ตอนที่ 345
มารผู้เหี้ยมโหด
“ข้ามันไม่ได้เรื่อง”ชิงชิวว่าพลางเอนหัวพิงกระจกรถไฟด้วยท่าทีหมดแรง ที่นั่งที่องค์หญิงซื้อมาเป็นที่นั่งในห้องส่วนตัวซึ่งราคาแพงกว่าที่นั่งแบบนั่งรวมในขบวนรถหลังๆ ทำให้ตอนนี้มีเพียงชิงชิว ไป๋หลิน และ ไป๋ไป่ อยู่ในห้องส่วนตัวเท่านั้นขนาดเล็กที่มีที่นั่งพอสำหรับ 4 คนเท่านั้น
บอกตามตรงว่านอกจากอาการเศร้าใจที่ตนเองปล่อยองค์หญิงขึ้นรถไฟมาด้วยอารมณ์ชั่ววูบแล้ว ตอนนี้ชิงชิวออกจะตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย นอกจากจะได้นั่งที่นั่งที่ตนไม่เคยคิดว่าจะได้นั่งแล้ว ตรงหน้ามันยังมีสาวงามอยู่ถึง 2 นางอีกต่างหาก ถึงนางหนึ่งจะเป็นอสูรก็ตามแต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้ว่าช่างเป็นอาหารตาที่ดีจริงๆ
“พอไม่ใช่วันแรกแล้วคนเยอะจริงๆด้วย”ไป๋หลินว่าพลางชะเง้อหน้าออกไปทางประตูเข้าห้อง แม้จะเป็นโซนที่นั่งส่วนตัว แต่ก็มีคนเดินไปมาระหว่างเดินรถไม่น้อย ยิ่งในห้องรวมแล้วยิ่งคนเยอะเข้าไปใหญ่ ทำให้ไป๋หลินแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ เพราะรถไฟพวกนี้ถือเป็นผลงานหนึ่งของบิดาเธอก็ว่าได้ แม้คนสร้างจะเป็นน้าป้ารูบี้ก็ตาม
“ตอนขึ้นรถก็ไม่นึกว่าจะโดนเบียดขนาดนั้น”ไป๋ไป่ว่าพลางหัวเราะออกมา ปกติแทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้พวกตน แต่พอขึ้นรถทุกคนก็แห่กันขึ้นทำเอาพวกตนโดนกลุ่มคนลากไปด้วยเลย
“แต่ความเร็วไม่เท่าพี่หลินหลินจริงๆด้วย”ไป๋หลินยิ้มพลางมองไปนอกหน้าต่าง ภาพเส้นทางที่ค่อยๆผ่านกระจกไปช้าๆดูแล้วจะบอกว่าชินตาก็ได้เพราะนั่งอยู่บนหลังของพี่หลินหลินก็เห็นภาพแบบนี้เหมือนกัน แต่พอนั่งรถไฟเหมือนทิวทัศน์ข้างนอกมันจะใกล้กว่าและอยู่ในระดับสายตาเดียวกันเท่านั้นเอง
“…….”ชิงชิวเห็นองค์หญิงกับไป๋ไป่ดีอกดีใจที่ได้ลองนั่งรถไฟดูก็ถอนหายใจออกมา ถึงจะแอบหนีมาขึ้นรถไฟแต่ก็ถือเป็นการเดินทางไปเมืองร้อยแปดอสูรเหมือนกัน แบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“โอ้ ห้องนี้มีเด็กๆน่ารักขึ้นมาเต็มเลยว่ะ”อยู่ๆที่หน้าประตูก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทีแปลกๆ ชายคนนั้นแต่งตัวมอมแมม ไม่เหมือนคนที่จะมาจองห้องส่วนตัวในแถบนี้ได้เลย
“นี่ น้องสาว ที่นั่งตรงนั้นยังว่างอยู่ไม่ใช่หรือไง ขอนั่งด้วยสิ”ชายคนนั้นว่าพลางเปิดประตูเข้ามาทำให้ชิงชิวที่รับหน้าที่องครักษ์รีบลุกขึ้นไปขวางเอาไว้ทันที
“ขอโทษทีพี่ชาย เพื่อนของไปเดินเล่นเดี๋ยวก็กลับมา ตรงนี้ไม่ว่างหรอก”ชิงชิวตอบพลางยิ้มบางๆ
“งั้นก็เอาที่นั่งแกมาแล้วกัน”ชายคนนั้นว่าพลางดึงเสื้อของชิงชิวขึ้น
“อากกก”ไม่รอช้าชิงชิวจับข้อมือของชายคนนั้นเอาไว้พลางดันร่างของชายคนนั้นออกไป เจ้านี่ไม่มีพลังวิญญาณเสียด้วยซ้ำ ทำไมถึงกล้ามาหาเรื่องผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้กัน
โครม!! ชิงชิวกำลังพาชายคนนั้นออกมาจากห้องกลับโดนบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจังจนล้มลงไปนอนกับพื้น
“จริงๆด้วย ห้องนี้มีสาวน้อยน่ารักด้วย”ชายที่ต่อยชิงชิวจนล้มพูดพลางหัวเราะออกมา พอชิงชิวลุกขึ้นมาแล้วถึงได้ทราบว่าที่ห้องของตนมีผู้ชาย 4 คนล้อมเอาไว้ ท่าทางไม่ได้มาดีแน่นอน นอกจากชายที่ไม่มีพลังวิญญาณคนแรกแล้วทุกคนต่างมีพลังวิญญาณสูงมากทีเดียว แถมยังสูงกว่าชิงชิวเสียอีก
“พวกแกต้องการอะไร”ชิงชิวถามพลางเรียกเอามีดสั้นออกมา ถึงพลังจะสู้ไม่ได้ แต่ในห้องก็มีองค์หญิงอยู่ และหน้าที่ปกป้ององค์หญิงก็คือหน้าที่ของมัน
“เจ้าเหมือนจะเป็นลูกคนรวยสินะ”ชายคนนั้นว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีน่าเกลียด ไม่แปลกที่พวกมันจะดูออก ตั๋วที่นั่งส่วนตัวราคาแพง แต่เด็ก 3 คนสามารถซื้อตั๋วมานั่งกันเองได้โดยไม่มีผู้ใหญ่มาด้วย นั่นหมายความว่าแค่ตัวเด็กในนั้นก็พงเงินมากโขแล้ว
“พอดีพวกเราขัดสนเรื่องเงินนิดหน่อย ก็เลยอยากจะมาขอแบ่งจากแม่หนูบ้าง แต่ถ้าไม่ให้…..”
โครม!! พูดยังไม่ทันจบ ปีกสีขาวที่ดูเหมือนแกะสลักจากหินอ่อนก็พุ่งวาบออกมาจากห้องโดยสาร ปีกนั่นผลักร่างของชายที่กำลังรีดไถเงินล้มลงไปนอนกับพื้นในพริบตา แถมมันยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอีกต่างหาก
“ไอ้พวกน่ารำคาญ”ไป๋ไป่ว่าพลางเปลี่ยนแขนข้างหนึ่งของนางกลับเป็นแขนมังกร ทำเอาชิงชิวที่ดูอยู่ยังอดตะลึงไม่ได้ มันก็ทราบอยู่ว่าไป๋ไป่เป็นอสูรแต่พอได้เห็นร่างจริงของนางก็ดูแปลกตาสำหรับมันอยู่ดี
ตูม!! ไป๋ไป่ไม่ได้ฆ่า นางเพียงทุบร่างของพวกรีดไถจนสลบเท่านั้นเอง
“เกิดอะไรขึ้น”เมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ หน่วยรักษาความปลอดภัยบนรถไฟก็วิ่งเข้ามาดูทันที แม้ตอนนี้จะสายไปหน่อยก็ตาม ทำให้ชิงชิวต้องอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกหน่วยรักษาความปลอดภัยฟังอยู่พักหนึ่ง แต่พออธิบายจบชิงชิวก็พบว่ารถไฟมาถึงเมือร้อยแปดอสูรเสียแล้ว
“โถ่ โดนกวนจนไม่ได้ไปสำรวจบนรถไฟเลย”ไป๋หลินบ่นพลางเดินลงมาจากรถไฟด้วยท่าทีอารมณ์เสีย ยางกะว่าจะเดินไปดูรอบๆเสียหน่อย กลับโดนพวกน่ารำคาญเข้ามากวนจนไม่มีโอกาสออกไปเสียด้วยซ้ำ
“เอาน่า เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”ไป๋ไป่ว่าพลางถอนหายใจออกมา
“ครั้งหน้า….”ชิงชิวทวนคำพลางมองมาทางไป๋ไป่ด้วยท่าทีจับผิด
“เจ้าได้ยินเป็นครั้งหน้าเหรอ ข้าบอกไป๋น้อยว่าช่วยไม่ได้ต่างหาก”ไป๋ไป่ว่าพลางหลบสายตาของชิงชิว
“องค์หญิง หวังว่าท่านจะไม่แอบขึ้นรถไฟอีกนะขอรับ ถ้าเจ้าพวกนั้นมีคนฝีมือสูงๆละก็…”ชิงชิวต่อว่าพลางมองไปทางไป๋หลินด้วยท่าทีเป็นห่วง
“ในอาณาจักรนี้นอกจากพวกท่านพ่อกับพี่ไป๋ไม่มีใครที่ข้ากลัวหรอก”ไป๋ไป่ว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ 6 ปีมานี่ไป๋ไป่เลื่อนเป็นระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 แล้ว แน่นอนว่าพวกพ่อๆของนางเองก็เลื่อนขึ้นมาเช่นกัน แม้จะช้ากว่าไป๋ไป่ที่เป็นอสูรระดับบรรพกาลตั้งแต่แรกเกิดก็ตาม แต่ถึงพวกท่านจะไม่เลื่อนขึ้นมานางก็ไม่กล้าขัดพวกท่านอยู่ดี
“……..”ชิงชิวไม่ทราบจะเชื่อดีหรือไม่ แต่ไป๋ไป่ก็จัดการเจ้าพวกนั้นได้ในพริบตา แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“องค์หญิง ถึงจะสู้ได้ก็เถอะ แต่องค์จักรพรรดิต้องเป็นห่วงท่านแน่ๆถ้าท่านรู้ว่ามีพวกรีดไถมาหาเรื่ององค์หญิง”พอได้ยินแบบนั้นไป๋หลินก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีน่ารัก
“งั้นท่านก็อย่าบอกท่านพ่อก็พอแล้ว”ไป๋หลินพูดออกมาด้วยท่าทีน่าเอ็นดู แน่นอนว่านางแฝงพลังของราคะเข้าไปด้วย
“ไป๋หลิน….”อยู่ๆที่ด้านหลังของนางก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำเอาไป๋หลินสะดุ้งโหยง
“ทะ ท่านลุงเว่ย”ไป๋หลินหันกลับไปมองชายร่างสูงที่เดินออกมาจากกลุ่มผู้คนด้วยท่าทีประหม่า นางรีบเดินเข้าไปหลบหลังไป๋ไป่ทันทีที่ทราบว่าผู้มาคือหยงเว่ยนั่นเอง
“เจ้าใช้พลังมารอีกแล้วนะ”หยงเว่ยดุพลางเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าไป๋ไป่
“ขะ ข้าเปล่านะ”ไป๋หลินส่ายหน้าพลางหลบสายตาของหยงเว่ย
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน”หยงเว่ยถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโหดเหี้ยว ทำเอาไป๋หลินได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ข้าขอโทษ”ไป๋หลินก้มหัวลงพลางทำหน้าสำนึกผิดออกมาทันที หยงเว่ยเป็นมารที่มีพลังของมารทั้ง 6 และตำรามารอีกเกือบ 80 เล่ม ทำให้ตอนนี้พลังมารของมันสูงกว่าพลังอสูรของไป๋ไป่เสียอีก นับเป็นบุคคลที่น่ากลัวที่สุดในอาณาจักรอู๋คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญหยงเว่ยไม่โดนผลของราคะแถมไม่โดนผลของพลังดึงดูดอสูรของไป๋หลินอีกต่างหาก ทำให้หยงเว่ยเป็นคนที่ไป๋หลินเกรงอกเกรงใจอย่างมาก
“ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าใช้พลังมารเพื่อประโยชน์ของตนเอง”หยงเว่ยว่าพลางก้มลงมองไป๋หลินด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้ไป๋หลินจะอายุ 12 แล้วแต่นางก็ยังไม่มีอาการเหมือนโดนราคะเข้าครอบงำแต่อย่างไร เพียงแต่ยังไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย หยงเว่ยเลยไม่อยากให้ไป๋หลินใช้พลังมารเสียเท่าไหร่
“ท่านลุงเว่ย ท่านมาที่เมืองร้อยแปดอสูรมีเรื่องอะไรหรือ”ไป๋หลินเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามหยงเว่ยแทน ทำให้หยงเว่ยถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
“ข้ามาหาหงเยว่”หยงเว่ยตอบพลางลุกขึ้นยืน ตอนนี้หงเยว่รับหน้าที่ดูแลกลุ่มนักล่าอสูร เวลาหยงเว่ยมารับยาก็มารับกับหงเยว่แทนมานานแล้ว
“ข้าเองก็จะไปหาท่านตาเหมือนกัน เราไปด้วยกันดีไหมเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีน่ารักน่าชัง ทำให้หยงเว่ยส่ายหน้าก่อนจะลูบหัวไป๋หลินเบาๆ
“ก็ได้ แต่เรื่องเจ้าโดนหาเรื่องบนรถไฟกับใช้พลังมารกับองครักษ์ใหม่ก็ต้องบอกพ่อเจ้าอยู่ดีเข้าใจไหม”หยงเว่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทำเอาไป๋หลินหน้าซีดทันที
“ท่านลุง….”ไป๋หลินทำหน้าอ้อนพลางกระตุกชายเสื้อหยงเว่ยเบาๆ
“ไม่ได้ เจ้าทำผิดก็ต้องรับโทษ”หยงเว่ยพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉยไม่โอนอ่อนต่อท่าทีของไป๋หลินแต่อย่างไร
“ท่านลุงอ่า..”ไป๋หลินคอตกเมื่อรู้ว่าตนจะโดนแฉอย่างแน่นอน นางมองไปทางไป๋ไป่เหมือนจะขอความช่วยเหลือ แต่ไป๋ไป่กลับส่ายหน้าเบาๆเหมือนจะปฏิเสธว่าตนเองก็ช่วยอะไรไม่ได้
“เจ้าหนุ่ม”หยงเว่ยพูดพลางมองมาทางชิงชิว
“ขะ ขอรับ”ชิงชิวตอบรับพลางยืดตัวตรง เห็นได้ชัดว่าหยงเว่ยเป็นคนที่มีอำนาจพอจะต่อว่าองค์หญิงได้ ตัวมันย่อมไม่ใช่คนธรรมดาที่มันจะลบหลู่ได้อย่างแน่นอน
“เจ้าเป็นองครักษ์ของไป๋หลินใช่หรือไม่”หยงเว่ยถามพลางมองชิงชิวนิ่ง
“ขะ ขอรับ ข้าเป็นองครักษ์ขององค์หญิงขอรับ”ชิงชิวตอบด้วยท่าทีไม่มั่นใจนัก มันพลังวิญญาณอ่อนด้อย แทบปกป้องอะไรไป๋หลินไม่ได้เลย ควรบอกว่าองครักษ์จริงๆของไป๋หลินคือไป๋ไป่เสียมากกว่า ส่วนตัวมันก็แค่หมาตามกลิ่นเท่านั้น
“เอานี่ไป”หยงเว่ยพูดพลางยื่นตำราเล่มหนึ่งให้ชิงชิว
“ท่านลุง!!”ไป๋หลินสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นตำราในมือของหยงเว่ย
“เรียนมันเอาไว้ เจ้าจะได้ไม่โดนนางล่อลวงอีก”หยงเว่ยหัวเราะพลางมอบตำราเทวะปราบมารให้กับชิงชิว ในเมื่อมารทั้งหมดอยู่กับหยงเว่ยแล้วยกเว้นไป๋หลิน วิชานี้ก็สมควรมอบให้คนที่อยู่ใกล้ชิดไป๋หลินที่สุดถึงจะถูก
“ท่านลุงเวยใจร้าย ท่านเป็นยักษ์แน่ๆ”ไป๋หลินโวยวายพลางทุบอกหยงเว่ยไปหลายที แต่กำลังของไป๋หลินมีหรือจะทำอะไรหยงเว่ยได้ มันหัวเราะพลางมองท่าทีงอแงของไป๋หลินอย่างอารมณ์ดี ช่วยไม่ได้นี่นาพลังของนางโกงเกินไปถ้าไม่มีคนคอยดูแลก็แย่กันพอดี