ในสายตาของ ThornyRose นั้น CompassionateStar เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก เธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่แม่มักจะเล่าให้เธอฟัง ความนิยมของเธอสูงกว่าของ MistyVeil เสียอีก แม่ของเธอมักจะพูดอย่างแดกดันว่า ‘จะดีมากถ้ากงซุนเฉียนเป็นลูกสาวของเรา’ และมีสิ่งต่างๆคล้ายกับเธอ ตอนนี้ ThornyRose เฝ้าดู CompassionateStar นอนคว่ำหน้าลงด้วยน้ำตาที่เจิ่งนองบนใบหน้าของเธอ ดวงตาทั้งสองข้างของเธอว่างเปล่าและดูไร้วิญญาณ ThornyRose รู้สึกเศร้าอย่างสุดหัวใจ อันที่จริงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นศัตรูกันมาเป็นเวลาหลายปี แต่พวกเธอได้ใช้เวลาในการเล่นด้วยกันเมื่อตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็ก CompassionateStar เป็นเหมือนกับพี่สาวของเธอ เธอเป็นคนที่แข็งแกร่ง ตัวละครของเธอก็ยอดเยี่ยม และเธอก็ยังมีความสามารถมากอีกด้วย ถึงแม้ว่า ThornyRose จะไม่ต้องการยอมรับความสามารถของเธอ แต่ความสามารถของ CompassionateStar ก็อยู่เหนือตัวเธอมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถดึงดูดผู้คนมากมายให้ติดตามเธอได้ และ ThornyRose ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปอิจฉาเธอด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดที่ Thornyrose มองเห็นได้ในขณะนี้เป็นเพียงผู้หญิงที่เต็มไปด้วยบาดแผล และรอยฟกช้ำมากมาย เธอไม่หลงเหลือความสามารถ หรือความน่ายำเกรงใดๆอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่คือ CompassionateStar ยังคงเป็นพี่สาวของเธอตลอดไป เธอหันกลับไปมองตรงห้องพักนักกีฬาของเธอ เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนกันนะ? การเอาชนะศัตรูควรจะเป็นเรื่องทีมีความสุขสิ แต่ ThornyRose รู้สึกไม่มีความสุขเอาซะเลย

FrozenBlood และ ElegantFragrance ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่น กงซุนเฉียนดำรงอยู่ในฐานะศัตรู และเพื่อนของเธอมาเสมอ เย่ฉางพูดขึ้นมาอย่างไม่คาดคิดว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการแข่งขันแบบทีม ดังนั้นฉันจะไปเลคเชอร์รอที่ห้องพักแล้วกัน”

จากนั้นเขาก็หันกลับไป และเดินไปที่ห้องพักนักกีฬา ThornyRose รู้สึกหมดหนทาง ‘นายเพียงแค่ขี้เกียจเท่านั้นแหละ! อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีเจ้าหมียักษ์, เย่เทียน และหลินหลี่อยู่ ทั้งสองคนถูกเธอเรียกว่าเอซ ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงมีความดื้อรั้นเป็นอย่างมาก!’ “เราลืมพวกนี้กันก่อนเถอะ ในการต่อสู้แบบทีมก็จะมีฉัน เจ้าหมียักษ์, เย่เทียน, FrozenBlood, ElegantFragrance ส่วนหลินหลี่นายจะเป็นคนที่ 6 ของพวกเรา”

ในห้องพักนักกีฬา

เย่ฉางเห็น SpyingBlade สวมใส่หน้ากากอีกครั้งเมื่อเขาเดินเข้ามา “นายรักเธอใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นนายคงจะไม่แก้แค้นเธอแบบสายฟ้าแลบแบบนี้หรอก…”

“ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย…” SpyingBlade พูดอย่างไม่มีความสุข

“นายพูดถูกแล้ว นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน แต่เราเราก็รู้จักกันมานาน และแม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดได้ว่าฉันเข้าใจนาย แต่นายก็ไม่ใช่คนที่ทรยศคนอื่นโดยไร้เหตุผลเช่นนี้ แต่ฉันรู้ว่าอย่างน้อยหลินหลี่ก็ชอบนาย เพราะเรดาร์ของหลินหลี่ไม่เคยผิดพลาดหรอก…” เย่ฉางกอดอก และยิ้มออกมา

“ระหว่างฉันกับเธอมันไม่เหมือนสิ่งที่นายกำลังคิดอยู่หรอก…” SpyingBlade ลังเลใจ ‘เรดาร์ของหลินหลี่?’ เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ทันได้พูดจบก่อนที่เย่ฉาง จะโบกมือให้เขาหยุดพูดก่อน “ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า อย่าทำอะไรที่นายจะต้องเสียใจในภายหลัง บางครั้งเมื่อนายสูญเสียมันไป แม้กระทั้งหินสามชีวิตก็ไม่สามารถนำสิ่งที่นายสูญเสียไปกลับมาได้…”

SpyingBlade มองไปที่การแสดงออกที่โดดเดี่ยวอ้างว้างของเย่ฉาง ‘เรื่องจริง? ผู้ชายคนนี้มีอดีตเช่นนั้นงั้นหรือ?’ เขาจึงถามออกมาด้วยความสงสัย “เรื่องจริงใช่ไหม? เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยได้ไหม”

“ฉันควรจะบอกนายเพียงเพราะนายขอให้ฉันเล่างั้นหรือ? ฉันเข้ามาเตือนนาย เพราะฉันไม่ต้องการเห็นความเสียใจของผู้หญิงคนนั้น…” เย่ฉางตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี

SpyingBlade อยากบอกความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจของเขา บางทีอาจเป็นเพราะเขากำลังจะตาย ดังนั้นเขาจึงต้องการให้คนอย่างน้อยสักคนหนึ่งรับรู้เกี่ยวกับความคิดของเขา ก่อนที่เขาจะตายจากไป SpyingBlade ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกผู้ชายคนนี้ คนที่พยายามจะแทงเขาจากข้างหลังเสมอ แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ทำให้ผู้คนมากมายเชื่อมั่นในตัวเขา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เลือกที่จะพูด “ความลับแลกความลับ?”

“นายเริ่มก่อนเลย…” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย แต่ SpyingBlade กลับรู้สึกว่าจิตวิญญาณแห่งการซุบซิบของเย่ฉางเกิดการเผาไหม้ลุกโชนขึ้นมา “เราจะสับเปลี่ยนกันเล่าความลับของเราในแต่ละครั้ง ไม่อย่างนั้นลูกสาวของนายจะเกิดมาพร้อมกับดุ้น และลูกชายของนายจะมีรูสองรู”

“ช่างเป็นคนที่ชั่วร้ายอะไรอย่างนี้…” เย่ฉางพูดพร้อมกับหลั่งเหงื่อที่เย็นเยียบออกมา

“นายเชื่อไหมว่าคนที่รู้ว่าเขากำลังจะตายจะสามารถระเบิดศักยภาพที่น่าหวาดกลัวออกมาได้?” SpyingBlade ยิ้ม

เย่ฉางพยักหน้า ลักษณะการฝึกฝนของเขาเองก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อมีใครที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติหรือความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา แต่พวกเขามีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญกว่าชีวิตของตัวเอง ดังนั้นเพื่อปกป้องผู้คนบางคน พวกเขาจะสามารถระเบิดพลังที่ไม่สามารถจินตนาการออกมาได้ เหมือนกับ Cold Moon ซึ่งต้องแลกเปลี่ยนกับการอารมณ์ทางการแสดงออกของเธอ

“ฉันเป็นเช่นนั้น ก่อนที่ฉันจะรู้ว่าฉันเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ฉันเป็นเพียงแค่คนปกติที่ปรารถนาจะมีชีวิตอย่างปกติ ฉันชอบที่จะใช้ชีวิตเรียบๆสบายๆ และสิ่งที่ฉันต้องการก็คือความเงียบสงบ ครึ่งชีวิตของฉันดำเนินชีวิตไปแบบธรรมดาโดยไม่มีศัตรูและไม่มีเพื่อนสนิทเลยสักคน สำหรับฉันแล้วการมีชีวิตเป็นเพียงบางอย่างที่ฉันต้องทำ และฉันต้องการที่จะรักษาชีวิตให้ราบเรียบและมั่นคง ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องไปทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย และก็ไม่จำเป็นต้องไปยั่วยุใคร ฉันทำงานพาร์ทไทม์ และควรที่จะต้องแต่งงานกับภรรยาธรรมดาๆคนหนึ่ง จากนั้นก็มีลูกสักหนึ่งคน ฉันจะผ่านวันธรรมดาของฉันโดยไม่มีหนี้สิน ฉันคิดว่าชีวิตแบบนั้นคงดีมากอย่างแน่นอน” SpyingBlade ถอดหน้ากากของเขาออกอีกครั้ง และเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

เย่ฉางพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ตราบเท่าที่เขายังสามารถใช้ชีวิตตามปกติกับซินหยู่ และอาเฉียงได้ล่ะก็นะ แต่โชคชะตาก็พรากชีวิตของผู้หญิงที่เขารักจากไป เขามองไปที่ SpyingBlade ที่มองย้อนกลับมาที่ตัวเขาเอง “เล่าต่อสิ…”

“มันถึงตาของนายแล้ว!” SpyingBlade เตือนเขา

“เอ๊ะ ฉัน… ฉันไม่ต่างอะไรกับตัวนายเลย ต่างกันตรงที่ว่าฉันเป็นเด็กกำพร้า ฉันถูกทิ้งให้ลอยไปตามแม่น้ำ และถูกพบเจอโดยคุณยายของฉัน เพราะรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของฉันจึงทำให้ทุกๆคนมักจะอิจฉาฉัน ดังนั้นหลายๆคนมักขว้างปาไม้และก้อนหินใส่ฉัน แต่คุณยายสอนฉันให้เป็นคนดี ดังนั้นฉันจึงไม่ไปตัดศีรษะของพวกเขา…” เย่ฉางยักไหล่ SpyingBlade หลั่งเหงื่อออกมา ‘เฮ้ นายต้องทำให้มันฟังดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง!?’ “แล้วสีผมของนายในโลกเสมือนเป็นเหมือนสีผมของนายในโลกจริงงั้นหรือ?”

เย่ฉางพยักหน้า ตอนนี้ SpyingBlade ก็ได้รับรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร นักเต้นจิตวิญญาณของเมืองหลินไห่, สุภาพบุรุษปีศาจ และยังเป็นคนที่เต้นรำได้อย่างน่าโศกเศร้ามากอีกด้วย “ต่อจากนั้นหละ…?”

“ถึงตาของนายแล้ว…” เย่ฉางตอบกลับไป

“ชีวิตฉันควรจะเป็นเหมือนคนปกติธรรมดา ในวันที่ฉันสัญญาว่าจะไปตามนัดบอดที่พ่อแม่ของฉันได้หาเอาไว้ให้ วันนั้นฉันก็ได้รับรายงานสุขภาพของฉันเช่นเดียวกัน ฉันเป็นโรค ALS กล้ามเนื้อของฉันลีบและหดเกร็ง มันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย นายทำได้แค่เพียงมองดูตัวเองสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนย้าย และความรู้สึกต่างๆไปอย่างช้าๆ ในเวลานั้นฉันนั่งอยู่ในห้อง และคบคิดกับตัวเองเป็นเวลานาน ว่าทำไมฉันถึงต้องมีอาการเจ็บป่วยที่หายากแบบนี้ด้วย? ฉันเป็นคนธรรมดาสามัญไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปลักษณ์หรือความสามารถ หรือแม้แต่วิชาการ ทำไมสวรรค์ถึงต้องการที่จะลิดรอนสิทธิ์ในการมีชีวิตของฉันด้วย? ในเวลานั้นฉันมีแต่ความโกรธเกรี้ยว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันควรจะโกรธแค้นใครดี พระเจ้างั้นหรือ? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระเจ้ามีอยู่จริงหรือไม่ คนอื่นๆงั้นสิ? ฉันไม่ได้เกลียดใคร ฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติ จนฉันไม่มีคนที่รัก หรือคนที่เกลียดเลยสักคน จนกระทั่งฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งในสมัยเรียน ฉันได้สารภาพรักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยงามราวกับว่าเธอหลุดออกมาจากภาพวาด แต่ฉันถูกเธอปฏิเสธ และถูกทุกคนล้อเลียนฉัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจที่จะให้เธอเป็นคนชดใช้ เพื่อทำให้เธอรู้สึกว่าราวกับว่าจะถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลนี้ฉันจึงไม่ได้สนใจชีวิตของฉันอีกต่อไป ในที่สุดเธอก็ตกหลุมรักฉัน และฉันก็ไม่สามารถถอนตัวไปจากเธอได้ เธอเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดี…” SpyingBlade พูดแล้วก็หยุดลงที่ตรงนั้น เขามองไปที่เย่ฉางเพื่อแสดงให้เห็นว่าถึงตาของเขาแล้ว

เย่ฉางได้รับรู้เรื่องราวในชีวิตของเขาเพิ่มขึ้นมาไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยด้วยเช่นกัน “เอาล่ะ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไปก่อนนะ…”

SpyingBlade ลุกขึ้นยืนคว้าจับไปที่ไหล่ของเย่ฉาง และเรืองแสงสีดำออกมาทันที “เราตกลงกันแล้ว หนึ่งแลกหนึ่ง…”

“ทีมของพวกเรากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดที่สนาม ฉันเป็นเอซ ดังนั้นฉันจึงต้องไปสแตนด์บายรอนะ…” เย่ฉางลูบคางและพูดออกมาอย่างจริงจัง

“นายสามารถดูการออกอากาศจากที่นี่ได้ การแข่งขันมันเริ่มขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับนายอีกต่อไป” SpyingBlade หัวเราะเยาะ