ชูฮันเผยรอยยิ้มกว้างออกมา ทว่าทั้งสามคนที่ได้เห็นกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด กลับกันพวกเขายิ่งรู้สึกขนลุกขึ้นกว่าเดิม
พัฟ!
เสี้ยววินาทีต่อมา มีดในมือชูฮันก็แทงเข้าที่คิ้วของชายวิวัฒนาการระยะ 5 ทันที เลือดพุ่งกระเซ็นราวกับน้ำพุ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นพร้อมกับแววตาที่สั่นระริกด้วยความกลัว จมูกยังคงหายใจแต่มันเหมือนกับวิญญาณได้หลุดออกไปจากร่างแล้ว
ก่อนที่ความตายจะมาเยือน ทันใดนั้นวิวัฒนาการระนะ 5 ก็นึกถึงปัญหาที่คาอยู่ในใจขึ้นมาก่อน…เขายังไม่มีโอกาสได้รู้คำตอบนั่นเลย?
ทำไมชูฮันถึงไม่ถามว่าเขาคือใคร?
ชูฮันที่ไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทำการฆ่า ดึงมีดที่เสียบลงไปที่คิ้วของวิวัฒนาการระยะ 5 ขึ้นมาและนำมันไปปาดกับเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อเช็ดทำความสะอาด ครั้งนี้ชูฮันจงใจแทงเข้าไปที่กลางหน้าผากลึกจนอีกฝ่ายตายคาที่ เขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรมากมาย รู้แค่ว่ามันคือค่ายเถาจินก็พอแล้ว
ส่วนไอ้วิวัฒนาการระยะ 5 นี่ ชื่อของมันคืออะไร ประวัติของมันเป็นอย่างไร?
ชูฮันไม่สนใจเลยสักนิดเดียว ค่ายเถาจินมีขนาดเล็กกว่าค่ายเจียนอี๋ด้วยซ้ำแต่กลับมีคนจำนวนเยอะกว่าค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่ค่ายเถาจินไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของซางจิง มันเป็นค่ายที่เหล่าผู้รอดชีวิตก่อตั้งกันขึ้นมาเองจนพัฒนาเป็นแข็งแกร่ง
การที่พัฒนาเติบโตมาจนมีขนาดได้มากขนาดนี้ ต้องบอกเลยว่าผู้นำของค่ายนี้มีความสามารถไม่ธรรมดา แต่เป็นเพราะมันเติบโตอย่างรวดเร็วเกินไป แถมไม่มีกฏเกณฑ์ในการปกครอง ดังนั้นค่ายซางจิงที่ตอนแรกพยายามทำการตรวจสอบจึงล้มเลิกไป ซางจิงละทิ้งค่ายเถาจินและปล่อยให้มันปกครองดูแลตัวเอง ดังนั้นมันจึงไม่มีกองทัพในค่ายเถาจินเลย
ส่วนสำหรับระดับของความวุ่นวายนั้น?
มันโกลาหลยิ่งกว่าในพื้นที่ผู้ลี้ภัยของค่ายที่ยากจนและลำบากที่สุดซะอีก มันมีการฆ่าและปล้นสะดมไปทั่วทุกที่ในค่ายเถาจิน มันคือด้านมืดมนที่สุดของโลกาวินาศ
ในค่ายเถาจิน ผู้หญิงทุกคนมีค่าเท่ากับโสเภณี รวมถึงเด็กผู้หญิงที่อายุไม่ถึงสิบขวบ แม้จะขัดขืนก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ค่ายเถาจินก็เป็นเช่นนี้ มันพัฒนาไปจนถึงก่อตั้งประเพณีใหม่ขึ้นเอง
คนแก่ที่มีอายุเกิน 60 ปีถือว่าตายไปนานแล้วสำหรับค่ายเถาจิน พวกเขาจะถูกโยนออกไปข้างนอกเป็นเหยื่อล่อซอมบี้ สำหรับคนที่แข็งแกร่งและเหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ค่ายเถาจินเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับคนพวกนี้ ทุกคนจะได้ทุกอย่างตามต้องการ
และเป็นเพราะว่ามันไม่มีกฏระเบียบหรือข้อบังคับใดๆในการจัดการควบคุม ค่ายเถาจินจึงมีความวุ่ยวายและโกลาหลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่มันก่อตั้งค่ายขึ้น มันได้อยู่ในโหมดที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการใช้ชีวิต ไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมเลย มันสกปรกโสมมเหม็นเน่าจนเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้
ส่วนผู้นำค่ายเถาจิน ทำไมมันถึงต้องมาจัดการชูฮัน?
มันง่ายมาก เพราะค่ายเถาจินอยู่ในขอบเขตการปกครองของเมืองอันลู การปรากฏตัวของชูฮันและการขยายของค่ายเขี้ยวหมาป่านั่นส่งผลกระทบโดยตรงต่ออีกฝ่ายที่ต้องการเป็นหัวหน้า เป็นเจ้าครองบริเวณ แต่ตัวตนของชูฮันในฐานะพลเอก ทำให้ค่ายเถาจินที่อยู่ใต้ขอบเขตอำนาจของชูฮัน ทำให้พวกมันมีแค่สองทางเลือก…ยอมจำนนไม่ก็ต้องฆ่าชูฮันทิ้ง
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเลือกอย่างหลัง พวกมันไม่ต้องการโค้งคำนับให้ชูฮัน
ชูฮันสังเกตถึงตัวตนของค่ายนี้มาก่อนนานแล้ว เขาได้รวบรวมข้อมูลของกองกำลังโดยรอบทั้งหมดในขอบเขตค่ายอันลูไว้ แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงทำอะไรเพราะเขาไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้อีกฝ่ายเลย
“หึ!”
ฉันไม่กลัว!
หลังจากได้ข้อมูลแล้ว ชูฮันก็ลุกขึ้นยืน หันไปมองหลิงและเหลียวหยง ชี้นิ้วไปที่แมลงสาบซอมบี้ที่พื้น แต่ยังไม่ทันที่ชูฮันจะได้เอ่ยปาก—-
อ้วก!
เหลียวหยงหันหน้าไปอีกแล้วเริ่มอ้วกออกมา
หลิงที่ยืนอยู่ข้างๆพยายามระงับอาการคลื่นไส้ของตัวเองเอาไว้ เขาสบตากับชูฮัน
ดูเหมือนชูฮันจะทำร้ายแค่คนที่ดูถูกเขาและเมื่อต้องการความจริงเท่านั้น ชูฮันไม่ทำร้ายใครก่อนซึ่งหลักการนี้ของชูฮันทำให้ทั้งคู่รู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ ไม่ใช่แค่ชื่นชมเท่านั้นแต่ความกลัวได้ก่อตัวขึ้นอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ในใจของพวกเขาเช่นกัน
ตั้งแต่แรกเริ่มที่ชูฮันพูดกับวิวัฒนาการระยะ 5 ว่า *‘ถ้าแกไม่พูดฉันก็เดาไม่ออก’*เพื่อปล่อยให้อีกฝ่ายปล่อยวางความระแวงลง และเปลี่ยนความสนใจไปที่แมลงซอมบี้แทนเพื่อจงใจอีกฝ่ายคิดว่าชูฮันไม่ได้สนใจแล้ว ปล่อยอีกฝ่ายวางใจและในที่สุดก็พลิกเข้าสู่ความกลัวจนขึ้นสมอง มันทำให้อีกฝ่ายไม่มีสติได้คิดหาช่องทางหนีหรือคิดอะไรไม่ออำกทั้งนั้น จนต้องยอมจำนน
แม้ว่าชูฮันจะใช้น้ำเสียงนิ่งๆและท่าทางสงบๆตั้งแต่แรกจนจบ แต่ยิ่งสงบมากเท่าไหร่มันยิ่งทำให้คนอื่นใจสั่นมากเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมือทั้งสองข้างของชูฮันใช้มีดผ่าแมลงซอมบี้อยู่ตรงหน้า ท่าทางของชูฮันนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย การใช้ความกดดันทางจิตใจของชูฮันทำให้ความกลัวของคนไต่ขึ้นถึงระดับสูงสุดได้
ความสงบนิ่งของชูฮันทำให้ทุกคนเชื่อว่าแม้ชายวิวัฒนาการระยะ 5 จะไม่พูดอะไรเลย ผลสุดท้ายแล้วยังไงชูฮันก็จะให้มันเป็นอาหารของแมลงซอมบี้อยู่ดี
ทีละขั้นๆ ค่อยๆกดดันทางจิตใจ ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที อีกฝ่ายก็ยอมบอกข้อมูลทุกอย่างที่รู้จนหมดเปลือก
หลังจากกลั่นกรองทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ ทันใดนั้นหลิงก็ถอยหลังไปตามปฏิกิริยาของจิตใจสำนึก ความกลัวของหลิงที่มีต่อชูฮันได้พุ่งถึงระดับสูงสุด และปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงก็ทำให้เหลียวหยงที่อยู่ข้างๆกำลังอ้วกชะงักไปทันที
เหลียวหยงเงยหน้าขึ้นมองหลิงอย่างอธิบายไม่ถูก ชูฮันได้เห็นใบหน้าซีดเซียวและเหงื่อพลั่กของอีกฝ่าย เขาไม่คิดเลยว่าเหลียวหยงจะพลิกสถานการณ์โดยกลับไปอ้วกต่อ มันเป็นภาพที่น่าแขยงสำหรับชูฮันมากจริงๆ…
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของทั้งสองคน ชูฮันก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ บุคลิกของเหลียวหยงนั้นดูออกง่ายกว่า ด้วยสายตาของชูฮัน เขาสามารถมองทะลุผู้ชายคนนี้ออก สามารถวิเคราะห์การกระทำได้จากพฤติกรรมก่อนหน้า
ทว่า…
ไม่นานแววตาล้อเลียนของชูฮันก็ต้องสลายไปทันที ถึงแม้เขาจะสามารถคาดเดาได้แต่เขาก็ไม่สนใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวเขาหรือไม่ ที่ชูฮันต้องการคือผลลัพธ์ ซึ่งทำให้ทั้งสองคนหวาดกลัวต่อเขา
ผลลัพธ์นี้จะแพร่กระจายไปในทีมของทั้งสองคน ความกลัวจะขยายบริเวณกว้างขึ้นและผลสรุปที่ได้ก็คือความกลัวที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่นานสมาชิกทั้ง 50 ก็จะสัมผัสได้ถึงความกลัวในจิตใต้สำนึกของตัวเอง ไม่เหมือนกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า เพราะทีมหลงยาและฮูหยาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชูฮันอย่างสมบูรณ์แบบ
มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความเชื่อและความซื่อสัตย์ของทีมหลงยาและฮูหยาโดยตรง แต่มันไม่ยากที่จะทำให้พวกเขาเชื่อฟัง แม้เหอเฟิงจะไม่เห็นด้วยกับบางคำสั่งแต่ทั้งสองทีมจะเชื่อฟังชูฮันจากจิตใจ้สำนึก
มันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต? เขาไม่รู้ว่าเขาจะมีปัญหาขัดแย้งกับเหอเฟิงมั้ย เขาไม่รู้อะไรเลย แต่ความกลัวที่มีต่อเขาจะฝังลึกลงในใจของทั้ง 50 คน และชูฮันได้ฝังมันลงลึกไปแล้ววันนี้
ในเมื่อเขาบรรลุจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้แล้ว ชูฮันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ชูฮันปล่อยให้หลิงและเหลียวหยงเป็นคนจัดการร่างของชายวิวัฒนาการระยะ 5