ตอนที่ 660 ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 660 ใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง
เธอยิ้มบาง ไม่ได้สนใจอะไรมากแล้วก็ปิดโทรศัพท์เตรียมตัวจะพักผ่อน

เช้าวันต่อมา ซูฉิงที่อารมณ์ดีเลยตื่นแต่เช้า และเธอที่พึ่งจัดการตัวเองเสร็จก็มีคนโทรมา

เธอมองดูก็เห็นว่าเป็นหมิงหยุนชาง

ซูฉิงคิ้วขมวด หมิงหยุนชาง เธอโทรหาตนตอนนี้ทำไม

พอคิดถึงเรื่องวันนี้ ซูฉิงที่คิดจะกดตัดสาย แต่ก็เป็นห่วงว่าหมิงหยุนชางจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เลยต้องกดรับสาย

“ฮัลโหล”

ซูฉิงพูดเสียงเรียบไปตามสาย

“ตื่นแล้วหรอ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านขนมวานข้างล่างบ้านของเธอ วันนี้มีเมนูออกใหม่อยากจะชิมมั้ย”

ซูฉิงที่เห็ยหมิงหยุนชางมาทำเป็นมีน้ำใจก็รู้สึกไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพึ่งตื่น”

“ไม่เป็นไร กินขนมหวานจะได้อารมณ์ดีไง”

ซูฉิงที่ได้ยินหมิงหยุนชางพูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ซูฉิงก็เกือบคิดว่าหมิงหยุนชางเป็นคนอย่างนี้

เธอส่ายหน้าเบาๆ แล้วก็สวมเสื้อยืดแล้วลงไปหาหมิงหยุนชาง

“ทางนี้!”

ซูฉิงที่พึ่งเดินเข้าไปในร้านขนมหวานก็ได้ยินเสียงเรียกของหมิงหยุนชาง แววตาของเธอดูนิ่งเฉย แล้วเดินไปทางหมิงหยุนชาง

หมิงหยุนชางเห็นซูฉิงหน้าเชิด ก็รู้สึกอิจฉา ตอนที่ตนออกมานั้นก็ได้แต่งตัวมาอย่างดี แต่ดูการแต่งตัวของซูฉิงที่แต่งหน้าธรรมดา ก็อดที่จะโทษตัวเอง

“เธอพึ่งตื่นใช่มั้ย ฉันสั่งเมนูออกมามาแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะชอบมั้ยลองชิมดูสิ”

หมิงหยุนชางยิ้มเล็กน้อยแล้วยื่นขนมหวานให้กับซูฉิง

แต่ซูฉิงทำเพียงแค่พยักหน้ารับขนมหวานมา และบังเอิญเห็นหมิงหยุนชางกดโทรศัพท์อยู่หลายครั้ง

“เธอทำอะไรหรอ ทำไมดูยุ่งจัง”

ห๊า ไม่มีอะไรนี่”

พอพูดมาถึงตอนนี้หมิงหยุนชางก็รีบวางโทรศัพท์ลง แต่ซูฉิงก็มองเห็นหมิงหยุนชางโพสต์ข้อความลงไปในเวยป๋ออย่างบ้าคลั่งผ่านกระจกที่สะท้อนอยู่ด้านหลังของเธอ

และเหมือนว่าเวยป๋อที่เธอใช้จะไม่มีรูป ดูแล้วน่าจะเป็นบัญชีที่พึ่งสมัครเข้ามา

หมายเลขบัญชีว่าง………

ทำให้ซูฉิงฉุดคิดได้ว่า หมายเลขบัญชีเวยป๋อที่เข้ามาโจมตีตนนั้นเหมือนจะเป็นหมายเลขบัญชีว่าง แม้แต่ชื่อก็เขียนมั่วๆ

เธอมองดูหมิงหยุนชางที่ยิ้มให้ แต่ก็แอบรู้สึกรนอยู่ในใจ

คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำอย่างนี้กับตน และชื่อบัญชีของเวยป๋อก็มีมากมาย เธอก็คงจะไปจ้างคนด้วย

ซูฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อยมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า

หมินหยุงชางที่ถูกเธอมองก็รู้สึกรน รีบพูดหาข้ออ้างเพื่อที่จะออกไปจากร้านขนมหวาน

ซูฉิงมองเบื้องหลังของหมิงหยุนชางที่ค่อยๆ หายไป แล้วก็เดินไปห้องน้ำพร้อมทั้งอาเจียนขนมหวานออกมา

หมิงหยุนชางตั้งใจให้เธอลงมาหาเพื่อมากินขนมหวาน จานกั้นก็ไม่มีธุระอะไรเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ

คิดมาถึงตอนนี้ แววตาสีดำของเธอก็ดำมาก แล้วก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ร้านขนมหวาน :”สวัสดีค่ะ เหมือนฉันจะทำสร้อยหาย ไม่รู้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน ฉันขอดูกล้องวงจรผิดได้มั้ยคะ”

พนักงานเคาน์เตอร์ก็เดินนำซูฉิงไปห้องวงจอปิด ซูฉิงตรวจดูกล้องวงจรปิด กล้องส่องไปหมิงหยุนชางพอดี และก็สามารถดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอได้อย่างชัดเจน

หมิงหยุนชางได้เขียนข้อความในโทรศัพท์นั้นก็เห็นอย่างชัดเจน และซูฉิงก็ถือโอกาสตอนที่พนักงานไม่สนใจ ตัดวิดีโอส่วนนี้แล้วก็ส่งเข้าไปในโทรศัพท์ของตน

มีคลิปวิดีโออยู่ในมือแล้ว ซูฉิงก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ทำหน้าเศร้า :”ขอโทษด้วยนะคะ ฉันน่าจะลืมไว้ที่บ้าน”

พนักงานก็บอกว่าไม่เป็นไร จากนั้นซูฉิงก็ถือขนมหวานที่หมิงหยุนชางยิ่นให้เมื่อกี้กลับขึ้นไปบนบ้าน

พอซูฉิงเข้ามาถึงบ้าน ก็ดูความเคลื่อนไหวของโทรศัพท์หมิงหยุนชาง

ทันใดนั้นเอง เธอก็เห็นว่าโทรศัพท์ของหมิงหยุนชางมีข้อความส่งเข้ามา

เธอหรี่ตามองก็เห็นข้อความเขียนว่าเย่ซี

ภาพที่เห็นทำให้ซูฉิงเลียริมฝีปาก ทำไมเย่ซีถึงได้ติดต่อกับหมิงหยุนชางด้วยละ

นึกถึงใบหน้ารูปไข่ไร้เดียงสาของเย่ซี ซูฉิงก็รู้สึกว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ชอบมาพากลแน่

ซูฉิงรีบมาที่บริษัท แล้วเรียกเย่ซีให้มาหาเธอที่ห้องทำงาน

“เธอมีอะไร เธอไปติดติอกับหมิงหยุนชางตั้งแต่เมื่อไหร่”

เย่ซีอึ้งตกใจ แล้วเอียงหน้าถาม:”หล่อนไม่ใช่เป็นศิษย์พี่ของพี่หรอ เมื่อหลายวันก่อนหล่อนมาหาฉัน แล้วถามว่าพี่มีงานอดิเรกอะไร ฉันคิดว่าไม่มีอะไรก็เลยบอกเธอ”

ซูฉิงคิ้วขมวด มิน่าวันนี้หมิงหยุนชางถึงได้นัดเธอไปที่ร้านขนมหวาน

“หล่อนไม่ใช่คนดี ต่อไปอยู่ห่างๆ เธอไว้”

เย่ซีพยักหน้า รู้ว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว ตอนนี้สำหรับซูฉิงแล้วเหมือนกับเป็นนางฟ้า เธอว่ายังไงก็ว่าตามนั้นไม่มีข้อแม้

“ถ้าหากหล่อนมาหาเธออีก เธอก็ไม่ต้องแหวกหญ้าให้งูตื่นนะ ให้มาบอกฉันก่อน”

เย่ซีตอบรับปาก แต่ไม่นานโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

“พี่เสี่ยวฉิง หมิงหยุนชางี่ะ”

“ไหนดูหน่อย”

ซูฉิงขอให้เธอเปิดให้ดู แต่ใครจะรู้ว่าเย่ซียังไม่ได้พูดอะไร ก็ยืนโทรศัพท์ให้กับซูฉิง

“ฉันรู้ว่าฉันโง่ แต่พี่เสี่ยวฉิงพี่ดูเองเถอะ!”

ซูฉิงยิ้มแล้วรับโทรศัพท์มาดู:”เสี่ยวซี พี่ชายเธอทำไมถึงทำเกินไปอย่างนี้ เมื่อกี้ที่สมาคมจิตรกรรมพู่กันจีนนินทาว่าให้ร้ายให้กับซูฉิง พูดแต่คำไม่รื่นหู!”

ซูฉิงที่อ่านข้อความที่หมิงหยุนชางส่งมาทำให้เย่ซีโกรธโมโห

“อะไรนะ เขากล้าทำเรื่องอย่างนี้หรอ ฉันจะกลับบ้านไปด่าเขา!”

“เดี๋ยวก่อน ”

ซูฉิงรีบห้ามเย่ซีเอาไว้ แล้วก็เคาะหัวเธอเบาๆ:”เธอเป็นคนโง่รึไง หล่อนอยากจะให้เธอไปยั่วยุเย่ซวงถึงได้ทำอย่างนี้ นินทาว่าร้ายฉันหมิงหยุนเฉิงทำน้อยไปรึไง”

เย่ซีลูบหัวพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

จากนั้นซูฉิงก็ทำเลียนเสียงของนเย่ซีแล้วตอบกลับหมิงหยุนชาง:”จริงหรอคะ มันจะมากเกินไปแล้ว! ฉันจะกลับไปด่าเขา แต่ว่า………….”

“แต่ว่าอะไร”

และเป็นอย่างที่คิดไว้ว่าหมิงหยุนชางจะมาไม้นี้

“พ่อแม่ของฉันต่างก็เข้าข้างพี่ชายของฉัน ถ้าฉันไปด่าเขา ไม่แน่ฉันจะต้องถูกพ่อแม่ด่าแน่”

“ไม่เป็นไร ฉันจะให้เงินเธอเอาไปให้พ่อแม่เธอ เธอแค่ด่าพี่ชายเธอก็พอแล้ว!”

ซูฉิงยิ้ม หมิงหยุนชางยังใช้วิธีนี้เพื่อซื้อใจเย่ซี

“ฉันก็ยังไม่กล้าอยู่ดี งั้นพี่ไปกับฉันได้มั้ย อยากนี้ฉันถึงจะมีความกล้าหน่อย!”

หมิงหยุนชางที่เอาแต่เงียบไปสักพักแล้วถึงได้ตอบตกลง

ชูฉิงใส่หูฟังและเครื่องดังฟังไว้ที่ตัวเย่ซีและขอให้เธอพูดในสิ่งที่เธอพูดเย่ซีก็ตกลง แล้วไปหาหมิงหยุนชางคนเดียว

“พี่หยุนชาง”

เย่ซียิ้มหวานให้กับหมิงหยุนชาง แล้วหมิงหยุนชางก็พูดออกมาตรงๆ:”เดี๋ยวเธอก็ไปด่าเขา ด่าว่าเขาเทียบซูฉิงไม่ได้แม้แต่น้อยเลย แล้วก็ว่าร้ายให้ซูฉิง จะความหยาบแค่ไหนก็พูดไปเลย”

“ห๊า อย่างนี้ไม่ดีมั้งคะ”

เย่สีพูดอย่างสงสัย แต่หมิงหยุนชางได้พูดอธิบายต่อ

“อะไรกัน คนที่ด่าซูฉิงมีตั้งเยอะ เธอคงไม่คิดว่าทุกคนล้วนทำถูกต้องหมดใช้มั้ย ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ในบ้าน ถ้าไม่สั่งสอนเขาบ้างคงจะไม่ดีนะ!”