ตอนที่ 514 ผู้ที่พิทักษ์ปกป้อง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“หญิงโง่! ตอนนี้จะให้ข้าลงมือก็ยังทัน ในเมื่อตอนนี้ตาเฒ่านี่บ้าคลั่งขึ้นมา พลังป้องกันที่อ่อนแอเช่นนี้ ต่อให้สามารถปกป้องเจ้าได้ แต่เด็กน้อยที่อยู่ข้างหลังเจ้านั้นคงต้องจบสิ้นแล้ว” อาถิงกล่าวอย่างตึงเครียด

“ข้ารู้ หากว่าเจ้าอดไม่ได้ เจ้าก็ออกมาซะ!”

— ตูม! —

ตาเฒ่าบ้าเล่นสกปรกอย่างแท้จริง เขาระเบิดตัวเองจริง ๆ พลันพลังอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา ทว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพื้นที่นี้จะแตกสลายไป!

เสียงกรีดร้องดังออกมา “เจ้าโง่! ได้รับกุญแจเจดีย์เทพแล้วยังไม่รีบไปอีก ยังจะอยู่ที่นี่ให้คนระเบิดอีกรึ ?  อ๊ากกกก!”

“กุญแจเจดีย์เทพยอมรับผู้เป็นนาย ตำหนักวิญญาณแห่งนี้ข้าก็ไม่สามารถแบกรับเอาไว้ได้แล้ว มิติแห่งนี้จะแตกสลาย พวกเจ้าจะตกอยู่ในมิติที่แตกสลายนี้และไม่มีทางออกไปได้ตลอดกาล  อ้อ แล้วก็ยังจะถูกลมพายุโหมกระหน่ำฆ่าฟันอยู่ในนั้นด้วย!”

“อาถิง!”

สิ้นเสียงเรียก เงาร่างสีเขียวอ่อนพลันพุ่งออกมา อาถิงกล่าวเสียงเย็นชาทันที “หยุดเวลา!”

ทว่าพื้นที่รอบ ๆ ยังคงแตกเป็นเสี่ยง ๆ ต่อไป  พลังแห่งเวลาของอาถิงไม่ได้ผล!

อาถิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา “หญิงโง่! เสียใจด้วยเจ้าจบสิ้นแล้ว”

“เครื่องกลไกวิญญาณ เจ้าสามารถส่งคนออกไปได้หรือไม่ ?” มู่เฉียนซีรีบถามขึ้น

“ด้วยความสามารถในตอนนี้ของข้า ข้าทําได้เพียงแค่ส่งเจ้าเด็กนี่ออกไป…”

“ข้าทําไม่ได้ หากว่าข้าส่งเจ้าไป ข้าจะตกอยู่ในความว่างเปล่า และทุกคนที่นี่จะต้องตาย”

สวะเซี่ย น่าหลานอวี้ และพวกคนอื่น ๆ ก็ยังอยู่  หากที่นี่แตกเป็นเสี่ยง ๆ…

“ส่งหลินเอ๋อร์ไป!” มู่เฉียนซีตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“เจ้า…”

“หญิงโง่เอ๊ย เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วจริง ๆ” อาถิงโกรธมากแล้วในเวลานี้

มู่เฉียนซี “อย่าเสียเวลา รีบลงมือเร็ว ๆ”

“ได้!”

หมอกสีขาวล้อมรอบหลินเอ๋อร์ไว้ หลินเอ๋อร์ตะโกนว่า “พี่มู่ ข้าไม่ไป! ข้าไม่ไป!”

มู่เฉียนซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “จงเชื่อฟังเถอะ แม่ของเจ้ากําลังรอเจ้าอยู่ข้างนอกนั่นนะ”

— ตูม! —

ตําหนักวิญญาณอันประณีตนี้ ยามนี้ได้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเสียแล้ว อาถิงก้าวเท้าเหยียบเศษชิ้นส่วนนั้นพลางกล่าวว่า “มู่เฉียนซี หากไม่อยากตายก็จงเดินตามรอยเท้าข้าไป”

ตาเฒ่าประหลาดบ้าคลั่งผู้นั้นระเบิดตัวเองตายไปแล้ว ตอนนี้ปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่คือมิติที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ตรงหน้านี้  ถ้าหากตกลงไปในความว่างเปล่าที่แตกสลาย เช่นนั้นคงได้จบสิ้นกันแล้วจริง ๆ

มู่เฉียนซีรวบรวมพลังทั้งหมดเดินตามอาถิงไป

— ตูม! —

ในขณะนั้นเอง ลมพายุก็ได้กวาดผ่านเข้ามา ร่างกายของมู่เฉียนซีไม่สามารถต้านทานพลังนี้ได้เลย

— ปัง! —

มู่เฉียนซีตกอยู่ในความว่างเปล่าที่วุ่นวาย เงาร่างสีเขียวอ่อนพุ่งออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่สามารถจับนางไว้ได้ทัน สีหน้าของเขาเผือดซีดทันทีขณะตะโกนเสียงดัง “เจ้าอยู่ไหนน่ะหญิงโง่ ?!”

เขานั้นไม่สามารถคว้ามู่เฉียนซีไว้ได้ จึงได้แต่ตะโกนไปรอบ ๆ “เจ้า… เจ้าอยู่ที่ไหน ? …บัดซบ! รีบช่วยนางเร็วเข้า นางคือคนที่ข้าต้องปกป้องตลอดไป จะตายไม่ได้เด็ดขาด  หากนางตาย ศาลาเรือนรางเก้าชั้นอย่างข้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนโลกนี้แล้ว”

ไม่มีการตอบสนองต่อเสียงเรียก แต่ทันใดนั้นเงาร่างสีดําก็พุ่งผ่านอากาศ ดึงมู่เฉียนซีด้วยมือข้างหนึ่งและพานางเข้าไปในอ้อมกอด

ช่วงเวลาเมื่อครู่อันตรายอย่างมาก ในเวลานี้มู่เฉียนซีสลบไม่ได้สติ

ทันทีที่ตกลงมา นางก็รู้สึกได้ว่าตนเองจะต้องถูกพายุมิติฆ่าจนกลายเป็นเนื้อบด

“มีข้าอยู่ ซีจะไม่มีทางเป็นอะไร” จิ่วเยี่ยพึมพำขณะที่ยังคงกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น

“จิ่วเยี่ย!” มู่เฉียนซีได้สติกลับคืนมา ในตอนนี้เอง อีกการโจมตีหนึ่งก็ใกล้เข้ามา

“ปล่อยนางซะ!” อาถิงวิ่งเข้ามาอย่างดุดัน

จิ่วเยี่ยมองอาถิงและกล่าวว่า “ซีอยู่กับข้า นางจะปลอดภัยมากขึ้น  ศาลาเรือนรางเก้าชั้น ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในขอบเขตของเจ้า เจ้าไม่สามารถปกป้องซีได้”

ดวงตาทั้งสองของอาถิงแทบลุกเป็นไฟ “หากข้าไม่สามารถปกป้องนางได้ เช่นนั้นเพชฌฆาตอย่างเจ้าปกป้องนางได้รึ ?” “เจ้าสามารถสัมผัสได้ นางผู้นั้นที่ตามหาอยู่ในมิติที่แตกสลายแห่งนี้ หานางเจอเมื่อไรเจ้าก็จะรู้เอง” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา

“ก็ใช่ ต้องหานางให้เจอ ข้าก็จะสามารถพาหญิงโง่ผู้นี้ออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย” อาถิงกำหมัดไว้แน่น

จิตใจที่ร้อนรนของอาถิงเริ่มสงบลง

เมื่อครู่ตอนที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤต เขากลับกล่าวเสมือนขอความช่วยเหลือเช่นนั้นออกมา …โชคดีที่นางไม่ได้ยิน มิเช่นนั้นนางคงจะรู้สึกพอใจอย่างมากเป็นแน่แท้

จิตใจของอาถิงสงบลง เขาสามารถจับความเคลื่อนไหวที่รอบด้านได้ เมื่อร่างกายเขาเริ่มขยับ เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ตามข้ามา ไปปกป้องนางกัน!”

พวกเขาหันหลังกลับ ก็เห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามิใช่โลกที่แตกสลาย แต่กลับเป็นเกาะร้างที่งดงามแห่งหนึ่ง

จิ่วเยี่ยกล่าว “ในมิติที่แตกสลาย มีมิติทับซ้อนกันอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน เจ้าสามารถมองเห็นสถานที่แห่งนี้ได้มิใช่เรื่องแปลก”

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ผู้ที่เจ้าต้องการตามหาอยู่ที่นี่หรือไม่ ?”

“ถ้าหากว่าศาลาเรือนรางเก้าชั้นไม่ได้ทำผิดพลาดละก็ ใช่…”

พวกเขามาถึงเกาะแห่งนั้น อาถิงเดินตามกลิ่นลมปราณเข้าไปในป่าไผ่สีม่วง ทันใดนั้น เงาร่างสีฟ้าพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา

ชุดสีฟ้าผ้าพลิ้วราวกับสายธาราใส ผมยาวสีฟ้าห้อยลงมาถึงข้อเท้า ใบหน้าที่งดงามถึงขีดสุด และดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นราวกับสามารถหล่อเลี้ยงจิตใจของผู้คนได้  นางมองไปที่อาถิงและกล่าวเรียกเบา ๆ “อาถิง”

อาถิงพุ่งเข้าไปทันที “เจ้า… เหตุใดเจ้าถึงได้อ่อนแอเช่นนี้ ?”

นางยิ้มอย่างอ่อนโยน “คำพูดของอาถิง ข้าได้ยินแล้ว ในที่สุดอาถิงก็โตขึ้น และในที่สุดก็เต็มใจที่จะปกป้องคนคนหนึ่งแล้ว”

ใบหน้าของอาถิงแดงก่ำ เรื่องที่เพิ่งจะลืมไปกลับถูกเอ่ยถึงขึ้นมาอีกครั้ง

มู่เฉียนซีกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับว่าเมื่อตอนที่ตกอยู่ในความว่างเปล่า นางได้ยินคําพูดนี้ของอาถิง

อาถิงถลึงตาใส่มู่เฉียนซีอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้า… เมื่อครู่ข้าพูดไปเช่นนั้นก็เพื่อขอความช่วยเหลือ ข้าแค่กลัวว่าถ้าเจ้าตายแล้วข้าจะถูกฝังไปกับเจ้าด้วยก็เท่านั้นเอง เจ้าอย่าคิดมากไป” มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใช่แล้ว! นั่นก็ไม่น่าใช่สิ่งที่เจ้าสามารถพูดออกมาได้”

อาถิงกัดฟันแน่น แทบอยากจะกัดมู่เฉียนซีให้ตาย

ดวงตาที่อ่อนโยนมองจิ่วเยี่ยและกล่าวว่า “นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอ เจ้าดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยนะ”

จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีไว้ “อืม ข้าเข้าใจดีแล้วว่ารสชาติของการทําทุกอย่างเพื่อปกป้องใครคนหนึ่งมันเป็นเช่นไร”

อาถิงถลึงตาใส่จิ่วเยี่ยอย่างดุดัน เขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พูดจาไร้สาระอะไรกับเขามากมายเช่นนั้น หรือว่าไม่ใช่เขา…” “ต้องเป็นเพราะเขาแน่ เจ้าถึงได้…”

“ชู่ว!” นิ้วเรียวยาวตกลงไปที่ริมฝีปากของอาถิง

“อาถิง ข้าจะส่งพวกเจ้าออกไปจากที่นี่”

ในตอนนี้เอง แสงสีฟ้าอ่อนเข้ามาห่อหุ้มพวกเขาและส่งพวกเขาออกไปจากความว่างเปล่าที่แตกสลายนี้

พวกเขาเพิ่งจะตกลงมาจากผิวน้ำทะเลที่ด้านบน อาถิงที่เพิ่งจะร่วงหล่นลงมาก็ได้กวาดตามองไปรอบด้าน แล้วบุกเข้าไปทางจิ่วเยี่ย!

“นางถูกเจ้าซ่อนไว้งั้นรึ ? รีบส่งตัวนางออกมาเร็วเข้า!”

ทว่าจิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่น “ต่อให้ให้ ก็ไม่ใช่ให้เจ้า!”

อาถิงเบิกตากว้าง “ข้าไม่เชื่อ…”

“เพื่อเห็นแก่หน้าของนาง วันนี้ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า”

ที่จิ่วเยี่ยกล่าวนั้นหมายความว่า อาถิงไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน ไม่ว่าอย่างไรอาถิงก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช

“เจ้านี่มันช่างดูถูกกันเกินไปแล้ว ข้ากลัวที่ไหนเล่า!” อาถิงโกรธมาก

เครื่องกลไกวิญญาณเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกล่าวขึ้น “รีบทำให้พวกเขาทั้งสองคนหยุดเร็วเข้า พวกเขาจะทะเลาะกัน รีบห้ามเสียแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า”

.