เยี่ยมบุญเหยียบย่ำเขาและทำให้ตลาดหุ้นของเอสซีกรุ๊ปขึ้นไม่ใช่เหรอ?ดังนั้นเขาก็จะเหยียบคืน!
“เข้าใจครับ แต่ว่าเงินละเมิดสัญญา……”
“ชดใช้ไปตามนั้น!”เปปเปอร์เม้มปากแล้วพูดอย่างเฉยเมย
คำพูดที่เยี่ยมบุญกล่าวในวิดีโอนั้น เขาคงจะคิดว่าเพราะมีเงินละเมิดสัญญา ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่เปปเปอร์จะยกเลิกความร่วมมือกับเขา
แต่น่าเสียดายที่เอสซีกรุ๊ปไม่ได้รวยเหมือนบริษัทตระกูลนวบดินทร์ เยี่ยมบุญก็ไม่รวยเหมือนเขา เงินละเมิดสัญญา จุดนี้เขาไม่ใส่ใจหรอก
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า แล้วไปทำตาม
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ทางเยี่ยมบุญก็ได้รับหนังสือแจ้งยกเลิกความร่วมมือ รวมทั้งทางฝ่ายการเงินก็ได้รับเงินละเมิดสัญญาที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์โอนมา
ทีนี้ ทำเอาเยี่ยมบุญงงเป็นไก่ตาแตกเลย
เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดในวิดีโอนั้น อาจจะขัดใจเปปเปอร์ไปบ้าง
แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เปปเปอร์จะยอมจ่ายเงินละเมิดสัญญา เพื่อยกเลิกความร่วมมือทั้งหมดกับเอสซีกรุ๊ปให้ได้!
ชั่วขณะนั้น เยี่ยมบุญตกตะลึงมากและไม่รู้จะทำไงต่อดี
ต้องรู้ว่าเอสซีกรุ๊ปได้เริ่มเสื่อมลงแล้ว เหตุผลที่ยังอยู่ในสิบอันดับแรกของธุรกิจในเมืองเดอะซีนั้น ก็เป็นเพราะความร่วมมือกับนวบดินทร์กรุ๊ปทั้งหมดนั้น
ตอนนี้เลิกร่วมมือกับนวบดินทร์กรุ๊ปแล้ว เยี่ยมบุญไม่กล้าคิดเลยว่าเอสซีกรุ๊ปจะเป็นอย่างไร และประธานกลุ่มบริษัทบริษัทเหล่านั้นก็จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอนเลย
คิดอะไรอยู่สิ่งนั้นก็มาพอดีเลย มีเสียงเคาะประตูห้องทำงาน และผู้ช่วยก็เดินเข้ามาอย่างกังวลใจ “ประธานเยี่ยมบุญครับ แย่แล้วครับ ประธานวศินและคนอื่นๆ ได้ร่วมกันเปิดประชุมขึ้น ให้ท่านรีบไปครับ”
นัยน์ตาของเยี่ยมบุญหดตัวลง และในใจของเขาก็รู้สึกมีเรื่องอะไรไม่ดีจะเกิดขึ้น
จากนั้น เขาฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ และราวกับว่าเขาแก่ขึ้นสิบกว่าปีในทันใดนั้นเลย
“รู้แล้ว ไปเถอะ!”
นวบดินทร์กรุ๊ป
ผู้ช่วยเหมันตร์รายงานสถานการณ์ปัจจุบันของเอสซีกรุ๊ปให้เปปเปอร์ฟัง
เปปเปอร์กำลังตรวจสอบเอกสารอยู่ และอืมไปคำหนึ่ง โดยไม่เงยหน้าขึ้นเลย เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารู้แล้ว
ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของผู้ช่วยเหมันตร์ก็ดังขึ้น
“ประธานเปปเปอร์ครับ ผมขอรับโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์มองดูเปปเปอร์แล้วพูดว่า
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “รับเถอะ”
เมื่อได้รับอนุญาต ผู้ช่วยเหมันตร์ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นหมายเลขผู้โทร ขมวดคิ้วแล้วรับสาย
สองนาทีต่อมา เขาวางสายแล้วมองไปที่เปปเปอร์ “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณอีธานมาแล้วครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เปปเปอร์ปากกาที่อยู่ในมือก็หยุดเขียน จากนั้นเงยหน้าขึ้น หรี่ตาแล้วพูดว่า “ให้เขาขึ้นมา!”
“ครับ ผมไปรับเขาครับ” ขณะที่พูดผู้ช่วยเหมันตร์ก็เดินออกไปรับคนแล้ว
ในไม่ช้า อีธานก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของเปปเปอร์ โดยใส่เสื้อสีขาวและกางเกงและไม่แสดงอารมณ์อะไรบนใบหน้าเลย
เปปเปอร์เองก็มองเขาอย่างเฉยเมย
ทั้งสองจ้องตากันครู่หนึ่ง และในที่สุดเปปเปอร์ก็เป็นคนเริ่มทำลายความเงียบอันแปลกประหลาดนี้
“ขอโทษ ผมไม่รู้ว่าหัวใจของผมในตอนนี้ มันเป็นหัวใจของน้องชายคุณ” เปปเปอร์ยืนขึ้นแล้วพูด
นัยน์ตาสีเทาเงินของอีธานมองไปที่หัวใจของเขา “โอเว่นเต็มใจมอบให้นายเอง คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผม”
สมัครใจเหรอ?
นัยน์ตาของเปปเปอร์เปร่งประกายเล็กน้อย
บางทีหัวใจอาจเป็นโอเว่นเต็มใจที่จะมอบให้เขาจริงก็ได้ ก็เหมือนโอเว่นยอมเสียสละตัวเองเพื่อสมหวังส้มเปรี้ยว และให้อีธานสะกดจิตเขา
แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ของโอเว่นนั้น เขาก็ยังคงรู้สึกว่ามันมีปัญหา
และดูเหมือนว่าอีธานจะไม่ได้ตระหนักถึงปัญหานั้น
“ตอนนี้เริ่มได้ยัง?” อีธานไม่รู้ว่าเปปเปอร์คิดอะไรอยู่ มองดูเปปเปอร์แล้วถาม
เปปเปอร์เก็บความคิดของเขาและพยักหน้าเล็กน้อย “ได้แล้ว”
ช่างเถอะ ตอนนี้ยังไม่บอกอีธานก่อน
รอผลการตรวจสอบของเขาออกมาแล้วค่อยบอกก็ไม่สาย
อีธานให้สัญญาณโดยท่าทางให้เปปเปอร์นั่งลง
หลังจากที่เปปเปอร์นั่งลง ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางอย่างและเม้มริมฝีปากที่บางๆ “การันต์บอกว่า ผมมีความทรงจำช่วงหนึ่งที่ถูกปกปิดเอาไว้ ตกลงมันคือความทรงจำอะไรกันแน่?”
เมื่อก่อนตอนปวดหัว ก็มีภาพแวบผ่านในสมองของเขา คงจะเป็นความทรงจำของเขาที่ถูกปกปิดเอาไว้สินะ
แต่ภาพนั้นเร็วจนเขาไม่สามารถจับภาพได้เลย จนตอนนนี้เขาก็ยังไม่เลยรู้ว่ามันคือความทรงจำอะไร
สีหน้าและแววตาของอีธานยังคงเหมือนเดิม และตอบกลับอย่างเย็นชาว่า:“มันเป็นความทรงจำที่คุณพบว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่”
“อะไรนะ?”นัยน์ตาของเปปเปอร์หดตัวลงอย่างเร็ว จากนั้นก็มองดูเขาด้วยสีหน้าที่โศกเศร้า “คุณหมายถึงว่า ผมรู้มานานแล้วว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่?”
“ใช่!” อีธานใส่ถุงมือแล้วตอบ
เปปเปอร์กำหมัดแน่น และรอบกายของเขาก็มีความกดดันต่ำที่รุนแรงแผ่ออกมา
อีธานเหลือบมองเขา “ขอโทษ”
เมื่อได้ยินคำขอโทษนี้ เปปเปอร์ก็หรี่ตาลง ระงับความโกรธอย่างรวดเร็วและสงบลง
พูดตามตรงว่า เมื่อเขาได้ยินว่าอีธานปกปิดความทรงจำช่วงนี้ของเขา เขารู้สึกโกรธมากจริงๆและอยากจะฆ่าอีธาน
แต่เมื่อนึกถึงว่าหัวใจปัจจุบันของเขานั้นเป็นหัวใจของน้องชายอีธาน เขาก็ทำได้เพียงแค่ว่าช่างมันเถอะ
“เริ่มกันเลย นำการสะกดจิตและคำแนะนำทางจิตวิญญาณ และความทรงจำบนตัวผมออก” เปปเปอรืโบกมือและพูดด้วยความเหนื่อยล้า
อีธานพยักหน้าเล็กน้อย “หลับตาลง”
เปปเปอร์ก็ทำตาม
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงดีดนิ้วที่ชัดเจน และสมองของเขาก็เริ่มเวียน
ในวินาทีถัดมา เขาก็หมดสติไปและตกอยู่ในความมืดมิด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่
เปปเปอร์ก็เห็นแสงสีขาวในความมืด เขาเดินตามแสงสีขาวโดยไม่รู้ตัว แล้วเขาก็ตื่นมา
มองไปที่อีธานซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะและดื่มชาอยู่ เปปเปอร์ก็นวดขมับเล็กน้อย “เสร็จแล้วเหรอ?”
“เสร็จแล้ว!” อีธานวางถ้วยชาลง “ผมได้ปลดปล่อยการสะกดจิตและคำแนะนำทางจิตวิญญาณของคุณแล้ว คุณจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆอีกต่อไป ส่วนความทรงจำของคุณ ผมก็ได้ถอนออกแล้ว หากคุณลองนึกดูดีๆ คุณก็จะสามารถจดจำความทรงจำนั้นได้”
เมื่อเปปเปอร์ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ค่อยๆหลับตาลง
ไม่ช้า เขาก็เห็นภาพในสมองที่วูบวาบเร็วมากในตอนแรก แต่ตอนนี้มันกลับกลายค่อยๆช้ามาก
เปปเปอร์รวบรวมภาพเหล่านี้และได้ความทรงจำที่สมบูรณ์
เมื่อหกปีก่อน ไม่นานหลังจากที่เขาได้พบกับส้มเปรี้ยวและแน่ใจความสัมพันกันอย่างชัดเจน เขาก็รู้แล้วว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่
เนื่องจากข้อบกพร่องในตัวของส้มเปรี้ยวนั้นชัดเจนมาก ยากนักที่เขาจะไม่รู้
แต่ในขณะที่เขากำลังจะให้เหมันตร์ไปตรวจสอบว่าต้นไผ่ที่แท้จริงอยู่ตรงไหน เขาก็ได้พบกับซือีธาน จากนั้นอีธานก็สะกดจิตเขา และทำให้เขาลืมความทรงจำที่พบว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่
ดวงตาของเปปเปอร์แดงขึ้น กำหมัดของไว้แน่นๆ จนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือของเขา
ที่แท้เขารู้ว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่นานแล้ว แต่เป็นเพราะอีธานที่ทำให้เขาลืมมันไป
หากอีธานไม่ทำเช่นนั้นละก็ ตอนนี้เขากับมายมิ้นท์ก็จะไม่มีวันถึงจุดนี้ได้!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เปปเปอร์ก็มองไปที่อีธานด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม และเสียงของเขาก็เย็นชาจนทำให้คนรู้สึกน่ากลัว “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะหัวใจของโอเว่นละก็ ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่!”
สีหน้าของอีธานก็ยังคงเหมือนเดิม และไม่ได้ถูกคำพูดของเขาทำให้กลัว
นี่เป็นหนึ่งในโรคของทางจิตเวช ไม่มีการตอบสนองต่ออารมณ์ใด ๆ มากนัก และอาจไม่ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ
เปปเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกล้มเหลวเล็กน้อย
เขานวดขมวด “แล้วการสะกดจิตของครอบครัวและผู้ช่วยของผม คุณทำลงไปเมื่อไหร่?”
“เมื่อหกปีก่อน หลังจากที่ผมสะกดจิตให้คุณไม่นาน ผมไปหาพวกเขาโดยเฉพาะ และสะกดจิตพวกเขา และทำให้พวกเขาลืมที่เคยพบผม” อีธานตอบกลับอย่างเฉยชา
เปปเปอร์เม้มปากที่บางแล้วพูดว่า “ถอนออกให้พวกเขาซะ”
“ไม่จำเป็น การสะกดจิตของพวกเขานั้นตื้นมาก มันเป็นเพียงแค่ป้องกันไม่ให้พวกเขาค้นพบข้อบกพร่องในตัวส้มเปรี้ยวเอง คุณแค่บอกพวกเขาโดยตรงว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่ การสะกดจิตของพวกเขานั้นก็จะถูกถอนออกเอง”
ที่แท้อย่างงี้นี่เอง
เปปเปอร์ยกคางขึ้น “ผมรู้แล้ว คุณไปเถอะ”
เขาโบกมือ
ผู้ช่วยเหมันตร์ส่งอีธานออกไป
หลังจากกลับมา เปปเปอรืก็สั่งว่า “ติดต่ออาจารย์ของอีธานหน่อย และบอกเขาว่าไม่ต้องกักขังอีธานแล้ว ถือเป็นการตอบแทนที่โอเว่นมอบหัวใจของเขาให้ผม!”