บทที่ 1754+1755

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1754 คู่สวรรค์สรรสร้าง 2

นี่หยกนภามิใช่แค่โรยเกลือลงบนบาดแผลของเขาแล้ว เป็นการเสียบมีดลงบนหัวใจเขาก่อน จากนั้นก็โรยเกลือใส่อีกครั้ง!

กู้ซีจิ่วจะคืนชีพขึ้นมาในอีกสามสิบสี่สิบปีให้หลัง เมื่อถึงยามนั้นหลงโม่เหยียนเป็นตัวแทนเทพศักดิ์สิทธิ์จะได้ติดต่อสนิทชิดเชื้อกับนาง หากว่านางไม่มีความทรงจำของชาตินี้อยู่ บางทีอาจจะกลายเป็นคู่สวรรค์สรรสร้างกับหลงโม่เหยียนเหมือนเดิมก็ได้…

ตี้ฝูอีรู้สึกเสียดหน้าอกยิ่งนัก! และเจ็บปวดยิ่งนักด้วย!

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าตนยังต้องถ่ายทอดทักษะทั้งหมดให้หลงโม่เหยียนแล้ว ความเจ็บปวดในทรวงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น…

เขาเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่มิใช่พ่อพระ! วิถีสวรรค์ที่น่าตายนี่คิดจะเล่นงานเขาให้ถึงตายเลยสินะ?

ไอสังหารอันเฉียบคมวาบผ่านนัยน์ตาเขาแวบหนึ่ง!

ไอสังหารของดั่งมีรูปลักษณ์จับต้องได้ ทำให้หยกนภาที่คอยจับสังเกตอารมณ์ของเขาอยู่ด้านข้างตื่นตระหนกปานลูกนกขวัญผวาหดตัวถอยหลังไปในทันใด เว้นระยะห่างที่ปลอดภัย ด้วยเกรงว่าจะถูกพายุอารมณ์ของเขาพัดถล่ม…

….

กู้ซีจิ่วยืนหอบหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นัยน์ตาเจิดจ้าเฉียบคมยิ่งว่าดวงตะวัน ณ ปลายขอบฟ้า!

ในที่สุดเธอก็ฝ่าออกมาได้แล้ว!

ซ้ำยังก่อสังขารแล้วฝ่าทะลวงออกมาด้วย!

คนโบราณกล่าวเอาไว้ ขอเพียงบากบั่นมานะ ทั่งเหล็กก็ฝนให้กลายเป็นเข็มได้!

ส่วนเส้นทางในการก่อร่างสร้างสังขารของเธอนั่นยากเย็นยิ่งกว่าการฝนทั่งให้เป็นเข็มเสียอีก พยายามอยู่กว่าหนึ่งเดือน เธอฝึกฝนอย่างลืมวันลืมคืนกว่าหนึ่งเดือน และทดลองใช้ทุกวิถีทางเท่าที่เธอทราบอย่างลืมวันลืมคืนด้วย…

ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ของเธอไม่เคยกล้าแกร่งถึงเพียงนี้มาก่อนเลย! ความปรารถนาจะฟื้นคืนชีพโดยเร็วพลุ่งพล่านอยู่ในใจของเธอทุกวัน เพื่อที่จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อย่างรวดเร็วเธอจึงยอมทุ่มเททุกอย่างออกมา!

ขั้นตอนการฝึกฝนทุกข์ทรมานยิ่งนัก ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกเคี่ยวกรำอยู่ในขุมนรกตลอดเวลา แต่ความคิดที่ต้องการจะมีชีวิตอยู่เพื่อไปพบหน้าเขากลายเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอ ต่อให้ความทรมานในการฝึกฝนจะเหมือนถูกถลกหนัง เธอก็อดทนข้ามผ่านไปได้!

บางทีความคิดเช่นนี้ของเธออาจกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่น และบางทีความมุ่งมั่นสุดชีวิตของเธออาจทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง หลังจากเธอถูกกักขังอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนก็ก่อร่างได้สำเร็จ ฝ่าทะลวงเขตแดนออกมาได้!

เป็นไปได้ว่ายามที่เธอที่เธอทำลายเขตแดนได้ออกแรงมากเกินไป วินาทีที่เขตแดนแตกสลายไป พลันเกิดแสงเจ็ดสีสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทะยานดั้นเมฆาปานภูเขาไฟระเบิด! ทำให้เธอตกใจยิ่งนัก

การก่อสังขารนี้แทบจะผลาญกำลังทั้งหมดของเธอไป หลังจากทำลายเขตแดนได้ เธอจึงเอนพิงอยู่บนต้นไม้ใหญ่ คิดว่าจะพักผ่อนสักครู่หนึ่ง แล้วไปตามหาตี้ฝูอี!

เธอคิดถึงเขา คิดถึงจนแทบบ้าแล้ว!

เธอพริ้มตาลงเล็กน้อยพักผ่อนครู่หนึ่ง ในใจใคร่ครวญกำหนดแผนการหนึ่งขึ้นมาก่อน จากนั้นก็ลืมตาขึ้นขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหวดำเนินการ คล้ายว่าจะสัมผัสถึงอะไรได้ มองไปทางใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล

บุรุษชุดเขียวผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น รูปโฉมหล่อเหลาสง่างามดังคุณชายแปลกหน้า[1]ที่ผ่านทางมา

เธอรู้จักคนผู้นี้

…หลงโม่เหยียน

เขากำลังมองเธอด้วยสีหน้าดั่งถูกสายฟ้าฟาด ดวงตายฉายแววประหลาดใจ

สีหน้านั้นราวกับได้เห็นดางหางพุ่งชนโลกก็มิปาน ตกตะลึงอย่างเหนือธรรมดา!

เขาเห็นตอนที่เธอทำลายเขตแดนออกมาหรือไง? ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?

กู้ซีจิ่วกระโจนลงมาจากต้นไม้ใหญ่ “หลงซือจื่อ ไม่นึกเลยว่าท่านจะอยู่ที่นี่ด้วย”

กู้ซีจิ่วทราบว่าอาณาจักรที่เธออยู่ในขณะนี้คืออาณาจักรเฮ่าเยวี่ย เป็นถิ่นของเชียนหลิงอวี่ ส่วนหลงโม่เหยียนเป็นท่านโหวของอาณาจักรเฟยซิง ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ที่นี่ด้วย ผ่านทางมางั้นหรือ?

เธอกวาดตามองหลงโม่เหยียนอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง หลงโม่เหยียนตกตะลึงมากจริงๆ มองเธออย่างสติยังไม่กลับเข้าร่าง

การแต่งกายของเขาก็ค่อยข้างพิเศษ ในมือถือถือกรรไกรแต่งกิ่งไว้อันหนึ่ง เหน็บเสื้อคลุมพับขากางเกง ให้อารมณ์ดั่งนักพรตเถาหยวนหมิง ‘เก็บเบญจมาศริมรั้วตะวันออกทอดมองหนานซานอย่างสำราญ’[2]

กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย!

เธอทราบจากปากคำของผู้ที่มาสักการะเหล่านั้นว่าตี้ฝูอีไม่ได้ประกาศเรื่องสิ้นชีพของเธอต่อสาธารณชน ผู้คนส่วนใหญ่จึงยังไม่ทราบว่าเธอจากโลกไปแล้ว

——————————————————————–

บทที่ 1755 คู่สวรรค์สรรสร้าง 3

หลงโม่เหยียนผู้นี้มิมีใจฝักใฝ่การเมือง เป็นท่านโหวที่เอ้อระเหยลอยชายผู้หนึ่ง เขาไม่น่าจะรู้สิ….

เช่นนั้นยามนี้เขาตกใจถึงเพียงนี้เพราะอะไร?

ถึงแม้ในใจของกู้ซีจิ่วจะมีข้อสงสัย แต่ตอนนี้เธอร้อนใจอยากไปหาตี้ฝูอี ดังนั้นเมื่อข้อสงสัยนี้ผุดขึ้นมา ก็ถูกเธอปัดไปไว้อีกด้านหนึ่ง หลังจากเอ่ยทักทายหลงโม่เหยียนแล้ว ก็หันหลังหมายจะจากไป

ในที่สุดสติของหลงโม่เหยียนก็กลับเข้าร่างแล้ว ก้าวเข้ามา ขวางทางเธอไว้อย่างเจตนาและมิเจตนา “ซีจิ่ว ยากนักที่จะได้พบพานกันที่นี่ พวกเราไปดื่มกันสักหน่อยไหม?”

วิถีคนโบราณเมื่อพบหน้ากันยังต่างเมืองก็สมควรไปดื่มสังสรรค์พูดคุยกันสักหน่อยจริงๆ แต่ยามนี้กู้ซีจิ่วไม่มีอารมณ์ ดังนั้นเธอจึงโบกมือปฏิเสธ “ขออภัยด้วย ข้ามีธุระด่วน วันหน้าถ้ามีเวลาพวกเราค่อยนัดกันอีกครั้งเถิด”

“ซีจิ่ว ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย” หลงโม่เหยียนเอ่ยประโยคเดียวก็สกัดฝีเท้าของกู้ซีจิ่วได้แล้ว

กู้ซีจิ่วพลันใจเต้นแรง หันกลับมา “เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

หลงโม่เหยียนถอนหายใจ “ที่นี่ไม่เหมาะจะสนทนากัน พวกเราไปหาสถานที่พูดคุยกันดีหรือไม่?”

แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวเล็กน้อย ยังไม่ได้เปิดปากเอ่ยหลงโม่เหยียนก็กล่าวต่อว่า “วางใจเถอะ ไม่รบกวนเวลาเจ้านานเกินไปหรอก หนึ่งชั่วยามก็เพียงพอแล้ว”

ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็ถูกขังอยู่ที่นั่นมาเนิ่นนานปานนี้ ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ยินข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีเลย ดังนั้นจึงไม่รู้จะไปตามหาเขาที่ไหนดีชั่วขณะ ต่อให้ออกไปก็ต้องไปหาสอบถามจากผู้อื่นอยู่ดี ยามนี้ในเมื่อหลงโม่เหยียนมีข้อมูล เธอลองฟังดูก็ไม่เสียหายอะไร

ชั่วยามเดียวเท่านั้น เธอสละเวลาได้อยู่แล้ว!

ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยักหน้าทันที “ตกลง!”

หลงโม่เหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินนำอยู่ด้านหน้า “ไปเถอะ” พลางหันหลังมุ่งไปทางหุบเขา

กู้ซีจิ่วประหลาดใจ “ท่านต้องการจะพาข้าไปไหน?”

“บ้านของข้า”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ท่านจะตั้งรกรากที่นี่หรือ?”

หลงโม่เหยียนยิ้มน้อยๆ “เพียงเห็นว่าทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลว จึงรั้งอยู่ไม่กี่วันเท่านั้น”

ท่านโหวผู้นี้มีนิสัยดั่งกระเรียนอพยพเสมอมา ชมชอบท่องเที่ยวพเนจร ชมชอบที่ใดก็รั้งอยู่ระยะหนึ่ง ในอดีตกู้ซีจิ่วก็ได้ยินว่าเขามีนิสัยเช่นนี้ ดังนั้นยามนี้จึงไม่แปลกใจอะไร

….

ที่พักของหลงโม่เหยียนคือกระท่อมไผ่หลังหนึ่ง

ตั้งอยู่กลางหุบเขา ช่างบังเอิญยิ่งนัก อยู่ห่างจากศาลบูชาของกู้ซีจิ่วเพียงสามสี่ลี้เท่านั้น

รอบข้างโอบล้อมด้วยดงไผ่ เมื่อสายลมพัดโชยมา ใบไผ่จะส่งเสียงดังซ่าๆ รื่นรมย์เสนาะหู

ป่าไผ่ กระท่อมไผ่ รั้วไผ่ ภายในรั้วปลูกพืชสมุนไพรไว้หลายชนิด เพาะต้นกล้าไว้ใต้หน้าต่าง ยังมีเครื่องมือการเกษตรอีกสองสามชนิดวางพิงอยู่ตรงเชิงกำแพง

ประกอบกับเส้นทางหุบเขาสายน้อยที่แสนคดเคี้ยว มีกลิ่นอายของชนบทอันสันโดษยิ่งนัก

หลงโม่เหยียนในชุดเขียวยืนอยู่หน้ากระท่อมไผ่ ดั่งภาพวาดน้ำหมึก เข้ากันดียิ่งนัก

“ซีจิ่ว ที่นี่เป็นที่อยู่ของข้า ชอบหรือไม่?”

กู้ซีจิ่งมองเขา จากนั้นก็มองทิวทัศน์รอบข้าง แล้วพยักหน้า “ดูเข้ากันอย่างยิ่ง”

ประหลาด เมื่อก่อนตอนที่เธอเป็นนักฆ่า ก็นึกอยากอาศัยอยู่ในสถานที่อันเงียบสงบทำนองนี้เช่นกัน ตอนนั้นยามที่เธอมีเวลาว่างยังออกแบบรูปแบบบ้านเรือนในสถานที่อันเงียบสงบอยู่เลย ลักษณะคล้ายคลึงกับที่นี่ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอสมควรจะชอบที่นี่สิ

แต่ตอนนี้พอได้มายืนอยู่ที่นี่จริงๆ เธอกลับไร้ความรู้สึก บอกไม่ได้ว่าชอบและบอกไม่ได้ว่าไม่ชอบ ดังนั้นจึงเอ่ยวิจารณ์อย่างส่งๆ ไปประโยคหนึ่ง

สายตาของหลงโม่เหยียนนิ่งอยู่ที่ร่างเธอ “เป็นแบบที่เจ้าชอบหรือเปล่า?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง “หลงซื่อจื่อ นี่เป็นที่พักอาศัยของท่านะ ไม่ใช่ของข้าเสียหน่อย ข้าจะชอบหรือไม่ก็ไม่สำคัญกระมัง?” บ้านของเขาเกี่ยวอะไรกับเอด้วยล่ะ?

หลงโม่เหยียนหลุบตาลงเล็กน้อย “ข้าคาดหวังให้เจ้าชอบ…”

——————————————————————–

[1]  ประโยคเต็มคือ คุณชายแปลกหน้าผู้สง่างามปานหยก เป็นท่อนหนึ่งจากบทกวีโบราณ ถูกนำมาบรรยายถึงชายหนุ่มที่หล่อเหลางดงาม

[2]  เถาหยวนหมิง เป็นกวีในยุคราชวงศ์ตงจิ้นเป็นที่ยกย่องกันว่าเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคหลังราชวงศ์ฮั่นแลก่อนราชวงศ์ถัง เป็นชาวมณฑลเจียงซี อยู่เมืองจิวเจียง เคยรับราชการแล้วออกมาใช้ชีวิตชาวนาอย่างสันโดษที่ตีนเขาหลูซาน ได้รับสมญานามว่า กวีเต๋าเถาหยวนหมิง