“มีขโมย จวนมู่มีขโมยเข้ามา รีบจับโจรเร็วเข้า”

ข้างนอกมีเสียงดังเอะอะโวยวายดังขึ้นและทั้งจวนมู่ก็เกิดความโกลาหลขึ้น มีคนใช้จำนวนมากถือคบไฟเพื่อวิ่งค้นหาโจรไปทั่วทุกแห่ง

หัวใจของกู้ชูหน่วนรู้สึกเต้นผิดจังหวะ

คงไม่ใช่ชายสวมหน้ากากผีคนนั้นมาหาหรอกนะ?

ความเร็วเช่นนี้ เร็วเกินไปเหลือไม่นะ?

มู่ซินตะโกนถาม “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?”

“มีโจรเข้ามาในจวนขอรับ ได้ขโมยน้ำนมของฮูหยินสามที่กว่าจะบีบออกมาได้หายไปหมด”

มู่ซิน “……”

กู้ชูหน่วน “……”

“นอกจากน้ำนมแล้ว ยังมีอะไรหายไปอีกบ้าง?”

“ไม่มีขอรับ”

มู่ซินรู้สึกไม่เข้าใจ

เป็นโจรอะไรกัน ของที่มีค่ากลับไม่ขโมย แต่ขโมยน้ำนม?

กู้ชูหน่วนรู้สึกงุนงง

แอบขโมยนำนมไป คงไม่ใช่เจ้าเสือน้อยหรอกนะ

ดูเหมือนว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้มันจะยังไม่หย่านมเลย

กู้ชูหน่วนยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้

นอกจากมันแล้ว ใครจะอยากได้นม

ไม่สามารถจับตัวคนที่แอบขโมยนมไปได้ แต่หน้าต่างห้องของมู่ซินกลับมีหัวของเจ้าเสือน้อยโผล่ออกมา

สายตาที่เฉียบแหลมของกู้ชูหน่วนค้นพบเข้าและกระซิบเสียงเบา “เอ่อ ข้ามีเรื่องต้องออกไปจัดการหลายวัน หากมีคนถามหาข้า ท่านเพียงบอกไปว่าท่านไม่รู้ก็พอ”

ยังไม่รอให้มู่ซินตอบ กู้ชูหน่วนก็ได้หายไปแล้ว

มู่ซินกำของเหลววิญญาณไท่ยีแน่นและรู้สึกว่าลูกสาวของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากเหลือเกิน

มากจนเขาแทบไม่รู้จัก

ไม่รู้ว่านิสัยเช่นนี้เป็นเรื่องดีหรือไม่

ภายนอกห้อง

กู้ชูหน่วนลากเจ้าเสือน้อยเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง

ตัวของเจ้าเสือน้อยเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำนมและมุมปากยังมีคราบนมหลงเหลืออยู่ ไม่ต้องถามก็รู้ได้ว่าน้ำนมของฮูหยินสามนั้นต้องเป็นมันขโมยไปแน่ๆ

“บอกให้เจ้ารออยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงยังมาแอบขโมยของในบ้านของข้าได้?”

เจ้าเสือน้อยลูบหน้าท้องของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดและสะอึกเป็นครั้งคราวอย่างไร้เดียงสา

กู้ชูหน่วนจับหน้าของมัน “ต่อให้หิวมากแค่ไหนก็ห้ามขโมยของในบ้านข้า ครั้งหน้าห้ามทำเช่นนี้อีก”

ไม่รู้ว่าเจ้าเสือน้อยตัวนี้แอบขโมยของไปแล้วเท่าไร พุงของมันกลมโตจนแทบจะแตก

เจ้าเสือน้อยตะปบปากของมัน

กู้ชูหน่วนเห็นว่ามันเพิ่งจะเกิดออกมาจึงได้ใจอ่อน “ครั้งหน้าหากหิวนมก็ไปแอบขโมยนมที่บ้านของตระกูลไป๋หลี่นู่น ถึงอย่างไรเสียบ้านของพวกเขาก็มีกิจการใหญ่โต ขโมยมากแค่ไหนก็ไม่เป็นไร”

“(เจ้าเสือน้อยส่งเสียงคำราม)……”

เจ้าเสือน้อยเดินวนเป็นวงกลมและกรงเล็บของมันก็กรีดกรายเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังพูดคุยกับกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

“เจ้ากำลังบอกว่าชายสวมหน้ากากที่หุบเขาเจียงเจ๋อซานกำลังตามหาข้าอย่างนั้นหรือ?”

“(เจ้าเสือน้อยส่งเสียง)……”

นางเคยคิดว่าเขาจะต้องตามมาถึงจวนมู่แน่ๆ เพียงแต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะมาเร็วเช่นนี้

“ไปกันเถอะ เราออกไปจากจวนมู่กันก่อนเถอะ”

กู้ชูหน่วนอุ้มเจ้าเสือน้อยขึ้นมาและเดินออกไป

และหลังจากที่นางออกไปจากจวนมู่ไม่นาน จวนมู่ก็ถูกคนของตระกูลไป๋หลี่ปิดล้อมเอาไว้ คนที่เป็นหัวหน้าก็คือชายคนที่สวมหน้ากากผีที่พิการคนนั้น

“(เจ้าเสือน้อยคำราม)……”

เจ้าเสือน้อยส่งสัญญาณให้นาง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลและมีลมพัดขึ้น

จากนั้นมันก็กลายเป็นเจ้าเสือน้อยขนาดเท่าฝ่ามือและเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนเบิกตากว้าง

เช่นนี้ก็ได้หรือ?

คาถาหดตัว?

นางลูบหัวของเจ้าเสือน้อยที่โผล่ออกมาและอดยิ้มไม่ได้ “เคยได้ยินแค่เจ้าเสือน้อยที่โตขึ้น แต่ไม่เคยได้ยินเจ้าเสือน้อยที่เปลี่ยนเป็นตัวเล็กลง ไม่รู้ว่าเจ้าจัดอยู่ในประเภทไหนเหมือนกัน”

กู้ชูหน่วนมองไปยังจวนมู่และเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย

ผิดจากที่คาดไว้ นางน่าจะสวมผ้าปกปิดใบหน้าของนางไว้ต่อไป

แต่ตอนนี้กลับถูกคนจับได้และยังตามมาหาถึงในบ้าน

หากนางจากไปโดยไม่สนใจ หากนิสัยของชายที่สวมหน้ากาก คาดว่าจวนมู่ทุกคนจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน

ไม่แน่อาจจะหายไปจากบนโลกนี้เลยด้วยซ้ำ

แต่หากนางไม่ไป……

กู้ชูหน่วนรู้สึกลำบากใจทั้งสองทาง

“(เสียงลมพัด)……”

ทันใดนั้นก็เกิดลมกระโชกแรงพัดขึ้น จากนั้นก็มีรัศมีการสังหารที่หนาแน่นปกคลุม โดยมีจวนมู่เป็นจุดศูนย์กลาง ถนนทั้งสายต่างถูกปกคลุมจนแทบไม่สามารถหายใจได้

กู้ชูหน่วนแทบยืนไม่ไหว

เป็นการหายใจที่แรงมาก

เป็นการบีบบังคับที่รุนแรงมาก

ผู้ชายคนนี้โกรธขึ้นมาช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ห่างออกไปค่อนข้างไกล ในหูยังคงได้ยินเสียงกล่าวตักเตือนของชายที่สวมหน้ากากคนนั้น

“ข้าจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย นำตัวของมู่หน่วนออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นคนในจวนทั้งหมดต้องตายลงในคืนนี้”

คนในจวนมู่กล่าวด้วยความหวาดกลัว “คุณชายใจเย็นๆ ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่มอบตัวมู่หน่วนออกไป แต่เป็นเพราะมู่หน่วนยังไม่กลับบ้านมา พวกข้าก็ไม่รู้ว่านางไปที่ไหนกันแน่”

“นี่ไม่ใช่คือคำตอบที่ข้าอยากได้ยิน” เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเย็นชา

ผู้นำรองรีบกล่าว “พี่ใหญ่ ลูกสาวของท่านอยู่ที่ไหนกันแน่ รีบให้นางออกมาสิ เราไม่สามารถสละชีวิตของทุกคนในตระกูลลงเพื่อนางคนเดียวได้หรอกนะ”

ผู้นำสามก็พูดเสริมด้วยเช่นกัน “ใช่ นั่นถือเป็นยอดฝีมือที่มีความสามารถระดับห้าขึ้นไปเชียวนะ แถมยังเป็นแขกผู้อาวุโสคนสำคัญของตระกูลไป๋หลี่อีกด้วย เราไม่สามารถสร้างความคับข้องใจต่อพวกเขาได้”

มู่ซินรู้สึกว้าวุ่นใจ เขารู้ว่าอาหน่วนต้องไปก่อเรื่องไว้กับใครแน่ๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตและสำคัญเช่นนี้

โชคดีที่นางหนีไปก่อน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่รอดอย่างแน่นอน

มู่ซินกล่าวอย่างลำบากใจ “ข้าป่วยหนักติดเตียง หลายวันมานี้ก็อยู่แต่ภายในห้องเท่านั้น พวกเจ้าก็รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านางอยู่ที่ไหน”

“คุณชายเยี่ย เห็นทีว่าคนของจวนมู่คงอยากลองดี ข้าคิดว่าจัดการพวกเขาเสียเลยดีกว่า”

คนที่เข้ามาพร้อมกับเยี่ยจิ่งหาน นอกจากลูกน้องของตระกูลไป๋หลี่แล้ว ยังมีไป๋หลี่เจิ้นอีกคน

เขาอยากจะจัดการคนของตระกูลมู่ตั้งนานแล้ว เพื่อล้างแค้นแทนลูกหลานของตัวเอง

ครั้งก่อนหากไม่ใช่เป็นเพราะเยี่ยจิ่งหานคอยห้ามปรามเอาไว้ เช่นนั้นพวกเขาก็จัดการจวนมู่ไปนานแล้ว

ครั้งนี้ตระกูลมู่หาเหาใส่หัวเองที่กล้าสร้างปัญหาให้กับเยี่ยจิ่งหาน นี่คือโอกาสที่ดีในการจัดการพวกเขา

ผู้นำรองรู้สึกตื่นตระหนก เขาแทบหายใจไม่ทั่วท้อง “อาหน่วนมีการหมั้นหมายไว้กับตระกูลซั่งกวน อีกทั้งเรายัง……กับตระกูลจักรพรรดิอีกด้วย”

“อย่าคิดจะใช้พวกเขามากดดันพวกข้าเลย ตระกูลซั่งกวนอาจจะไม่ยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ก็ได้ ส่วนตระกูลจักรพรรดิ หยุดพูดล้อเล่นเสียทีเถอะ? ใครๆ ก็รู้ว่าตระกูลจักรพรรดิได้ตัดหางปล่อยวัดพวกเจ้าไปแล้ว ไม่เช่นนั้นทุกปีทำไมถึงไม่แบ่งยาอายุวัฒนะให้กับจวนมู่ของพวกเจ้าล่ะ?”

สีหน้าของคนของตระกูลมู่ต่างไม่ดีนัก

ตระกูลจักรพรรดิไม่ยอมรับพวกเขานั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ไม่มีใครนำเรื่องนี้ออกมาพูดในที่สาธารณะ

แต่ไป๋หลี่เจิ้นกลับพูดออกมาจนทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก

ผู้นำรองอยากจะพูดว่า หากตระกูลซั่งกวนไม่ยอมรับการแต่งงาน เช่นนั้นแล้วครั้งก่อนคงไม่ออกหน้าแทนจวนมู่หรอก

ผู้นำของตระกูลมู่ขัดขวางเขาไว้ได้ทันและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ทราบว่ามู่หน่วนทำอะไรให้คุณชายไม่สบายใจอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นแล้วตระกูลมู่ทุกคนต้องขอโทษแทนนางด้วยและพวกข้าจะรีบตามหานางให้เจอ เพื่อให้นางไปขอโทษท่านด้วยตัวเอง คุณชายได้โปรดอภัยให้นางด้วย”

ไป๋หลี่เจิ้นยังอยากจะตวาดกลับไป

เยี่ยจิ่งหานกล่าวอย่างเยือกเย็น “ข้าจะให้เวลาเพียงธูปหนึ่งดอก หลังจากนี้แล้ว หากนางยังไม่ปรากฏตัวออกมา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไปที่ทำลายจวนมู่ทั้งหมดทิ้ง”

คนของจวนมู่ต่างพากันตื่นตระหนก

ธูปหนึ่งดอก?

เวลาเพียงเท่านี้น้อยไปหรือไม่?

เวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ พวกเขาจะหามู่หน่วนเจอได้อย่างไร?

เมื่อมองไปยังเยี่ยจิ่งหานที่มีสีหน้าเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยรัศมีสังหารครอบงำอยู่

พวกเขาเชื่ออย่างแน่นอนว่าหากมู่หน่วนยังไม่ออกมา เช่นนั้นแล้วเขาต้องทำลายจวนมู่ลงแน่ๆ

จากความสามารถของเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลไป๋หลี่เลยด้วยซ้ำ เขาเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายคนของจวนมู่ทั้งหมดไม่ให้มีชีวิตเหลืออยู่ได้

ผู้นำตระกูลมู่รีบกล่าวขึ้นมา “เร็วเข้า รีบไปตามหาคุณหนูสามเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าเป็นหรือตายจะต้องพาตัวนางกลับมาให้ได้”

“ขอรับๆ……”

ผู้นำรองและผู้นำสามต่างก็รีบพากันออกไปตามหา

นอกจากพวกเขาจะโมโหมู่หน่วนแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย

ไป๋หลี่เจิ้นรออย่างมีความสุข

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว