246.2 ปรับแต่งวิหารการสงคราม

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm] Sign in Buddha’s palm 246 (II) ปรับแต่งวิหารการสงคราม

Sign in Buddha’s palm 246 (II) ปรับแต่งวิหารการสงคราม

 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า

เจ็ดวันผ่านไปภายในพริบตา

ในช่วงเวลาหนึ่ง จู่ๆ ซูฉินก็ลืมตาขึ้นแล้วหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าแล้ว”

 

ซูฉินเหยียดมือขวาออกมาคว้าจับไปยังอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็มีรัศมีบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของซูฉิน

 

“นี่คือจิตวิญญาณเทียมของวิหารการสงคราม?”

ซูฉินจ้องมองอย่างระมัดระวัง

จิตวิญญาณเทียมของวิหารการสงครามนั้นมองไม่เห็น ไร้ตัวตน แต่ซูฉินกลับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน อีกฝ่ายโยงสายใยแผ่วเบาไปทั่วทั้งวิหารการสงคราม หากไม่ใช่เพราะวิหารการสงครามกําลังเสื่อมสภาพลง และแม้แต่จิตวิญญาณเทียมก็ยังอ่อนระโหยโรยแรง ซูฉินคงไม่สามารถจับมันมาได้ง่ายๆ

สุดท้ายแล้วจิตวิญญาณเทียมของวิหารการสงครามในยุครุ่งเรืองก็สามารถระดมกําลังทั้งหมดภายในวิหารได้อย่างง่ายดาย พลังมันเทียบเท่ากับถูกพื้นที่มิติขนาดมากกว่าร้อยล้ําบดขยี้ลงมา เท่านั้นก็เพียงพอที่จะสังหารตํานานยุทธส่วนใหญ่ และแม้แต่เซียนเทพปฐพีก็ต้องล่าถอยหนีหัวซุกหัวซุนไปหลายพันลี้

“ต่อจากนี้ก็ถึงเวลาปรับแต่งแล้ว”

ซูฉินดูเคร่งขรึมขึ้น ตราบใดที่จิตวิญญาณเทียมได้รับการปรับแต่ง วิหารการสงครามทั้งหมดก็จะตกอยู่ในมือของเขา และจิตวิญญาณเทียมนี้ก็ไม่ได้ปรับแต่งยากมากมายอะไรนัก ตามการคาดการณ์ของซูฉิน นานสุดก็ไม่เกินสิบวัน

 

เมื่อคิดได้ดังนี้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินก็กลายเป็นโซ่พันธนาการ ตรึงไอพลังที่ไร้รูปร่างเอาไว้ในฝ่ามืออย่างแน่นหนา จากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มทําการปรับแต่ง

ด้านนอกวิหารการสงคราม

 

เฉียนขู่และหลีหว่านกําลังรอคอยให้ซูฉินออกมา

“ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์เข้าไปภายในเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เหตุไฉนจึงยังไม่ออกมาอีก” เฉียนขี่มองไปยังวิหารการสงครามที่ตั้งตระหง่านด้วยความกังวลบนใบหน้า

 

หลังจากวิหารการสงครามกําเนิดขึ้น มันจะอยู่ได้เพียงเดือนเดียวและหลังจากผ่านหนึ่งเดือนนั้นไปมันก็จะหายไปอีกครั้ง ถ้าซูฉินไม่ออกมาก่อนเวลานั้น เกรงว่าเขาคงจะต้องหายไปพร้อมกับวิหารการสงคราม

 

ตามกฏของวิหารการสงคราม มันจะถือกําเนิดขึ้นทุกๆหนึ่งพันปี กว่าวิหารการสงครามจะเกิดใหม่อีกครั้งก็กว่าหนึ่งพันปีให้หลัง ซึ่งเวลาอันยาวนานขนาดนี้ก็เทียบเท่ากับความตายสําหรับซูฉิน

“ไม่ต้องกังวล ลุงสามจะออกมาได้อย่างแน่นอน” หลีหว่านกล่าวปลอบประโลม

 

ได้กังวลเรื่องซูฉินเลยแม้แต่น้อย

“จริงด้วย ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์มีพลังอํานาจมหาศาล แม้แต่มังกรปีศาจก็ยังถูกสังหาร กะอีแค่วิหารการสงครามก็คงจะทําอะไรท่าน ผู้ทรงสมณศักดิ์ไม่ได้”

ขณะที่เฉียนขู่กําลังคิดเรื่องนั้น ใบหน้าของเขาก็คลายกังวลไปได้เล็กน้อย

ฉับพลัน

เมื่อเฉียนขี่กําลังจะพูดอะไรออกมาอีก

วิหารการสงครามที่เดิมเคยตั้งอยู่อย่างสงบเงียบ ก็เริ่มเปล่งแสงสว่างไสวนับไม่ถ้วน แสงเริ่มต้นพุ่งออกมาจากวิหารการสงคราม และแผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ครอบคลุมทั่วทั้งเทือกเขาคุนหลุนเอาไว้ภายในเวลาชั่วครู่เดียว

เห็นว่าวิหารการสงครามเปล่งแสงสลัวๆ เฉกเช่นท้องฟ้าสีครามอันคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ เข้าปกคลุมทุกสรรพชีวิต

“นี่?!”

เฉียนขู่ตกตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้

ขนาดหลีหว่านที่ไม่สนใจสิ่งใด ก็ยังกะพริบตาปริบๆ เบิกตากว้างมองดูสิ่งนั้น

 

ไม่ใช่เพียงแค่เฉียนขู่และหลีหว่านเท่านั้นที่ตกใจ แต่จอมยุทธจํานวนมากที่ยังอยู่บริเวณเทือกเขาคุนหลุนต่างก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นฉากนี้

แม้ว่าซูฉินจะบอกให้ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดทั้งหลายออกจากยอดเขาคุนหลุนไป แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าไม่สามารถอยู่ภายในเทือกเขาคุนหลุนได้

 

ยอดเขาคุนหลุนก็ส่วนยอดเขาคุนหลุน เทือกคุนหลุนก็ส่วนเทือกเขาคุนหลุน

“นี่ นี่ นี่มันคืออะไรกัน?”

 

“วิหารการสงคราม เกิดอะไรขึ้นกับวิหารการสงคราม?”

“เป็นไปได้ไหมที่วิหารการสงครามกําลังจะปิด นับจากระยะเวลา นี่ก็เกือบจะเดือนแล้ว…”

 

“ไม่น่าใช่ หนังสือโบราณบันทึกไว้ว่าวิหารการสงครามที่กําเนิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในอดีตนั้นบิดตัวและหายไปเลย ไม่มีปรากฏการณ์หรือนิมิตใด ทําไมถึงมีสิ่งนี้เกิดขึ้นในยามนี้ได้?”

 

จอมยุทธมากมายนับไม่ถ้วนต่างพูดคุยกัน พวกเขาต่างงงงวย

 

โดยเฉพาะยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดหลายคน แม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าไปภายในวิหารการสงคราม แต่ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่ พวกเขาก็ได้ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับวิหารการสงครามมาก่อนแล้ว มันเคยมีฉากเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนด้วยหรือ?

 

“หรือว่า…”

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลายต่างชําเลืองมองหน้ากัน มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของพวกเขา

เป็นไปได้ไหมว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวภายในวิหารการสงครามเกิดจากผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลิน?

และในตอนนี้เอง

บนยอดเขาคุนหลุน

เฉียนขู่และหลีหว่านก็จ้องไปยังทางเข้าของวิหารการสงคราม

เมื่อเทียบกับคนอื่นที่เห็นเพียงภาพจางๆ เห็นเป็นแสงสว่างอันสดใสพุ่งออกจากวิหารการสงคราม แต่พวกเขาที่อยู่บนยอดเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างภายในวิหารการสงครามได้

 

“นั่นคือ?!”

 

รูม่านตาของเฉียนขู่หดตัวลงอย่างกะทันหัน

 

ในสายตาที่กําลังเบิกกว้างของเขา เห็นร่างสูงโปร่ง ดูสูงส่งราวกับเทพเซียนเดินออกมาจากส่วนลึกของวิหารการสงครามอย่างไม่เร่งร้อน