ตอนที่ 311 ใครไม่อยากได้กัน / ตอนที่ 312 มนุษย์สุกร

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 311 ใครไม่อยากได้กัน 

 

 

 

 

 

ลมหนาวพัดเข้ามา เสียงไอเบาๆ อย่างอ่อนแรงของเขาดังขึ้น ทำให้อวี้อาเหราต้องหันไปมอง “เจ้าเป็นอะไรไป” 

 

 

“ไม่เป็นอะไร ข้าเพียงแต่แต่ไอเล็กน้อยเท่านั้น” ฉู่ป๋ายส่ายหน้า 

 

 

ทันทีที่วาจานั้นจบลง พวกต้าเว่ยและชิงอวิ๋นก็ลากตัวแม่นางเซียวกลับมาได้แล้ว 

 

 

แม่นางเซียวถูกเชือกมัดตัวเอาไว้จนแน่นหนาไม่อาจสลัดได้หลุด ดวงตาฉายแววโกรธเคืองจ้องมองมาที่อวี้อาเหรา ในปากของนางมีผ้าชิ้นใหญ่อุดเอาไว้ กันไม่ให้นางพูดจาส่งเดช และก็คงเป็นเพราะผ่านการต่อสู้มา เสื้อผ้าของพวกเขาขาดวิ่นอยู่หลายจุด ไม่ว่าใครก็ล้วนดูสะบักสะบอม โดยเฉพาะแม่นางเซียวนั้น นางเพียงคนเดียวก็ไม่อาจสู้พวกต้าเว่ยได้เลย หากไม่ใช่ว่ามีพัดเคลือบยาพิษและผงพิษ นางก็คงโดนจับเสียนานแล้ว  

 

 

“คุณหนู จับตัวกลับมาได้แล้วขอรับ” ชิงอวิ๋นก้าวเข้ามารายงาน 

 

 

อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น มองฉู่ป๋ายครู่หนึ่งแล้วจึงเบนสายตากลับมา “นำตัวมา” 

 

 

นางนั้นไม่ใช้คนกระจอกที่จะสามารถจัดการได้ง่ายๆ และแม่นางเซียวยังกล้าที่จะลงมือกับคนของนางจนได้รับบาดเจ็บ อย่างไรเสียก็คงไม่มีทางปล่อยตัวอีกฝ่ายไปได้ง่ายๆ แน่ 

 

 

ต้าเว่ยนำตัวนางเข้ามา มองมาที่อวี้อาเหรา “คุณหนู จะจัดการกับนางอย่างไรดีขอรับ” 

 

 

“ไม่ต้องรีบร้อน” อวี้อาเหราโบกมือ ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น “เหตุใดเจ้าจำต้องชิงหยกเลือดของข้าด้วย” 

 

 

“เหตุใดน่ะหรือ” เมื่อแม่นางเซียวได้ยินเข้าก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย “เหตุใดข้าจึงต้องการแย่งชิงหยกเลือดของเจ้าน่ะหรือ? หยกเลือดนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า มีมูลค่ามากมายมหาศาล ต้องโทษตัวเจ้าเองที่ใส่ของดีขนาดนั้นแล้วเดินร่อนไปทั่วทั้งเมือง ที่จริงแล้วข้าก็นึกอยากจะเอาเงินเจ้าเท่านั้น แต่ของมีค่าที่ชุบชีวิตคนตายช่วยเหลือคนเป็นเช่นนั้นเป็นใครจะไม่อยากได้บ้าง? หึ จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย ข้าไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว!” 

 

 

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมเลอะเทอะนั้นทำเอาคนที่มองเห็นต้องย่นจมูกแล้วเบือนหน้าหนี น้ำเสียงของนางไม่หลงเหลือความอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย กลับเต็มไปด้วยท่าทีเยาะเย้ยเหยียดหยัน 

 

 

ถือว่านางเป็นคนที่กล้าหาญมากคนหนึ่ง ที่กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าอวี้อาเหราโดยไม่กลัวตายได้ 

 

 

“หุบปาก!” ต้าเว่ยตะคอกใส่ด้วยโทสะ 

 

 

แม่นางเซียวไม่สนใจเขา “ครั้งนี้ถือว่าเจ้ามีคนมากกว่าถึงสามารถจับตัวข้าได้ มิเช่นนั้นไหนเลยข้าจะยอมตกอยู่ในกำมือของเจ้าโดยง่ายเล่า” 

 

 

เมื่อได้ยินนางพูดขึ้นด้วยความมั่นใจเช่นนี้ อวี้อาเหราจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วอดไม่ได้ที่จะแทรกคำพูดอวดอ้างตัวเองของนางเสีย “พวกเรามีคนมาก เรื่องนี้ไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย แต่เจ้าเองก็มีคนในมือเยอะแยะมิใช่หรือ ทั้งยังใช้พัดอาบยาพิษทำร้ายสาวใช้ของข้าจนได้รับบาดเจ็บ และยังจะใช้ผงพิษทำร้ายพวกเราเกือบตาย ใครกันแน่ที่น่าสงสาร?” 

 

 

เมื่อพูดเช่นนี้แม่นางเซียวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทำได้แต่เพียงแสดงท่าทีอึกอักพูดไม่ออกเท่านั้น 

 

 

อวี้อาเหราถามต่อไปว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าหยกเลือกเป็นสมบัติล้ำค่า แล้วเจ้าไปรู้มาจากที่ใดกัน” 

 

 

“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย” แม่นางเซียวแค่นจมูก 

 

 

“ก็เพราะตอนนี้เจ้าตกอยู่ในกำมือของข้าอย่างไรเล่า ยังมีคำกล่าวที่ว่ากล้าพนันก็ต้องกล้าที่จะยอมแพ้มิใช่หรือ? ในเมื่อเจ้าแพ้ให้กับคนของข้า ก็เท่ากับแพ้ให้กับข้า บอกความจริงกับข้ามาดีๆ เถิด มิเช่นนั้นหากข้าใจร้ายขึ้นมา ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเล่า” ยามที่พูดคุยกันนั้นน้ำเสียงของอวี้อาเหราก็ได้เปลี่ยนไปเป็นดุดันขึ้นมา โดยเน้นย้ำทุกคำที่พูด ราวกับมิใช่คนเดียวกันกับคนที่มีท่าทีง่ายๆ สบายๆ ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย 

 

 

แม่นางเซียวก็ตื่นตระหนกกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่รู้ก็คือไม่รู้ เจ้าบังคับถามข้าอย่างไรข้าก็ไม่บอก หากเจ้ามีความสามารถจริงก็ฆ่าข้าเสียซี แต่อย่างไรข้าก็ไม่บอกเจ้า ดูสิว่าเจ้าจะทำอย่างไรกับข้าได้” 

 

 

“ทำอะไรเจ้าได้หรือ” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น ก้มลงไปเล่นกับปอยผมที่เคลียอยู่บนช่วงอก โดยใช้นิ้วมือม้วนเล่นอย่างไม่ตั้งใจ น้ำเสียงที่ออกมาจากปากฟังดูนิ่งๆ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ยินดีหรือโกรธเคืองกันแน่ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 312 มนุษย์สุกร 

 

 

 

 

 

“เมื่อก่อนข้าเคยอ่านหนังสือหนึ่งเล่ม เป็นเรื่องราวของฮองเฮาพระองค์หนึ่งที่เจ็บแค้นพระสนมที่เกือบจะแย่งตำแหน่งรัชทายาทของโอรสพระองค์ไป ดังนั้นรอจนกระทั่งโอรสของนางได้สืบทอดตำแหน่งแล้ว นางจึงนำพระสนมพระองค์นั้นไปตัดมือ ตัดเท้า ตัดหู จับกรอกยา จากนั้นจึงขังเอาไว้ในกองอาจม จึงเรียกว่ามนุษย์สุกร…” 

 

 

อวี้อาเหราอธิบายเรื่องวิธีการประหารที่เรียกว่ามนุษย์สุกรจากประวัติศาสตร์ของลู่ไทเฮาและพระสนมฉีฟู่เหริน น้ำเสียงของนางเรียบนิ่งและเย็นชา และเมื่อรวมกับสายลมเย็นเฉียบที่พัดผ่านทางด้านหลัง ก็ช่างทำให้รู้สึกขนลุกยิ่งนัก จนแทบเดาไม่ออกเลยว่าคนที่ถูกลงโทษเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร 

 

 

แม้แต่ชิงอวิ๋นที่เป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ยังกัดริมฝีปากด้วยใบหน้าขาวซีด “คุณ…คุณหนู เป็นเรื่องจริงหรือขอรับ เหตุใดข้าน้อยไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” 

 

 

“แน่นอนว่าจริงสิ เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินก็เท่านั้น” หลังจากที่อวี้อาเหราพูดจบ นางก็มองไปยังแม่นางเซียวอีกครั้ง “ว่าอย่างไรเล่า อยากลองความเจ็บปวดของมนุษย์สุกรดูหรือไม่ จะทำให้เจ้าตายทั้งเป็นเลยทีเดียว” 

 

 

“เจ้าช่างโหดร้ายยิ่งนัก!” แม่นางเซียวตกใจเสียจนหน้าขาวซีด เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ใบหน้าก็ยิ่งซีดเผือดราวกับกระดาษไม่มีผิด แม้แต่เครื่องสำอางหนาหนักบนใบหน้าก็ไม่อาปิดบังน้ำเสียงที่สั่นเทาของนางได้ 

 

 

“ข้าโหดร้ายหรือ? ข้าไม่เห็นจะรู้สึกเช่นนั้นเลย หลังจากที่ข้าประหารเจ้าด้วยวิธีมนุษย์สุกรแล้ว ค่อยเอาน้ำผึ้งทา ให้งูและเหล่าหนอนแมลงต่างๆ ค่อยๆ กัดกินร่างกายของเจ้าจนสิ้น รสชาติเช่นนี้สิถึงจะเรียกว่าน่าเวทนาอย่างแท้จริง” อวี้อาเหราก้มตัวลงเล็กน้อย จ้องมองหน้าอกที่ล้นทะลักโอฬารของนางอย่างพินิจพิเคราะห์ หัวเราะเสียงต่ำ “สะสวยถึงเพียงนี้ หากถูกงูกินก็คงจะน่าเสียดายแย่…” 

 

 

ระหว่างที่นางกำลังพูดอยู่นั้น ฉู่ป๋ายที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ไม่อาจทนมองได้อีก ทันใดนั้นเองก็ยื่นมือออกไปดึงมือของนางเอาไว้ น้ำเสียงนิ่งสงบ ทว่าดวงตาที่มองมายังนางกลับดูเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างมาก “เจ้าเล่นสนุกพอหรือยัง” 

 

 

อวี้อาเหราเดิมทีก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางนั้นกำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ทว่ากลับถูกฉู่ป๋ายที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ขัดจังหวะเสียได้ เมื่อปรายตาไปมองสีหน้าไม่สู้ดีของเขาแล้ว ความโกรธเคืองก็ค่อยๆ สลายหายไป นางยอมหุบปากลงแต่โดยดี แล้วถอยหลังไป “สนุกพอแล้ว” 

 

 

นางควรจะเป็นคนที่ดูน่ากลัวแท้ๆ ทว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าของฉู่ป๋ายแล้ว ก็จำต้องล่าถอยไป 

 

 

เช่นนั้นชิงอวิ๋นจึงค่อยถอนหายใจออกมา เขานึกว่าคุณหนูของตนจะทรมานแม่นางเซียวด้วยวิธีการมนุษย์สุกรจริงๆ เสียแล้ว อย่างไรเสียคนที่ออกปากน่ะเป็นนาง แต่คนที่ลงมือทำนั้นเป็นพวกเขาที่เป็นคนใต้บัญชา เพียงได้ยินนางบรรยายถึงวิธีการลงโทษ ก็ยิ่งไม่อยากจะลงมือทำด้วยตัวเอง… 

 

 

เมื่อได้ยินว่านางล้อเล่น แม่นางเซียวก็กลืนน้ำลาย 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ดีแล้ว เช่นนั้นจึงเอ่ยปากกับอวี้อาเหราว่า “ต่อไปนี้เจ้าก็จัดการเองก็แล้วกัน” 

 

 

“อืม” อวี้อาเหาก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าไม่ปรากฏรอยยิ้มยินดีเลยแม้แต่น้อย “แม่นางเซียว ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ารู้เรื่องหยกเลือดได้อย่างไรกัน หากยังเฉไฉไม่ยอมบอกความจริงกับข้า ข้าก็จะลงโทษเจ้าด้วยวิธีมนุษย์สุกรจริงๆ!” 

 

 

“…” แม่นางเซียวลังเลไปชั่วครู่ “ข้าเคยได้ยินนักพรตคนหนึ่งพูดถึงโดยบังเอิญ” 

 

 

“นักพรต? นักพรตคนไหน เจ้าเคยเห็นเขาหรือ” คำถามรัวเร็วสามชุดพุ่งเข้าหามาอีกฝ่าย ชั่วขณะนั้นเหมือนอวี้อาเหราค้นพบอะไรบางอย่าง จึงรีบถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น ในเมื่อรู้เรื่องหยกเลือดอย่างละเอียดขนาดนี้ ก็จะต้องมีความสัมพันธ์กับนักพรตอย่างไม่ต้องสงสัย! 

 

 

พวกของชิงอวิ๋นและต้าเว่ยมองไปที่นางอย่างมึนงง ล้วนไม่เข้าใจว่านักพรตที่นางพูดถึงนั้นคือเรื่องอะไรกันแน่ 

 

 

ฉู่ป๋ายเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง เขาจึงมองไปยังแม่นางเซียวด้วยความสงสัย แววตาฉายแววพินิจพิเคราะห์ 

 

 

แม่นางเซียวหลุบตาลงต่ำ “เคยพบ”