลือดไป แม้แต่ตัวตนระดับชั้นนั้นยังต้องนอนหมอบดั่งสุนัขต่อหน้าท่านประมุขโถงใหญ่! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแค่แม่ทัพปีศาจ เจ้าคิดว่ามันจะได้ผลหรือไม่?”

ดวงตาของอวี้หานเบิกกว้างแปรเปลี่ยนดูจริงจังโดยพลัน

ราชาปีศาจครึ่งขั้นนับเป็นการดำรงอยู่แบบใด

ต่อหน้าคำสาปวิญญาณเลือดกระทั่งบุคคลระดับชั้นยังมิอาจต้านทานใดๆได้เลย!

อวี้หานทราบเพียงว่าคำสาปวิญญาณเลือดนั้นทรงพลัง แต่กลับไม่รู้เลยว่ามันจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้!

ตัวอย่างที่ดาราสวรรค์อธิบายออกไปก็เป็นที่ชัดเจนแล้ว

ดาราสวรรค์กล่าวต่อว่า

“แท้จริงแล้วคำสาปวิญญาณเลือดจะไม่ฆ่าผู้คนถึงชีวิต แต่ด้วยพลังคำสาปแห่งความอาฆาต มันจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อจิตวิญญาณของคนนั้นๆไม่มีวันสิ้นสุด และสิ่งนี้หาใช่ผู้ใดจะต้านทานได้ คืนนี้ให้เจ้าเด็กนั้นได้ลองลิ้มชิมรสเสียหน่อยแล้วกัน ข้าคิดว่าอีกไม่นานคงต้องมาหาข้าเร็วๆนี้! ฮ่าๆๆๆ…”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ด่าราสวรรค์ก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างตื่นอกตื่นเต้น

เพื่อให้โถงโลหิตปรโลกสามารถชักนำยอดอัจฉริยะด้านโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นมาได้ แล้วดาราสวรรค์จะสุขใจได้อย่างไร?

“แต่เขาจะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนหลงกลพวกเราเข้าให้แล้ว?”

อวี้หานเอ่ยถาม

“แม้ว่าเด็กคนนี้จะหัวรั้นและหยิ่งผยองยิ่ง แต่เขาก็ฉลาดหัวไวมาก! ตราบใดที่รู้ถึงการมีอยู่ของคำสาปวิญญาณเลือดได้ เขาจะตระหนักได้ทันทีว่าสิ่งนี้ข้องเกี่ยวกับพวกเรา!”

ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้น

ตกดึกยามรัตติกาลสงัด

เย่หยวนยังคงนั่งสมาธิเข้าฌานอยู่ต่อหน้าหุบเขาถงเทียนจำลอง เพื่ออนุมานหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสาม

ทันใดนั้นเองไข่มุกสยบวิญญาณภายในทะเลแห่งจิตใจของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาผิดประหลาด

“มันมาแล้ว! ตาแก่นั้นคงคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดนักหนา แต่กลับไม่รู้เลยว่าคำสาปนั้นกลับเป็นของกำนัลชั้นดีให้แก่เราผู้นี้!”

หวูเฉินระเบิดหัวเราะเสียงเย็นสะท้าน ไข่มุกสยบวิญญาณลอยออกมาจากทะเลแห่งจิตใจ อยู่เหนือศีรษะของเย่หยวน

ทันใดนั้นเอง ไข่มุกสยบวิญญาณพลันเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา แลดูแปลกตายิ่งนัก

แต่ภายในไข่มุกสยบวิญญาณนี้ หวูเฉินเริ่มหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง

“คำสาปวิญญาณเลือดนี่แหละคือยาชูกำลังชั้นดี! ด้วยคำสาปบ้าๆของพวกเจ้า มันกำลังจะทำให้ข้าฟื้นพลังคืนสู่ระดับสาม!”

เย่หยวนยังคงจมลึกอยู่ในญาณและตัดขาดเหตุการณ์จากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้หวู่เฉินบอกกับเขาว่า ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอันใดไป แค่ตั้งใจบ่มเพาะพลังก็พอ

ท่ามกลางรัศมีในสีแดงเข้ม ไข่มุกสยบวิญญาณยามนี้เริ่มแกร่งกล้ามากขึ้น

ทั่วทั้งกายาของหวู่เฉินเองก็ถูกแสงสีแดงเข้มห่อหุ้มเอาไว้เช่นกัน ยามนี้ดูราวกับปีศาจกลืนกินวิญญาณ

ในขณะเดียวกันร่างของเขาก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ภายในห้องลับแห่งนี้ หยาดเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาบนหน้าผากของดาราสวรรค์

“ไอ้เด็กเหลือขอ! มันยังทนทานไม่ยอมจำนนจวบจนตอนนี้จริงๆ!”

การจะกระตุ้นคำสาปวิญญาณเลือดออกมา จำต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้นำทางวิญญาณอาฆาตไปยังผู้ถูกคำสาป

และเมื่ออีกฝ่ายพ่ายแพ้ต่อการต้านทาน ตัวดาราสวรรค์จะสบายตัวขึ้นเป็นอย่างมากและไม่ต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเพื่อกดดันอันใดอีกต่อไป

ทว่าตอนนี้ดาราสวรรค์กลับไม่คิดเลยว่า แม่ทัพปีศาจตัวน้อยที่แสนอ่อนแอจะต้านทานได้นานขนาดนี้

ดาราสวรรค์จะไปรู้ได้อย่างว่าคู่ต่อสู้ของตนในขณะนี้หาใช่เย่หยวนไม่ แต่เป็นปีศาจเฒ่าที่ช่ำชองเรื่องวิญญาณอันดับต้นๆแห่งมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้!

ยิ่งไปกว่านั้นคำสาปวิญญาณเลือดยังเป็นยาบำรุงชั้นเยี่ยมในสายตาของปีศาจเฒ่าตนนี้อีกด้วย!

ณ ปัจจุบัน หวู่เฉินรู้สึกดีเกินพรรณนา

ในขณะที่เย่หยวนยังคงหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะพลัง และมิอาจเจียดเวลาออกมาดูได้

“สมแล้วที่เป็นถึงยอดอัจฉริยะที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นมาได้! พลังวิญญาณสูงส่งขนาดนี้ หาใช่สิ่งที่ระดับชั้นแม่ทัพปีศาจพึงมีเลย!”

ดาราสวรรค์กล่าวชื่นชมอย่างลับๆภายในใจ

ในที่สุดดาราสวรรค์ก็รู้สึกได้ว่า พลังวิญญาณอีกฝ่ายค่อยๆคลายอ่อนลงแล้ว เป็นที่ชัดเจนว่า อีกฝ่ายอมแพ้เสียแล้ว

ร่องรอยเผยออกเป็นรอยยิ้มเยาะบนมุมปากของดาราสวรรค์ และกล่าวขึ้นว่า

“เหอะ แม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะโดดเด่นเพียงใด แต่ภายใต้คำสาปวิญญาณเลือดนี้ เจ้าก็มีแต่จะต้องเชื่อฟังข้าเท่านั้น! ช่างเถิด คืนนี้ข้าจักทรมานเจ้าสักหนึ่งชั่วยาม หากเจ้ายังไม่มีในวันพรุ่งนี้ เจ้าก็จะทรมานเจ้าต่อในวันมะรืน!”

หนึ่งชั่วยามต่อมา ดาราสวรรค์ถอนวิญญาณอาฆาตออกมาพร้อมความปีติดีใจ

ในความคิดของเขา หลังจากที่เย่หยวนอดทนถึงขีดสุดแล้ว อีกฝ่ายคงนอนดิ้นทรมานอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงแน่นอน

ในคืนที่สอง ดาราสวรรค์ก็สำแดงใช้คำสาปใส่เย่หยวนอีกครั้ง

แต่จนแล้วจนรอด ห้าวันผ่านไป แม้แต่ดาราสวรรค์ยังรู้สึกว่านี่มันจะทานทนเกินไปแล้ว จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นเย่หยวนเดินทางมาหาเพื่อยอมจำนนใดๆ

อย่างไรก็ตาม อวี้หานยามนี้เริ่มวิตกกังวลหนัก จึงเอ่ยถามดาราสวรรค์ไปว่า

“ท่านดาราสวรรค์ หรือเจ้าเด็กนี่ก็งัดกลอุบายออกมาใช้เช่นกัน? ไฉนถึงราวกับว่าคำสาปวิญญาณเลือดนี้ใช้ไม่ได้ผลเลย?”

ดาราสวรรค์สีหน้ามืดทมิฬลงทันทีพร้อมกล่าวว่า

“ไร้สาระ! เราชายชราเฝ้าดูมันดื่มชาโลหิตพระเจ้าด้วยตาตนเอง หรือเป็นไปได้ไหมว่า เด็กน้อยแม่ทัพปีศาจจะมือไวจนข้ามองไม่ทัน?”

อวี้หานนึกภาพจินตนาการ ก่อนจะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่อีกฝ่ายจะเล่นแง่คืนต่อหน้าดาราสวรรค์ได้

แต่แม่ทัพปีศาจตัวน้อยนี่กลับทานทนได้นานถึงห้าวัน ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ทำให้พวกเขาทั้งคู่แปลกใจเหลือเชื่อยิ่งนัก

“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น สิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อคือ…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว! เด็กคนนี้สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นได้ ความแกร่งกล้าของเขามิอาจตัดสินใจได้จากสามัญสำนึกทั่วไป คืนนี้จ้าจะเพิ่มพลังคำสาปวิญญาณเลือดเป็นเท่าตัว จะให้มันได้ลิ้มรสว่าความทรมานที่แท้จริงเป็นอย่างไร! ข้าจะทำให้มันทรมานจนต้องร้องขอความตาย! ข้าไม่เชื่อว่ามันจะทนไหว!”

ภายในห้วงมิติไข่มุกสงบวิญญาณ หวูเฉินดูกระฉับกระเฉิงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังขึ้นมาก

การดูดกลืนพลังเมื่อหลายวันมานี้ทำให้เขาฟื้นคืนสู่ระดับสามได้ในที่สุด

“กุ้ยหยุน ข้าดูดซับพลังจนอิ่มแล้วคงทำต่อไม่ไหว คืนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว พลังคำสาปนี้เปรียบดั่งยาชูกำลังชั้นเยี่ยมสำหรับเจ้าเช่นกัน เพียงหนึ่งคืนมันน่าจะเพียงพอสำหรับเจ้าต่อการเลื่อนระดับชั้นขึ้นสู่ระดับสาม!”

หวูเฉินลูบหน้าท้องอย่างสบายใจเฉิ่ม พร้อมรวนหัวเราะสนุกสนานบันเทิงใจนัก

พลังของกุ้ยหยุนในตอนนี้มาถึงระดับสองขั้นสุดแล้ว

ด้วยความช่วยเหลือนี้ของหวู่เฉิน การเลื่อนระดับสู่ระดับสามกล่าวได้ว่าหาใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไปสำหรับเขา

ทันทีที่กุ้ยหยุนได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณท่านอาวุโส!”

หวูเฉินยิ้มกล่าว

“ยังจะกล่าวเช่นนี้กับข้าเพื่ออันใด? เอาล่ะ! เตรียมทะลวงขึ้นสู่ระดับสามได้เลย!”

ผ่านพ้นไปอีกคืนหนึ่ง แม้พลังวิญญาณของดาราสวรรค์จะทรงพลังมากเพียงใด ยามนี้ก็ลดทอนจนเขาเหนื่อยล้าไม่น้อยเช่นกัน

แต่เพราะลงทุนลงแรงมากขนาดนี้ เขาจึงมั่นใจยิ่งว่าพรุ่งนี้เย่หยวนต้องรีบมาหาตนแน่นอน!

ยอดอัจฉริยะที่มีโอกาสกลายไปเป็นบรรพชนโอสถคนที่สอง วิธีจัดการย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปเป็นธรรมดา!

เช้าวันต่อมา เย่หยวนออกจากการเก็บตัวในท้ายที่สุด

“นายท่าน!”

กุ้ยหยุนก้มคารวะเย่หยวน

ดวงตาคู่นั้นของเย่หยวนฉายแววประหลาดใจอย่างมาก ก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า

“เจ้าเลื่อนระดับชั้นแล้ว?”

กุ้ยหยุนยิ้มและกล่าวว่า

“ทั้งหมดต้องขอบคุณท่านอาวุโสหวู้เฉิน เมื่อคืนท่านเมตตาให้ข้ายืมพลังคำสาป ข้าจึงดูดซับจนบรรลุระดับสามได้สำเร็จ!”

เย่หยวนระเบิดหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินแบบนั้น เขากล่าวว่า

“ตาแก่คนนี้มอบของขวัญชิ้นให้แก่พวกเขาโดยแท้! เอาล่ะ ถึงเวลากลับไปให้‘ดอกผล’แล้ว มิฉะนั้นตาแก่คนนี้คงเป็นบ้าไปเสียก่อน!”

………………………………………………………………