บทที่ 159 การปิดฉากที่สวยงาม

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 159

การปิดฉากที่สวยงาม

“10 ดาบสังหาร!”

“อาชาพยศ!”

ทั้งสองงัดกระบวนท่าก้นหีบออกมาใช้อย่างพร้อมเพรียงกัน ดาบลำแสงสีขาวทั้งสิบเล่มรายเรียงขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนพุ่งเข้าโจมตีเจิ้งซูจากรอบทิศ

เจิ้งซูเองก็ไม่รอช้ากระทืบเท้าอย่างแรงจนพื้นเวทีแตกออกเป็นวงกว้าง และสร้างม่านน้ำขนาดใหญ่ขึ้นมาหักเหวิถีการโจมตีและปิดบังทัศนวิสัยของเสี่ยวหมิง

ชั่วพริบตาที่ 10 ดาบสังหารตัดผ่านม่านน้ำ เสี่ยวหมิงก็รู้ตัวทันทีว่าที่เขาโจมตีนั้นเป็นเพียงเงาสะท้อนของเจิ้งซู ทันใดนั้นเองเจิ้งซูก็ปรากฏตัวขึ้นที่มุมอับสายตาของเสี่ยวหมิงและประทับฝ่ามือเข้าที่กลางอกของเขาเข้าเต็มๆ

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงง

“อ๊ากกกกกกกก”

ดาบสีขาวทั้งสิบแตกสลายกลายเป็นแสง ร่างไร้สติของเสี่ยวหมิงกระเด็นตกออกจากเวที ผู้ชมทั่วทั้งอัฒจันทร์ก็เงียบสงัดลง

แปะ แปะ แปะ

เมื่อผลลัพธ์ของการประลองเป็นที่ประจักษ์ เย่เย่ก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก ก่อนลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดีกับผู้ชนะเป็นคนแรก ไม่นานนักผู้ชมจากทั่วทุกสารทิศก็ลุกขึ้นปรบมือ แซ่ซ้องสรรเสริญเจิ้งซูดังกระหึ่มสนาม มีเพียงทางฝั่งสำนักบูรพาไร้พ่ายเท่านั้นที่ดูมีสีหน้าที่เคร่งเครียด

เจิ้งซูที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย เขาจึงใช้โอกาสนี้กินยาสมานแผลกายเข้าไป และพยายามโคจรลมปราณเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แม้ว่าจะห้ามใช้อาวุธในการประลอง แต่ก็ไม่มีกติกาข้อไหนห้ามกินยาระหว่างการแข่งขัน ดังนั้นการกระทำของเจิ้งซูจึงไม่ได้เป็นการละเมิดข้อตกลง

หลังจากโค่นเสี่ยวหมิงศิษย์เอกแห่งสำนักดาบลงได้ เจิ้งซูก็ต้องประมือกับศิษย์อีกหลายคนแต่ก็ไม่มีศิษย์คนไหนโค่นเขาลงได้ จนหวางฉีเจี่ยต้องจำใจยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี

“ผู้ชนะในการประลองในครั้งนี้ได้แก่ หอการค้าหยูเย่แห่งเมืองหลิงเฉิง!” ทันทีที่การประลองจบลง เย่เย่ก็ประกาศขึ้นด้วยความปีติยินดี

เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้~

เสียงเฮของผู้ชมดังสนั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเมือง หลิงเฉิงและเหล่าสมาชิกของหอการค้าที่ดีใจจนออกนอกหน้า พวกเขาพากันกอดคอเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะอันหอมหวาน

“หอการค้าหยูเย่จงเจริญ!”

“หลิงเฉิงจงเจริญ!”

หวางฉีเจี่ยหน้าถอดสีด้วยความอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสำนักดาบที่เขาภาคภูมิใจจะพ่ายแพ้อย่างหมดรูปได้ถึงเพียงนี้

“ผู้อาวุโสหวาง อย่าได้กังวลไป การประลองครั้งนี้เป็นเพียงศึกกระชับมิตรเท่านั้น นอกจากนี้เพื่อตอบแทนความร่วมมือและเชื่อมสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างพวกเรา ข้าจะให้พวกท่านใช้ค่ายกลลมปราณไหลเวียนร่วมกับหอการค้าของข้าเป็นเวลา 3 วัน”

เสียงของเย่เย่ได้ดึงสติของหวางฉีเจี่ยกลับมา เขาประสานมือและกล่าวขอบคุณพร้อมปฏิเสธน้ำใจของเย่เย่

“ข้าซาบซึ้งน้ำใจของท่านเย่ยิ่งนัก แต่ผู้แพ้ไม่สมควรได้รับรางวัล อีกอย่างพวกเราไม่มีธุระอะไรที่หลิงเฉิงอีกแล้ว ขอตัวก่อน” แม้ว่าพวกเขาเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับค่ายกลดังกล่าวผ่านหูมาบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว ดังนั้น หวางฉีเจี่ยจึงเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีของเย่เย่

ดูเหมือนว่าเย่เย่จะอ่านใจพวกเขาผ่านทางสีหน้าออก เขาจึงยิ้มอ่อนๆและกล่าวกับชายชรา

“เมื่อท่านหวางต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะไม่บังคับท่าน แต่ก่อนจะออกเดินทางเชิญแวะชมค่ายกลลมปราณไหลเวียนก่อนเพื่อให้พวกท่านรู้จักหอการค้าของข้ามากขึ้น”

“ในเมื่อท่านเย่กล่าวเช่นนั้น ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร เช่นเดียวกันหากท่านเย่มาที่สำนักของข้า ข้าจะเป็นคนพาท่านเยี่ยมชมสำนักเอง”เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หวางฉีเจี่ยก็ยอมรับคำชักชวนของเย่เย่ และพาเหล่าศิษย์ของเขาเยี่ยมชมค่ายกลดังกล่าว

เมื่อพวกเขาเข้าไปในค่ายกล พวกเขาก็ตกตะลึงกับพลังปราณที่อัดแน่นไหลเวียนอยู่ในเขตอาคมที่มีมากกว่าโลกภายนอกถึง 10 เท่า

เมื่อหวางฉีเจี่ยได้สัมผัสค่ายกลด้วยตนเอง เขาก็ตระหนักถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้ พลางนึกเสียดายที่ปฏิเสธข้อเสนอในการร่วมฝึกฝนกับสมาชิกหอการค้า

“ท่านเย่ ที่จริงแล้วข้ามีธุระในหลิงเฉิงอีก 3 วัน ดังนั้นแล้ว…” หวางฉีเจี่ยสังเกตเห็นสีหน้าที่เสียดายของเหล่าศิษย์ เขาก็กลับคำ

“ไม่มีปัญหา ยังไงซะเดิมทีข้าก็ตั้งใจเอาไว้แบบนั้นอยู่แล้ว”

“ขอบคุณท่านเย่ ขอบคุณท่านเย่” หวางฉีเจี่ยและศิษย์แห่งสำนักดาบก้มหัวพร้อมกล่าวขอบคุณเย่เย่เป็นเสียงเดียวกัน

หลังจากการประลองยุทธ์กับสำนักดาบบูรพาไร้พ่ายปิดฉากลงอย่างสวยงาม เช้าวันถัดมาเย่เย่ก็ออกเดินทางไปยังเซียงเฉิงพร้อมกับหยางซื่อไห่ในทันที

ทั้งสองใช้เวลาบนหลังม้านานนับวัน จนเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเซียงเฉิงพระอาทิตย์ก็ได้ลับฟ้าไปแล้ว ทั้งเซียงเฉิงถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากคบเพลิงที่คอยนำทางพวกเขาเท่านั้น

เมื่อเดินทางมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยางก็มีเหล่าสมาชิกตระกูลออกมาให้การต้อนรับที่สวนด้านหน้า หนึ่งในบรรดาคนเหล่านี้คือ หยางตงหลิง ผู้อาวุโสของตระกูลหยาง แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจผนวกรวมกับหอการค้าหยูเย่ แต่เขาก็เคารพการตัดสินใจของหยางซื่อไห่

แต่ทว่าไม่ใช่ทุกคนจะให้การยอมรับ หยางเซี่ยงหยุนเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เขาคัดค้านการตัดสินใจของหยางซื่อไห่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยตรงกันข้ามกับผู้นำตระกูลโดยสิ้นเชิง ทำให้ทั้งสองไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจในครั้งนี้ที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขา…