ฟึบ!

สเปนเซอร์ถือดาบของเขาไว้ แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะได้แตะที่หน้าอกของแดร์ริล แดร์ริลก็ยื่นมือออกมาและจับข้อมือของสเปนเซอร์เอาไว้แน่น

“แกร็ก! แกร็ก!”

แดร์ริลปล่อยกำลังภายในของเขาไปที่มือและเพิ่มความแข็งแกร่งไปที่ข้อมือของสเปนเซอร์มากขึ้น

สเปนเซอร์รู้สึกว่ากระดูกของเขากำลังจะแตกเป็นชิ้น ๆ คลื่นความเจ็บปวดแปลก ๆ ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกหัก!

“กร๊อบ! กร๊อบ!”

“อ๊าก!”

ในที่สุดสเปนเซอร์ก็ทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ปกคลุมใบหน้าของเขา เขากำข้อมือแน่นและร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน หลังจากการฝึกฝนอย่างอุตสาหะเป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะแดร์ริลได้

ผู้นำนิกายที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เบะปากเมื่อเห็นเหตุการณ์

“ฉันจะถามแกอีกครั้ง! พ่อแม่ของฉันอยู่ที่ไหน?” แดร์ริลกำหมัดแน่น เขาคำรามสุดเสียง!

“อ๊าก!” สเปนเซอร์ยังคงร้องโหยหวน ข้อมือของเขากำลังจะแหลกสลาย ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนสุดเสียง “ท่านอาจารย์ ช่วยผมด้วย!”

เจ้าสำนักยอดบรรพตยืนขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเย็นชาและมืดมิด

สเปนเซอร์เป็นศิษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุดของเขา ถ้าหากว่าเขากลายเป็นคนพิการ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อสำนักยอดบรรพต!

“ไอ้สารเลว! ฉันจะบอกว่าพ่อแม่ของแกอยู่ที่ไหน ปล่อยศิษย์ของฉันเดี๋ยวนี้!” เจ้าสำนักยอดบรรพตตะโกน

แดร์ริลเริ่มจะหมดความอดทน แม้ว่าเขายังคงโกรธแค้น แต่เขาก็ต้องปล่อยสเปนเซอร์อย่างไม่เต็มใจ

สาวกของสำนักง้อไบ๊หลายคนเดินลงมาจากชั้นสอง พวกเขาพาผู้หญิงสองคนมาด้วย

พวกเขาคือลิลี่และซาแมนธา

แดร์ริลตกตะลึงเมื่อเขาเห็นสองคนนั้น ทำไมพวกเขาจึงถูกจับมาด้วย?

“แดร์ริล นี่คือแม่ยายและภรรยาของแก แกคงไม่คิดว่าเราจะจับพวกเขามาสินะ?” แม่ชีแห่งโชคชะตายืนขึ้นพร้อมกล่าวด้วยท่าทางอันเย้ยหยัน

ใบหน้าของแดร์ริลซีดเผือด แต่เขายังคงนิ่งเงียบ

ซาแมนธาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอสาปแช่งแดร์ริล “แดร์ริล ไอ้คนไร้ประโยชน์! ครอบครัวลินดินไม่เคยได้อยู่เป็นสุขตั้งแต่ที่แกเข้ามาในชีวิตของพวกเรา แกไม่ใช่แค่เศษขยะ แต่แกคือหายนะ!”

เธอโกรธแค้นแดร์ริล

ถ้าไม่ใช่เพราะแดร์ริล เธอและลูกสาวก็คงจะไม่ถูกจับมาเป็นตัวประกัน

ลิลี่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอลืมไปแล้วว่าแดร์ริลเป็นใคร แต่เธอก็มักจะได้ยินแม่ของเธอเรียกแดร์ริลว่าเศษขยะและคนขี้ขลาดอยู่เสมอ เธอสบตาแดร์ริลด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม

แดร์ริลถอนหายใจ เขาจ้องไปที่แม่ชีแห่งโชคชะตาอย่างดุเดือด “ไม่มีประโยชน์ที่แกจะจับพวกเขา แม่และลูกสาวมาเป็นตัวประกัน เพราะว่าฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวลินดินอีกต่อไป ชีวิตและความตายของพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน”

แดร์ริลพยายามที่จะช่วยซาแมนธาและลิลี่ด้วยถ้อยคำเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม ซาแมนธาประณามเขาทันที “แดร์ริล แกมันแย่กว่าสัตว์ แกออกจากครอบครัวของเราไปเพียงแค่สามปี แต่แกกล้าพูดว่าแกไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างไร้ความปราณี ฉันควรจะให้แกกินอาหารสุนัขมากกว่าอาหารของคน”

ซาแมนธาเคยคิดว่า ถ้าหากว่าแดร์ริลถูกแยกออกจากครอบครัวลินดินโดยสิ้นเชิง เธอกับลิลี่จะปลอดภัยมากขึ้น

การต่อว่าของซาแมนธาเริ่มไม่เป็นที่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แม่ชีแห่งโชคชะตาขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่า ซาแมนธาและลิลี่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแดร์ริลจริง ๆ ถ้าเธอรู้ เธอคงจะไม่จับพวกเขามาเป็นตัวประกัน

แม่ชีแห่งโชคชะตาโบกมือ “เอาล่ะ ไปพาพ่อแม่ของเขามาที่นี่”

“รับทราบ!”

สาวกสำนักง้อไบ๊หลายคนพยักหน้า ไม่นานพวกเขาก็พาเดรกและภรรยาของเขาออกมา
ฟึบ!

หัวใจของดาร์ริลสั่นสะทานเมื่อเขาเห็นพ่อแม่ของเขา น้ำตาแทบจะไหลหลั่ง

ใบหน้าของเดรกเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเผยให้เห็นถึงร่องรอยของการถูกตี แม่ของเขาก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เช่นกัน

“พ่อ… แม่…” เสียงของแดร์ริลแหบแห้ง หัวใจของเขาราวกับกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ!

“ลูกชาย บอกพ่อมาว่าลูกเป็นคนทรยศหรือเปล่า?” เดรกกัดฟันของเขา ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเสื้อผ้าของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเลือด

“ไม่เลยพ่อ มันไม่จริง!” แดร์ริลตอบด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด!

“ไม่ แกบอกว่าไม่” แม่ชีแห่งโชคชะตาผายมือของเธอไปรอบ ๆ จากนั้นดาบยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ “แกกำลังสวมชุดเกราะของโลกใหม่ แต่แกกลับปฏิเสธว่าแกไม่ใช่คนทรยศ ถ้าอย่างนั้น ใครล่ะที่เป็นคนทรยศ!”