* * *

“เลดี้คิดจะทำอย่างไรต่อไปเหรอคะ”

งานแต่งงานของคารินก็เสร็จสิ้นแล้ว จนจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย คราวนี้ก็เหลือแค่กลับราชอาณาจักรเท่านั้น

เนื่องจากคารินบอกว่าจะออกไปท่องเที่ยวกับโคลอีในระยะสั้นๆ ก่อนจะกลับมารับฐานันดรอย่างเป็นทางการ จึงไม่มีเหตุผลที่เธอต้องอยู่ที่โครอาต่อ

แต่อย่างไรเสียอาเรียก็ไม่เอ่ยปากถึงเรื่องนั้นและยังไม่เตรียมตัวกลับอีกด้วย ข้ารับใช้จึงค่อยๆ ถามการตัดสินใจอย่างระมัดระวัง

“อะไร”

“หากเลดี้คิดจะกลับราชอาณาจักรต้องเริ่มเตรียมตัวได้แล้วนะคะ เพราะว่ามีสัมภาระมากมายที่จะต้องจัดเก็บอย่างไรล่ะคะ”

“…นั่นสิ”

ทว่าอาเรียยังดูเหมือนว่าเป็นกังวลอยู่ แม้จะไม่มีเวลาให้กังวลแล้วก็ตาม

หากต้องกังวลถึงขนาดนั้นอยู่ต่อสักหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังอีกด้วย

เจสซี่คิดแบบนั้นพลางพูดกับอาเรีย

“ถึงแม้ว่าวันเกิดจะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม แต่ไม่รู้ว่านี่จะเป็นโอกาสที่จะได้อยู่ที่โครอาครั้งแรกและครั้งสุดท้ายหรือเปล่า หากไม่ทราบว่าจะเสียใจภายหลังหรือไม่ อย่างไรซะดิฉันว่าอยู่ต่อจะดีไหมคะ”

“…”

“หากเลดี้ส่งจดหมายไป เจ้าชายจะต้องเข้าใจเลดี้อยู่แล้วล่ะค่ะ ครอบครัวที่เพิ่งจะได้พบกัน 17 ปี ไม่มีทางที่จะทรงตัดสินอย่างเย็นชาได้ลงหรอกค่ะ”

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ไวโอเล็ตมาเยือนที่ราชอาณาจักรก็เป็นเรื่องไม่คาดคิดอีกด้วย เพียงแค่ชาติกำเนิดก็ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีอย่างอาเรีย แต่หล่อนกลับต่างออกไปตรงที่สมควรจะได้รับคำตำหนินินทาพวกนั้นอยู่แล้ว เพราะเป็นความผิดพลาดที่เธอสร้างขึ้นเองด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าหากตอนนี้ความจริงที่อาเรียเกี่ยวข้องกับไวโอเล็ตถูกเปิดเผยก็คงจะมีตำหนิด่าทออยู่แค่ไม่กี่คน แต่คงหนีไม่พ้นสายตาเย็นชาพวกนั้นแน่

เพราะฉะนั้นเพื่อความสุขและความเพลิดเพลินของไวโอเล็ต อยู่ที่โครอาต่ออีกไม่กี่วันก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

ต่างจากอาซที่เธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปและในอนาคต เพราะเธอเหลือเวลาแค่ตอนนี้ที่จะได้อยู่กับไวโอเล็ต

“…เอากระดาษจดหมายมาให้หน่อย”

ไวโอเล็ตมอบความรักที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน ทำให้หัวใจของอาเรียสั่นไหว เป็นเพราะความรักที่แม้แต่คาริน แม่ของเธอยังไม่เคยมอบให้

หากเวลานานกว่านี้เล็กน้อยหรือเป็นสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างอาซและไวโอเล็ต ก็อาจจะไม่มีทางเลือกไวโอเล็ต แต่เรื่องแค่นี้อยู่ต่ออีกไม่กี่วันเพื่อฉลองวันเกิดที่นี่เป็นเรื่องที่เธอสามารถทำให้ได้

อาเรียเขียนจดหมายถึงอาซด้วยความใส่ใจเพื่อไม่ให้อาซน้อยใจ จากนั้นจึงสั่งข้ารับใช้ที่อาซส่งมาให้เอาจดหมายไปให้

“…แค่จดหมายฉบับนี้ใช่ไหมครับ ทราบแล้วครับ”

ข้ารับใช้ที่ได้รับจดหมายจากอาเรียจึงเข้าใจสถานการณ์พลางเผยสีหน้าพะว้าพะวัง จากนั้นจึงรีบคำนับพร้อมกับออกจากคฤหาสน์ไป

ไวโอเล็ตที่ได้ยินว่าอาเรียจะอยู่ต่อที่คฤหาสน์อีกสองสามวันจึงพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ เห็นได้ว่าหล่อนตกใจมากแค่ไหน

“…จะ จริงหรือจ๊ะ”

“ค่ะ เพราะอย่างไรเสียเมื่อผ่านวันเกิดไปแล้วหนูก็ค่อยเดินทางกลับก็ได้นะคะ”

 “ตายแล้ว…!  นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!”

ภาพที่หล่อนกำลังดื่มชาอย่างสบายใจหายวับไปกับตา ไม่เหลือเค้ามาร์เชอร์เนสที่ดูสูงส่งและสง่างามเลย

เหลือเพียงแค่หญิงคนหนึ่งที่ดีใจว่าจะได้ฉลองวันเกิดกับหลานสาวเท่านั้น

“เหลือเวลาแค่ไม่กี่วันแล้ว ต้องรีบเตรียมการแล้วล่ะจ้ะ!”

ไวโอเล็ตพูดพลางลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างทุลักทุเล เป็นไปตามที่เธอพูดเนื่องจากอีกไม่กี่วันก็ถึงวันเกิดของอาเรียแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องเตรียมการกองพะเนินเทินทึก

ไวโอเล็ตที่สับสนไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มเตรียมการจากส่วนไหน รีบรวบรวมสติพร้อมกับถามอาเรียเจ้าของวันเกิดที่อยู่ตรงหน้า

“เลดี้ชอบงานเลี้ยงแบบไหนเหรอ”

“หนูแบบไหนก็ได้ค่ะ”

ทว่าคำตอบที่ได้กลับไม่แยแสอะไร เพราะไม่ได้ต้องการโอ้อวดเหมือนกับงานเลี้ยงวันเกิดของชนชั้นสูงคนอื่นๆ

และก็คิดไม่ออกว่าจะเชิญเหล่าบรรดาชนชั้นสูงจากที่ไหนด้วย หากนับจากแวดวงคนรู้จักของมาร์ควิส อาจจะถูกตกเป็นเป้าให้คนสนใจเหมือนกับวันงานแต่งงานของคารินแน่นอน หากจะเป็นอย่างนั้น สำหรับอาเรียแค่ได้นั่งรับประทานอาหารพร้อมกันกับครอบครัวเงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าไวโอเล็ตจะคิดต่างออกไปจึงเผยสีหน้าผิดหวัง

เพราะหล่อนคิดว่าไม่รู้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดหลานสาวครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอได้ร่วมงานด้วยหรือเปล่า จึงอยากจัดให้หรูหรามากที่สุด

เจสซี่ที่กำลังรออยู่อย่างเงียบๆ จากนั้นจึงค่อยๆ เข้าไปใกล้ไวโอเล็ต

“…เนื่องจากที่ผ่านมาดิฉันมีหน้าที่รับผิดชอบเตรียมการงานเลี้ยงวันเกิดเลดี้มาตลอด หากเป็นสิ่งที่เลดี้ชอบล่ะก็ดิฉันรู้ดีเลยค่ะ”

จากนั้นก็เงียบไปสักพักหนึ่ง พลางกระซิบบอกไวโอเล็ต ไวโอเล็ตเบิกตาโตขึ้นราวกับตกใจพลางเบนสายตาไปหาเจสซี่

แม้อาเรียจะให้การยอมรับเท่าไหร่ก็ตาม แต่ข้ารับใช้ก็ยังเป็นข้ารับใช้ ไม่บังอาจทะนงตนไปเริ่มพูดคุยกับมาร์เชอเนส ทว่าสายตาของไวโอเล็ตกลับแสดงออกว่าสนใจเป็นอย่างมาก

“เลดี้ ขอโทษนะจ๊ะ ช่วงจิบน้ำชาพอแค่นี้ดีไหม จู่ๆ มีเรื่องเร่งด่วนน่ะ”

ไวโอเล็ตพูดพลางเหมือนกับสั่งการเจสซี่อะไรสักอย่าง ดูเหมือนจะบอกให้ตามหล่อนออกไปข้างนอก

เจสซี่กะพริบตาราวกับแสดงออกว่ารับทราบด้วยเหมือนกัน

“…อย่างนั้นเองหรือคะ เข้าใจแล้วค่ะ”

เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้า อาเรียจึงพอวิเคราะห์สถานการณ์ได้พลางสูดลมหายใจเข้าเล็กๆ และพยักหน้า พร้อมกับตะลึงว่าสามารถเอาชีวิตรอดในวังด้วยลักษณะนิสัยเช่นนั้นกว่า 30 ปีได้อย่างไรกัน

เนื่องด้วยการดำเนินการของไวโอเล็ตและคำแนะนำของเจสซี่ทำให้งานเลี้ยงวันเกิดของอาเรียถูกเตรียมไว้อย่างราบรื่น

อาจเพราะหลังจากที่อาเรียเริ่มเติบโตรู้ความเธอจึงไม่ค่อยได้เปิดเผยความรู้สึกอย่างจริงใจเท่าไหร่นัก จึงจัดเตรียมงานเลี้ยงในแบบที่เธอชอบตอนเด็กๆ

ทั้งคนที่เห็นไวโอเล็ตเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดต่างมีความสุขจนยิ้มแย้มกันทุกคน คนในคฤหาสน์มาร์ควิสเปียสต์ไม่หยุดหัวเราะด้วยความเพลิดเพลินอยู่พักใหญ่

ในระหว่างนั้นอาเรียก็ลดเวลานอนเพื่อมาเดินดูไวโอเล็ตและเจสซี่เตรียมงานวันเกิดตัวเอง ทำเป็นมาตรวจดูและตอบคำถามเกี่ยวกับอาหารและโทนสีงานไปบ้าง

‘เค้กห้าชั้น แล้วก็ของตกแต่งโดยรวมในงานเป็นสีฟ้าใช่ไหมนะ…’

ดูเหมือนจะพยายามเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับจนกว่าจะถึงวันเกิด เห็นอย่างนั้นอาเรียจึงได้แต่พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นออกไป

‘จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตขนาดนั้นด้วยเหรอ’

แม้จะคิดแบบนั้นแต่ก็หยุดยิ้มไม่ได้

ต่างจากตอนที่ข้ารับใช้พยายามช่วยกันร่วมมือจัดงานเลี้ยง เพราะข้ารับใช้เพียงแค่รับงานทำตามคำสั่งเท่านั้น เธอจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่สำหรับไวโอเล็ตกลับต่างออกไป

หล่อนทำเพื่อต้องการจะแสดงความยินดีกับวันเกิดของอาเรียจริงๆ จึงดูเหมือนว่าหล่อนจะเตรียมงานวันเกิดด้วยความหวังว่าอาเรียจะมีความสุขเพลิดเพลินกับมัน และความสุขของอาเรียก็คือความสุขของหล่อนด้วยเช่นกัน มีหรือจะไม่ส่งผลต่อจิตใจของเธอ

เนื่องจากเหลือเพียงไม่กี่วัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาถึงวันเกิด

เพราะส่งข้ารับใช้ไปทำให้คารินและโคลอีที่ทราบข่าวว่าวันเกิดของอาเรียได้จัดที่โครอา จึงรีบกลับมายังคฤหาสน์ตั้งแต่เช้า

“ทำไมถึงได้กลับไวขนาดนี้ล่ะจ๊ะ”

“ก็โคลอีบอกว่าอยากให้ดิฉันเข้าร่วมงานวันเกิดลูกอย่างไรล่ะคะ”

คารินที่ต่อว่าโคลอีก็ไม่ต่างกันเลย หล่อนตั้งใจอยากจะแสดงความยินดีในวันที่อาเรียกลายเป็นผู้ใหญ่มากกว่าจะไปท่องเที่ยวอย่างไรล่ะ

“แต่จะว่าไปงานถูกจัดเตรียมได้ยิ่งใหญ่มากเลยค่ะ”

คารินพูดพลางเดินรอบๆ คฤหาสน์ เนื่องจากเป็นเวลาที่เช้ามากจึงไม่มีแขกคนไหนมาถึง จึงสามารถเดินดูรอบคฤหาสน์ที่ไวโอเล็ตตั้งใจตกแต่งอย่างสุดความสามารถได้

“ดูเหมือนว่าจะหรูหรายิ่งกว่างานแต่งงานของดิฉันเสียอีกนะคะ”

คารินพูดเย้าแหย่ราวกับหมายความอย่างนั้นแม้จะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม ช่างดูเป็นธรรมชาติและดูสนุกสนาน

เป็นภาพที่ไม่สามารถเห็นได้จากตอนที่หล่อนใช้ชีวิตกับท่านเคานต์โรสเซนต์ต้องคอยทำตามและสังเกตสายตาคนอื่น

“ไม่รู้สิคะ ในสายตาหนูคิดว่างานแต่งงานของท่านแม่น่าจะหรูหรามากกว่านะคะ ปกติแล้วของของคนอื่นก็จะดูดีกว่าอยู่แล้วนี่คะ”

ทันทีที่อาเรียหยอกล้อตอบกลับ คารินก็หัวเราะออกมาอย่างเพลิดเพลิน

“หากงานเลี้ยงจบแล้วตั้งใจจะกลับไปเลยหรือเปล่า”

“ค่ะ ตั้งใจจะกลับพรุ่งนี้ตอนเช้าค่ะ”

เพราะเลือกที่จะทิ้งอาซที่เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้แล้วก็ต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด แม้จะส่งจดหมายไปแล้วก็ตาม แต่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่อีก ตามลักษณะนิสัยของอาซเขาคงไม่โกรธโวยวาย แต่ต้องน้อยใจแน่นอน

คารินพยักหน้าพลางพูด

“อย่างนั้นสินะ ไม่ได้เตรียมอะไรให้เท่าไหร่เลยลูกก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่และจะแยกกันใช้ชีวิตเสียแล้ว”

เนื่องจากเป็นสีหน้าของแม่ที่เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ก็เป็นสีหน้าที่พยายามวางตัวเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไร

บางคนอาจจะคิดว่าเพิ่งได้เวลาเหรอ ทว่าที่ผ่านมาเรื่องที่คารินทำหน้าที่แม่ไม่ดีนั้นอาเรียเข้าใจเป็นอย่างดี เข้าใจดีว่าไม่สามารถทำแบบนั้นได้

“จะบอกว่าไม่ได้ทำอะไรให้ได้อย่างไรคะ แค่คลอดหนูออกมาก็ต้องขอบคุณมากแล้วล่ะค่ะ”

แม้ว่าเวลาที่ปล่อยปละละเลยจะยาวนาน แม้ว่าจะมีตัวเลือกให้ทอดทิ้ง แต่คารินก็ไม่ได้ทิ้งอาเรียไปจนจบ ยังคงอยู่เคียงข้างจนเป็นผู้ใหญ่แบบนี้

ที่ผ่านมาคารินอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากมาก แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับอาเรีย

“หนูไม่เคยโกรธท่านแม่เลยสักครั้ง ฉะนั้นได้โปรดอย่างคิดเช่นนั้นเลยค่ะ กลับกันหนูยังรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอค่ะ ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องเลี้ยงลูกโดยไม่มีสามีนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยล่ะค่ะ”

“อาเรีย…”

ตอนนี้อาเรียที่กลายเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ตอบคำถามแบบผู้ใหญ่ทำเอาคารินพูดไม่ออก

“เพราะฉะนั้นหนูหวังว่าต่อไปท่านแม่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะคะ ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ”

“…”

คารินไม่ได้พูดอะไรพลางจับมืออาเรีย เป็นภาพที่ต่างจากภาพลักษณ์ของหล่อนที่คอยแกล้งทำเป็นสงบเสงี่ยม ปิดบังความรู้สึกตัวเอง

คารินที่หนีตายมาจนได้พบกับความสุขที่ในอดีตยังไม่เคยแม้แต่จะคิด อาเรียจึงไม่สามารถหยุดความรู้สึกตื้นตันที่เอ่อล้นขึ้นมาได้

“แม้จะบอกว่ามีชายแดนกั้น แต่อย่างไรเสียก็เป็นอาณาจักรที่อยู่ติดกันเช่นนี้ อาจจะได้แวะไปเยี่ยมเยียนราชอาณาจักรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอหนูหรือเปล่าน่ะสิ”

“จะมีใครบังอาจมาขวางมาร์เชอเนสเปียสต์ได้ล่ะคะ ต้องหาเวลามาเจออยู่แล้วล่ะค่ะ”

ในที่สุด เมื่อจบการสนทนาด้วยการยกยอซึ่งกันและกัน ต่างยิ้มแย้มพลางจับมือกันพักหนึ่งจากนั้นจึงมองใบหน้าของอีกฝ่าย

พร้อมกับคิดเช่นเดียวกันว่าช่างโชคดีจริงๆ ที่เรื่องต่างๆ เป็นไปได้ด้วยดี

* * *

“ยินดีด้วยจริงๆ นะครับ เลดี้เปียสต์”

“ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นผู้ใหญ่ด้วยนะคะ”

“ได้เจอวันงานแต่งงานไม่นานมานี้เอง ได้มาพบกับเลดี้ในงานรื่นเริงแบบนี้อีก”

“ได้คนเก่งเช่นนี้มาเป็นคนในตระกูลเปียสต์ ไม่มีเรื่องไหนจะดีใจไปกว่านี้แล้วล่ะครับ”

อาเรียยิ้มอย่างสง่างามท่ามกลางคำอวยพรจากหลายคน พลางกล่าวขอบคุณพวกเขา เป็นภาพที่หญิงร้ายในอดีตไม่แม้แต่จะได้จินตนาการด้วยซ้ำ

เธอในอดีตที่กลายเป็นผู้ใหญ่เป็นอย่างไรนะ ทันทีที่ย้อนกลับลองคิดดู มีแค่ความทรงจำที่ไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่นัก เมาสุรา ทั้งยังก่อความวุ่นวาย

เป็นสุราที่ข้ารับใช้ของมิเอลเตรียมไว้ พร้อมกับบอกแสดงความยินดีที่ได้เป็นผู้ใหญ่ เครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์สูงมากดื่มเพียงแค่แก้วเดียวก็อยู่ในสภาพเมาเละเทะ ความทรงจำที่เธอเคยกลายเป็นคนโง่ย้อนกลับมา

‘…อดีตของฉันช่างน่าสงสารและน่าสมเพช’

และได้แต่คิดทบทวนอดีตที่หายไปแล้ว พลางเผยรอยยิ้มให้กับคำอวยพรของบรรดาผู้คนอย่างไร้จิตวิญญาณ ทันใดนั้นทางเข้าคฤหาสน์ก็มีเสียงดังขึ้น

“ตายจริงช่อดอกไม้อะไรทำไมใหญ่ขนาดนี้ล่ะคะ…”

ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งส่งเสียงราวกับตกใจออกมา

“ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นดอกทิวลิปด้วยนี่คะ ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้เลดี้คบหาอยู่กับแค่เจ้าชาย จะไม่เกินไปหน่อยเหรอคะ”

นอกจากนี้ยังได้ยินเสียงกระซิบขึ้นอีก

อาเรียจึงรีบหันไปยังประตูอย่างไม่ต้องสงสัย

“…ทำไมล่ะ”

เป็นเรื่องไม่คาดคิด ตรงนั้นกลับมีอาซที่ตอนนี้ควรจะอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งเขาก็ถือช่อดอกทิวลิปช่อใหญ่มาด้วย

“เจ้าชายอัสเทอโรพี!”

แอนนี่ที่หันไปมองตามอาเรียก็ตกใจจึงตะโกนชื่อของอาซออกมาเสียงดัง ในตอนนั้นตัวตนของอาซจึงถูกเปิดเผย บรรดาผู้คนที่มองอาซด้วยหลากหลายความรู้สึกปนไม่ค่อยยินดีสักเท่าไหร่กลับลบสีหน้านั้นเปลี่ยนเป็นคำนับด้วยความเคารพ

ด้วยเหตุนั้นห้องโถงที่เงียบลงถูกเติมเต็มด้วยเสียงฝีเท้าของอาซ ทุกย่างก้าวต่างมีสายตาของทุกคนคอยสังเกตการณ์ตามติดไปด้วย

ด้วยฝีเท้าที่เร็วทำให้ในไม่ช้าอาซก็หยุดอยู่ตรงหน้าอาเรีย พร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างสดใสระหว่างช่อดอกทิวลิป

“เพราะเลดี้กลับมาไม่ได้ ผมเลยมาเองยังไงล่ะครับ”

หลังจากรับจดหมายจากอาเรีย แม้จะเป็นระยะทางที่แม้จะวิ่งด้วยรถม้าด่วนโดยไม่หยุดพักก็ยังไม่สามารถมาได้แต่ก็ยังมาถึงได้…

…………….