บทที่ 349 รถโดนทุบแล้ว

The king of War

“ไอ้หนุ่ม นี่คือรถของนาย?”

หยางเฉินพึ่งลงรถมา กำลังมองไปด้านในคฤหาสน์ตระกูลหานอยู่ ทันใดนั้นมีเสียงที่แสบแก้วหูดังขึ้น

เห็นเพียงเบนท์ลีย์สีฟ้าคันหนึ่งจอดอยู่ที่ข้างหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งตัวตั้งแต่บนลงล่างล้วนใส่ของแบรนด์เนม ยื่นศีรษะออกมาจากกระจกรถด้านหลัง

หยางเฉินขมวดคิ้วแล้ว มองทางชายหนุ่มคนที่พูดนั้นไป จากนั้นบอกแบบเรียบนิ่ง “มีธุระ?”

“เชี้ย! โฟล์คเภาตันกากๆ คันหนึ่ง มีหน้ามาจอดที่ลานจอดรถของตระกูลหานได้เหรอ? รีบขับรถของนายออกไปซะ รถของฉันจะจอดตรงนี้!”

ชายหนุ่มพูดจาด่าทอ ท่าทีก้าวร้าวโอหังที่สุด

หยางเฉินมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยหน้าตาไร้อารมณ์แวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจ หมุนตัวก้าวเท้าเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลหานไป

มองเห็นหยางเฉินไม่สนใจตนเองอย่างคาดไม่ถึง การแสดงออกบนหน้าชายหนุ่มคนนั้นแข็งค้างในชั่วขณะหนึ่ง

ตั้งนานเขาถึงได้สติกลับมา ตะโกนว่า “เชี้ย! พวกยาจกที่ขับโฟล์คเภาตันคันหนึ่ง กล้ามาชักสีหน้าใส่ฉันหนิงเฉินหยู่? ไป ทุบรถกากๆ ของมันให้ฉันเลย!”

“ครับ คุณชายหนิง!”

ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่งที่นั่งเบาะข้างคนขับรีบตอบรับทันที

จากนั้นลงรถมา ในมือถือประแจอันหนึ่งไว้ในมือ พุ่งเข้าไปทุบโฟล์คเภาตันของหยางเฉินอย่างแรงยกหนึ่ง ช่วงไม่กี่นาทีสั้นๆ รถของหยางเฉินก็โดนทุบจนสภาพเปลี่ยนไปมาก

เห็นรถของหยางเฉินโดนทุบจนสภาพย่ำแย่ หนิงเฉินหยู่ก็ยังไม่หายโกรธ

“รถกากๆ ที่ติดป้ายทะเบียนเมืองเจียงโจวคันหนึ่ง กล้ามาแย่งที่จอดรถของฉันหนิงเฉินหยู่?”

เขาต่อว่าไปแล้ว และพูดสั่งว่า “เรียกคนเข้ามา เอารถกากๆ คันนี้ ลากไปให้ฉัน!”

“ครับ!”

ลูกน้องรีบรับปากทันใด

หยางเฉินไม่รู้เลยว่ารถของตนเอง คาดไม่ถึงจะถูกคนทุบแล้ว แม้กระทั่งยังโดนลากไปอีกด้วย

เวลานี้ ภายใต้การนำทางของพนักงานต้อนรับที่หน้าประตู เขาเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลหานได้อย่างราบรื่น

คฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ เสมือนเป็นสวนของตระกูลใหญ่โตสมัยโบราณ มีภูเขาปลอม และยังมีสระน้ำสร้างขึ้นมาเอง ในสระน้ำยังมีปลาคาร์ฟตัวใหญ่สารพัดแบบด้วย

รอบด้านมีต้นไม้เขียวขจี ยังมีศาลาแบบโบราณส่วนหนึ่งด้วย

ตอนมาถึงที่โถงใหญ่งานเลี้ยงสไตล์โบราณสองชั้นที่เป็นสี่เหลี่ยมหลังหนึ่ง พนักงานต้อนรับหยุดฝีเท้าลงแล้ว ทำหน้ายิ้มเล็กน้อย “คุณหยางครับ งานเลี้ยงวันเกิดของคุณหานคือที่นี่ครับ เชิญท่านเข้าไปได้เลยครับ!”

เวลานี้ ในโถงงานเลี้ยง มีผู้คนมากมายมาถึงแล้ว

เหล่าชายหนุ่มหญิงสาวที่สวมชุดประณีตงดงามกลุ่มหนึ่ง รวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม ในมือยังถือแก้วทรงสูงไว้ ท่วงท่าจัดเต็มมาก

ตระกูลหานในฐานะหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองเอก ส่วนหานเฟยเฟยก็เป็นเจ้าหญิงของตระกูลหาน งานวันเกิดของเธอ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามีความคึกคักมากแค่ไหน

การปรากฏตัวของหยางเฉิน ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายในทันที

เพราะในงานนี้ ผู้ชายล้วนแต่งชุดสูททางการ ผูกเนกไทอย่างเป็นระเบียบ ผู้หญิงก็ใส่ชุดราตรีแบบยาวกันหมด

มีเพียงหยางเฉินคนเดียวที่แต่งตัวตามสบายมากที่สุด สวมชุดลำลองมาตัวหนึ่ง

“หยางเฉิน!”

ซึ่งในเวลานี้เอง เสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน

จากนั้นมองเห็นที่ที่ไม่ไกลนัก ภาพคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งกำลังก้าวเท้าเดินมาทางตนเอง

“ซูซาน คุณมาได้อย่างไรกัน?”

เจอกับซูซานที่นี่เข้า หยางเฉินแปลกใจอยู่บ้าง

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าหญิงน้อยตระกูลหาน ในงานนี้ โดยทั่วไปล้วนเป็นคนของตระกูลใหญ่ชั้นนำแต่ละเมืองที่มาเข้าร่วมด้วยตัวเองกัน ส่วนฉันต้องเป็นตัวแทนของตระกูลซูเข้ามาอยู่แล้ว” ซูซานยิ้มบอกไป

หยางเฉินเข้าใจขึ้นมากะทันหัน

ด้วยตำแหน่งของตระกูลหาน งานเลี้ยงวันเกิดของญาติสายตรงตระกูลใดๆ จะต้องสามารถดึงดูดตระกูลใหญ่ชั้นนำนับไม่ถ้วนมาได้แน่นอน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหานเฟยเฟย หล่อนเป็นหลานสาวที่ได้รับความรักเอ็นดูของหานเซี่ยวเทียนมากที่สุด

สามารถเจอกับหยางเฉินที่นี่ได้ ซูซานยังดีใจอย่างมาก บนใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยตื่นเต้น รู้สึกหัวใจเต้นรัวไปหมด

หยางเฉินกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เพียงแค่มองซูซานอยู่ ก่อนจะพูดชมจากหัวใจมาประโยคหนึ่ง “วันนี้ คุณสวยมากเลย!”

“ขอบคุณนะ!”

ซูซานหัวเราะนิดหน่อย

ผู้หญิงในงานเลี้ยง ล้วนแต่งตัวสวยงามอย่างมากกันทั้งนั้น แต่มีเพียงซูซานคนเดียวที่ดูสวยกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่หลายเท่า

เธอเองเดิมทีก็ดูดีอยู่แล้ว บวกกับผ่านการแต่งหน้ามาอย่างใส่ใจ คะแนนหน้าตาจึงยิ่งสูงกว่าเดิม

ซูซานสวมชุดราตรีเปิดไหล่แหวกอกสีนู้ดตัวหนึ่ง ห่อหุ้มเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอไว้แนบแน่น กระตุ้นให้คนเพ้อฝันไปไม่มีที่สิ้นสุด

ผิวพรรณเธอขาวเนียน ภายใต้การขับให้เด่นของชุดราตรี เห็นได้ชัดว่ายิ่งเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้

การแต่งหน้าก็งดงามอย่างมากเช่นกัน ฉีกมุมปากขึ้นเล็กน้อย วาดรอยยิ้มอ่อนๆ ที่มีความมั่นใจขึ้นมา

ในเวลานี้เอง ประตูโถงงานเลี้ยงถูกเปิดออกอีกครั้งหนึ่งโดยกะทันหัน ภาพของคนอายุน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว

เห็นเพียงฝ่ายตรงข้ามใส่ชุดสูทสีดำตัวหนึ่ง ปกคอเสื้อเชิ้ตสีขาว ยังผูกโบหูกระต่ายไว้อันหนึ่ง

การปรากฏตัวของเขา ดึงดูดกระแสฮือฮาส่วนหนึ่งขึ้น

“ตระกูลกวนตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเจียงโจว ผู้นำที่พึ่งสืบทอดตำแหน่ง กวนเสว่ซง เรียกกันว่าเป็นผู้นำตระกูลใหญ่ชั้นนำที่อายุน้อยที่สุด ในมณฑลเจียงผิง!”

“เขาดูเหมือนน่าจะอายุประมาณสามสิบปีมั้ง? อายุน้อยขนาดนี้ ก็ได้เป็นผู้นำของตระกูลกวนแล้ว?”

“พวกเธออย่าดูถูกเขาเชียวนะ ตระกูลกวนในฐานะหนึ่งในตระกูลชั้นนำของเมืองเจียงโจว ย่อมจะต้องมีผู้สืบทอดต่อเป็นแน่ แต่ว่าการแสดงออกของกวนเสว่ซงช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ดังนั้นผู้นำคนก่อนของตระกูลกวนถึงมอบตำแหน่งของผู้นำ ส่งให้เขาแบบข้ามรุ่นมาเลย”

“หนุ่มขนาดนี้ ก็เป็นผู้นำของตระกูลแล้ว ยังทำให้คนรู้สึกตกใจจริงๆ นะ!”

ในงานล้วนเป็นญาติพี่น้องของตระกูลชั้นนำแต่ละเมืองของมณฑลเจียงผิง สำหรับข่าวที่กวนเสว่ซงสืบทอดตำแหน่งของผู้นำนั้น ยังรู้กระจ่างมากด้วย

กวนเสว่ซงเองเดิมหน้าตาหล่อเหลามาก ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเต็มๆ อยู่ที่นี่ก็สะดุดตามากจริงๆ

ตอนที่หญิงสาวมากมายมองทางเขา ล้วนส่งสายตาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

เพียงแต่เขากลับทำหน้าตาไร้อารมณ์ มองก็ยังไม่ยอมมองผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาเหล่านั้นสักนิด

“คุณหยาง!”

ตอนที่ความสนใจของทุกคนล้วนตกอยู่บนตัวกวนเสว่ซง เขาร้องตกใจขึ้นมาฉับพลัน รีบเดินเข้ามาทางหยางเฉินโดยเร็ว

“คุณหยางครับ ท่านก็มาด้วยเหมือนกัน ถ้ารู้แต่แรกผมจะได้ไปรับท่านด้วยตัวเอง!”

กวนเสว่ซงมาถึงตรงหน้าหยางเฉิน พูดจาด้วยท่าทางเคารพนบนอบ

หยางเฉินหัวเราะนิดหน่อย “เป็นเฟยเฟยยัยเด็กคนนั้น ชวนฉันมางาน”

อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน กวนเสว่ซงไม่กล้าทำตัวยิ่งใหญ่สักนิดเดียว ถึงแม้เขาจะรับตำแหน่งของผู้นำมาเรียบร้อย แต่ก็ไม่กล้าดูถูกหยางเฉินแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่เอ่ยปากคำเดียวก็สามารถทำลายตระกูลกวนย่อยยับได้ และแค่พูดมาคำเดียวก็สามารถทำให้ตระกูลกวนกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้เช่นกัน

โดยเฉพาะตอนที่กวนเจิ้งซานมอบตำแหน่งผู้นำให้เขา ยังเคยมอบหมายเขาเป็นพิเศษ

ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม สถานที่ใดก็ตาม ไม่ว่าหยางเฉินผิดใจบุคคลใหญ่โตมากแค่ไหนเข้า ตระกูลกวนจำเป็นต้องยืนอยู่ข้างกายหยางเฉินอย่างไม่ลังเลใดๆ

แค่คิดก็รู้ถึงตำแหน่งของหยางเฉินที่ตระกูลกวนแล้ว

“คุณซู!”

กวนเสว่ซงทักทายไปทางซูซานแล้ว

ซูซานส่งยิ้มงดงามให้ “สวัสดีค่ะเจ้าบ้านกวน! นึกไม่ถึงว่าคุณจะกลายเป็นผู้นำของตระกูลกวนแล้ว รับผิดชอบงานคนเดียวแล้ว ส่วนฉันยังเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่อยู่ใต้ปีกของคุณพ่อฉันอยู่เลย”

กวนเสว่ซงหัวเราะเรียบๆ พูดจาแบบความหมายลึกซึ้ง “ด้วยความสัมพันธ์ของคุณกับคุณหยาง ใครจะกล้าเห็นคุณเป็นผู้หญิงอ่อนแอกันครับ?”

เห็นได้ชัดว่ากวนเสว่ซงเข้าใจอะไรผิดแล้ว

หยางเฉินย่อมจะไม่เสียเวลาไปอธิบายเป็นธรรมดา บนหน้าของซูซานแดงนิดหน่อย ไม่ได้อธิบายเช่นกัน หน้าแดงระเรื่อแอบมองหยางเฉินแวบหนึ่ง

ทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของกวนเสว่ซงทั้งหมด ภายในใจยิ่งเลื่อมใสต่อหยางเฉินอย่างมาก แม้แต่ลูกสาวของซูเฉิงอู่ยังคว้าเอามาครองได้

ขณะเดียวกันในใจซูซานยังแอบตื่นตกใจ

สำหรับรายละเอียดของหยางเฉิน ซูซานรู้มาบางส่วน กลับนึกไม่ถึงว่ากวนเสว่ซงที่เป็นผู้นำของตระกูลกวนเรียบร้อยแล้ว ยามอยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ยังเคารพนบนอบเช่นนี้

งั้นคงไม่ใช่ว่าตำแหน่งของหยางเฉินเหนือกว่าผู้นำตระกูลกวนขึ้นไปอีกหรอกเหรอ?

เห็นกวนเสว่ซงและซูซานอ้อมล้อมอยู่ข้างกายหยางเฉินอยู่ ผู้คนมากมายในงานต่างทำหน้าตกใจกันหมด

เดิมทีคิดว่าหยางเฉินเป็นแค่ลูกชายตระกูลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่แอบลักลอบเข้ามา กลับนึกไม่ถึงว่าแม้แต่กวนเสว่ซงและซูซาน ล้วนเข้าไปหาเขาด้วยตนเองก่อน