บทที่ 113 การคืนดี

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 113
การคืนดี
ชางกวนโม่ค่อยๆผลักไป่เสวี่ยหลี่ไปข้างๆและพูดกับเธออย่างเจ็บปวด “เสวี่ยหลี่ ฟังพี่นะ…มันเป็นแค่ความผิดพลาด…เป็นความผิดของพี่เอง เธอควรจะได้สิ่งที่ดีกว่านี้…หัวใจของพี่รักได้เพียงคนเดียวและพี่มอบความสุขให้เธอไม่ได้หรอก…พี่จะมองเธอเป็นน้องสาวของพี่ตลอดไป…”

“พี่โม่ พี่ทำ…ได้ยังไง…ฉันรักพี่นะ ฉันเฝ้ามองพี่มาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้…” ถึงขนาดนี้แต่พี่โม่ก็ยังลืมมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ ทำไมล่ะ เธอดีไม่พอสำหรับเขางั้นเหรอ เธอกำลังจะถูกพี่โม่ทิ้ง เขาไม่ต้องการเธอ

หลังจากนั้นสักพักคนมากมายก็เริ่มที่จะเดินเข้ามาทีละคนๆ พวกเขาต่างก็กระซิบถึงเรื่องคนแปลกหน้าทั้งสอง ไป๋เสวี่ยหลี่ที่ยังร้องไห้อยู่รีบเดินออกไป เธอไม่สนใจที่จะเป็นลิงให้คนมามอง
ชางกวนโม่ไปส่งไป๋เสวี่ยหลี่ที่คฤหาสน์ เขาเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เธอ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าตัวเองจะหลงรักผู้หญิงคนอื่นนอกจากมู่หรงเสวี่ยได้ยังไง เขาจะทำให้ไป๋เสวี่ยหลี่มีความสุขได้งั้นเหรอ? อย่างไรก็ตามมันจะเป็นความเห็นแก่ตัวของเขามากกว่า เขาคิดว่าตราบใดที่เขายอมรับความผิดทุกอย่างมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและเสี่ยวเสวี่ยก็จะกลับมาหาเขา

“เสวี่ยหลี่ ถ้าเธออยากที่จะด่าพี่ เธอตบตีพี่ได้เลยนะ…พี่ขอโทษ…”

ไป๋เสวี่ยหลี่มองมาที่เขาพร้อมน้ำตาในดวงตา สีหน้าของความรู้สึกผิดและขอโทษแต่คำพูดที่เขาพูดออกไปมันเจ็บปวดมากกว่ามีดที่ทิ่มแทงในหัวใจของเธอ นี่มันมากกว่าสิบปีแล้วที่เธอไม่มองชายคนอื่นเลยนอกจากเขา เธอจำท่าทางและนิสัยของเขาได้หมดหัวใจ เธอถึงขนาดรู้สึกมีความสุขมาเนินนานเพราะไม่มีใครที่สามารถเข้ามาแตะต้องตัวเขาได้เหมือนกับเธอ นี่เป็นกรณีพิเศษที่ผู้หญิงคนอื่นไม่สามารถเข้ามาได้

เธอไม่น่าที่จะโคม่านานจนทำให้พี่โม่มีโอกาสได้ไปเจอผู้หญิงคนอื่น บางทีเธอไม่น่าที่กลัวและขี้ขลาดจนไม่กล้าที่จะสารภาพกับเขาเลย ถ้าเธอบอกรักเขาไปก่อนหน้านี้ผลมันคงจะต่างไปจากนี้

เธอยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมาแยกเขาไป เธอจะยอมแพ้ได้ยังไง? เธอยอมที่จะเจ็บปวดเองดีกว่าให้เขาเจ็บปวด เธออยากที่จะเปิดปากพูดแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองหยุดสะอื้นไม่ได้และพูดอะไรไม่ออกเลย เธอเพียงแค่มองไปที่ผู้ชายที่เธอรักอย่างมากและหวังว่าเขาจะมองเพียงแค่เธอในสายตาบ้าง

“เสวี่ยหลี่พี่ไปก่อนนะ เธอน่าจะลองเอาเรื่องนี้ไปคิดดู เธอจะมีความสุขกับคนที่ไม่ได้รักเธอได้ยังไง…พี่เพียงแค่อยากที่จะให้เสี่ยวเสวี่ยเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด…” เขาหันหลังกลับ

ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็จับแขนเขาไว้ “ไม่นะพี่โม่…อย่าไป…” น้ำเสียงของเธอแหบยิ่งกว่าเดิม

ชางกวนโม่นิ่ง รับดึงมือเธอออกในทันที “พี่ขอโทษ…”
“พี่โม่ ช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่าทำไมต้องเป็นเธอ!? เธอดีกว่าฉันตรงไหน?” เธอถาม
ชางกวนโม่ไม่ได้หยุด “บางทีเธออาจจะไม่ได้เหมือนใครตรงไหน ขนาดพี่เองก็ยังสงสัยกับตัวเอง…แต่เมื่อรู้ตัวอีกที เธอก็กลายเป็นคนที่พิเศษที่สุดในหัวใจพี่ไปแล้ว…”

เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น เธอก็ไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงไปกับพื้น ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ ร้องไห้ราวกับเด็กอยู่นานไม่ยอมหยุด

ชูอี้เสิ่นส่งมู่หรงเสวี่ยกลับไปที่วิลล่า มองสีหน้าที่ซีดเผือดของเธอแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

มู่หรงเสวี่ยยิ้มซีดเซียว “พี่ชู ขอโทษนะคะที่ต้องให้พี่มาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ครั้งหน้าฉันจะไปดูหนังกับพี่ใหม่นะคะ…”

“เสี่ยวเสวี่ย ไม่ต้องฝืนตัวเองนะ…ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะ…”

“ได้ค่ะ…”
“…”
ไม่นานหลังจากที่ชูอี้เสิ่นกลับไป โทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยก็ดังขึ้น เป็นชางกวนโม่เอง ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว มู่หรงเสวี่ยจึงปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ยังสั่นไม่หยุดแต่ก็ไม่กดรับสาย ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะอยู่ให้ห่างจากเขาอีกหน่อยจนเขาไม่สามารถที่จะทำร้ายหัวใจเธอได้อีก

ชางกวนโม่กดโทรซ้ำไปเรื่อยๆแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายซะที เวลาผ่านไปนานเขาก็ยังไม่หยุดจนอีกฝ่ายปิดเครื่องไป

เขาเปลี่ยนเป็นโทรหาอีกเบอร์และออกคำสั่ง “รีบหาให้เจอเดี๋ยวนี้ว่ามู่หรงเสวี่ยพักอยู่ที่ไหนในเมืองหลวง!” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้ว

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ที่อยู่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ยและรีบขับตรงไปที่วิลล่าของมู่หรงเสวี่ยทันที ตอนที่เธอซื้อบ้านที่เมืองหลวงเขาไม่รู้เลย เธอตั้งใจที่จะยอมแพ้เรื่องความรักของพวกเราจริงๆเหรอ? เธอมาที่เมืองหลวงนานแล้วหรือยัง ถ้าวันนี้เขาไม่บังเอิญเจอเธอแล้วเธอจะติดต่อมาหาเขาไหม

มู่หรงเสวี่ยที่ยังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน เธอเดินออกไป พี่ชูหรือเปล่า? เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าและเดินไปดูที่วีดีโอ เธอก็ได้เจอคนที่เธอไม่อยากจะเจอที่สุด เขามาที่นี่ได้ยังไง กริ่งหน้าบ้านยังดังไม่หยุด ชางกวนโม่พูดใส่วีดีโอ “เสี่ยวเสวี่ย รีบเปิดประตู ฉันรู้ว่าเธออยู่ในบ้าน!”

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยซีดขึ้นมาทันที เธอกัดริมฝีปากและนิ้วของเธอก็สั่นเทิ้ม ยังไงซะเธอก็เปิดประตู

ไม่นานชางกวนโม่ก็เข้ามา เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยเขาก็อดไม่ได้ที่จะกอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขน นี่คือสมบัติล้ำค่าของเขา เขาจะปล่อยเธอไปได้ยังไง

อ้อมกอดและกลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคย น้ำตาเธออดไม่ได้ที่จะไหลออกมา มือเธอที่ร่วงอยู่ข้างๆ เธออดไม่ได้ที่จะสั่นอยู่สักพักแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะกอดเขาได้ เวลาผ่านไปนานใจของ มู่หรงเสวี่ยก็หวนนึกถึงภาพคนสองคนที่กำลังยืนกอดกันอยู่ในงานแต่งงานที่ลงในสื่อต่างๆของชีวิตที่แล้ว เธอรู้สึกปวดในหัวใจและขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันนะชางกวน…”
“ไม่ ฉันไม่ปล่อย เธอเป็นของฉัน!” ชางกวนโม่ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นถ้าไม่มีเธอ เขาก็เหมือนกลายเป็นซากศพ

มู่หรงเสวี่ยยิ่งขัดขืนมากขึ้น “ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ชางกวนโม่ ตอนนี้คุณจะทำอะไร ล้อฉันเล่นงั้นเหรอ?” เธอถามออกมาเสียงดังด้วยเสียงแหบพร่า

“มู่หรงเสวี่ย ฉันเสียเธอไปไม่ได้ เราเริ่มกันอีกครั้งได้ไหม?” ชางกวนโม่มองมาที่เธออย่างรักใคร่

มู่หรงเสวี่ยตะลึง น้ำตาเธอยังเอ่อล้นในดวงตา จมูกเธอกลายเป็นสีแดงเพราะการร้องไห้ เธอพูดด้วยเสียงแหบพร่า “เริ่มใหม่อีกครั้งงั้นเหรอ?! จะเริ่มยังไง? แล้วไป๋เสวี่ยหลี่ล่ะ…”

“ฉันพูดกับเธอชัดเจนแล้วว่าเรื่องเธอกับฉันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน…เสี่ยวเสวี่ย เราเริ่มกันใหม่อีกครั้งนะ…” เขามองตรงมาที่เธอ

เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดงั้นเหรอ?! ไม่มีใครรู้ดีมากไปกว่าเธอว่านี่ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด เธอเองที่เป็นมือที่สาม บางทีชางกวนโม่อาจจะยังไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองแต่ไม่เร็วก็ช้า…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอทนรับความสัมพันธ์ระหว่างชางกวนโม่กับ ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าไป๋เสวี่ยหลี่รักเขา อีกอย่างพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กัน แล้วเธอจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นได้ยังไง

“ฉันรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้…ฉันจะมองว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดได้ยังไง…” มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้า

สีหน้าของชางกวนโม่เปลี่ยนไป “งั้นเธออยากจะให้ฉันทำยังไง?!!! เธอพูดมาเลย…” เขาเขย่าไหล่เธอ

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัวและสะอื้น
เขานึกถึงภาพที่มู่หรงเสวี่ยจับมือชูอี้เสิ่นวันนี้ “เธออยากที่จะทิ้งฉันเพราะเธอทรยศฉันมานานและอยากที่จะไปอยู่กับ ชูอี้เสิ่นใช่ไหม พูดมาสิ!” ดวงตาเขาแดงก่ำด้วยความเกลียด

มู่หรงเสวี่ยเบิกตากว้างและปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมา “ฉันเปล่านะ…”
“งั้นทำไมเธอถึงปฎิเสธฉัน? ไป๋เสวี่ยหลี่ไม่ใช่ ขวากหนวมของเราอีกแล้ว ทำไมเธอยังปฎิเสธฉันอีกล่ะ? ทำไมเธอถึงพูดคำที่โหดร้ายแบบนั้นออกมา…”

“เพราะฉันหึงจนเป็นบ้าไง ฉันทนไม่ได้ที่คุณกับ ไป๋เสวี่ย หลี่เกี่ยวพันกัน นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องคุณอีก…คุณจะให้ฉันยอมรับได้ยังไง ฉันถึงขนาดนึกถึงภาพวันนั้นที่ฉันเห็นไป๋เสวี่ยหลี่…” มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะระบายความขับแค้นในใจออกมา

ชางกวนโม่ก้มหัวและจูบลงมาที่ริมฝีปากนุ่มของเธอ เขาทั้งคลั่งและอบอุ่น เขารักเธอ แม้ต้องหักปีกเธอเขาก็จะไม่ปล่อยเธอไป

“ไม่…” มู่หรงเสวี่ยขัดขืนอย่างต่อเนื่อง
ชางกวนโม่จับเธอด้วยมือข้างหนึ่งและยันกำแพงไว้ด้วยมืออีกข้าง ขาของเขากดขาที่กำลังขัดขืนของเธอไว้ จูบของเขาราวกับว่าจะกลืนเธอ ความตื่นตระหนกในช่วงที่ผ่านมาทำให้เขาคิดถึงเธอจนราวกับว่าปีศาจครอบงำเขาไว้

มู่หรงเสวี่ยเหมือนกับว่าจะหายใจไม่ออก ราวกับใช้เวลาเป็นทศวรรษกว่าที่จะสงบใจลงได้ ในตอนนี้ราวกับคลื่นพล่านที่หมุนเกลียวไม่หยุดอยู่เป็นเวลานาน เธอไม่รู้ว่าเวลามันไปนานแค่ไหน ราวกับว่าเธอเพิ่งจะเจอเข้ากับความผันผวนมากมาย มู่หรงเสวี่ยรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าเธอรักเขา ไม่ว่าเธอจะปฎิเสธหรือแกล้งทำเป็นสงบนิ่งแค่ไหน แต่แค่เขาขยับเพียงนิดเดียวเธอก็ล้มลงแทบเท้าอย่างหมดสิ้น

ชางกวนโม่ปล่อยมือเธอและกอดเธอไว้แน่น “เสี่ยวเสวี่ย เราเริ่มกันใหม่อีกครั้งได้ไหม? ฉันสัญญาว่าจะไม่มีเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก…”

มู่หรงเสวี่ยพิงอยู่ที่แขนเขา สงบจังหวะหัวใจที่ทำให้เธอหลงใหล พวกเขาเริ่มต้นใหม่ได้จริงๆงั้นเหรอ?

มู่หรงเสวี่ยขัดขืน หัวใจรู้สึกเจ็บปวด ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงเธอก็จะต้องเจ็บปวด เธอจะไม่ทิ้งเขาแต่เมื่อคิดถึงพวกเขาสองคน เธอก็ยังรู้สึกทรมาน
ชางกวนโม่ค่อยๆจูบลงที่น้ำตาของเธออย่างอ่อนโยน รู้สึกปวดใจ เธอร้องไห้อย่างหนัก เขาหวังให้ช่วงเวลานั้นมันย้อนกลับมาได้ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเสียใจ

เขาจับหน้าเธอและพูดออกมา “โอเคไหม? เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง…”

สุดท้ายมู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะทำตามความปรารถนาของหัวใจ เธอพยักหน้าเบาๆ

ชางกวนโม่กอดเธอด้วยความดีใจและพูดออกมาว่า “เยี่ยมเลย เธอสัญญากับฉันแล้วนะ เยี่ยมไปเลย…”

“คุณปล่อยฉันก่อน ฉันรู้สึกเวียนหัว…” มู่หรงเสวี่ยเห็นท่าทางที่อ่อนโยนของเขาด้วยหัวใจ

ชางกวนโม่วางเธอลง “ฉันมีความสุขจริงๆนะเสี่ยวเสวี่ย…”

ดวงตาของเธออ่อนโยนลงและพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันเองก็มีความสุข…”

“เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว…” ถ้ามีอีกครั้งเขาจะต้องตายแน่ๆ ที่ผ่านมาเหมือนดั่งนรกเลย

“ค่ะ! จะไม่มีวันแยก” ขอเธอเห็นแก่ตัวอีกสักครั้ง
หลังจากที่คืนดีกันแล้ว ทั้งสองก็เริ่มที่จะเหนื่อยแล้ว มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่ชางกวนที่ไม่ยอมกลับ “พี่โม่ ได้เวลากลับไปทำงานแล้วนะคะ…”

“ไม่!” เธอนอนอยู่บนโซฟาและมีบางคนที่ทำตัวเป็นเด็กหนุนหมอนนอนทับอยู่ที่ขาเธอ ไม่มีที่ไหนสบายเท่าตอนนี้อีกแล้ว

หลังจากที่โทรศัพท์ของชางกวนโม่ดังอย่างต่อเนื่องก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นด่วนแค่ไหน

มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างจนปัญญา “คุณกลับไปทำงานก่อน แล้วเดี๋ยวฉันค่อยทำอาหารค่ำไปส่งให้ทีหลัง!”
ชางกวนโม่ลุกขึ้นอย่างมีความสุข “จริงเหรอ?” ข้าวกล่องฝีมือเสี่ยวเสวี่ยอร่อยที่สุด เยี่ยมไปเลย! เมื่อเวลานั้นมาถึงก็จะมีแค่เธอกับเขา

“ยิ้มคุณดูเจ้าเล่ห์จังเลยนะคะ…” มู่หรงเสวี่ยมองเขาอย่างสงสัย

เขาลูบหน้าตัวเองและรีบส่ายหน้าทันที “ไม่นะ เปล่า เธอผิดแล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเลยนะ…”

มู่หรงเสวี่ยคิด: นี่เป็นความฝันหรือเปล่านะ?!
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ชางกวนโม่ก็ขับรถไปบริษัทอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เขาอารมณ์ดีไปตลอดทาง ไม่มีทางรู้สึกดีกว่านี้อีกแล้ว

ทันทีที่พนักงานในบริษัทเห็นชางกวนโม่ พวกเขาก็รีบหลบทันที พวกเขาไม่ลืมว่าช่วงที่ผ่านมาท่านประธานอารมณ์เสียมากแค่ไหนซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกกลัวอย่างมาก มีเพียงเด็กใหม่ผู้โชคร้ายที่หลบไม่ทันและทำได้เพียงยิ้มกล่าวทักทายทั้งๆที่อยากจะร้องไห้ โดยที่หวังว่าจะไม่ถูกไล่ออก
“สวัสดีครับ ท่านประธาน!”
ชางกวนโม่ตบที่ไหล่เขาอย่างอารมณ์ดีพร้อมทั้งพูดว่า “โอเค ตั้งใจทำงานนะ รักษาสุขภาพด้วยล่ะ!” แล้วเขาก็เดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวของประธานไป

เขาทำให้เด็กใหม่ยืนงงอยู่เป็นเวลานาน เขาจับไปที่ไหล่ที่ท่านประธานเพิ่งจะแตะ ฮ่า ฮ่า แถมท่านประธานยังบอกให้เขาตั้งใจทำงานและดูแลสุขภาพด้วยอีก ทันใดนั้นก็เริ่มที่จะสงสัยว่าข่าวลือในบริษัทเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า

ช่วงบ่ายนี้เหมาะกับการประชุมทีมบริหารที่สุด บ่ายนี้แผนการต่างๆที่ก่อนหน้านี้ติดปัญหาตลอดก็ดันเป็นไปอย่างราบรื่น สิ่งที่ทำให้ผู้คนเป็นห่วงที่สุดก็คือรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของท่านประธานซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ ประธานคนนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ แต่ยังไงก็ตามทุกคนก็หวังให้เขาอารมณ์ดีแบบนี้ไปตลอด ฮ่าฮ่าฮ่า ฤดูใบไม่ผลิคงจะกำลังมาแล้วล่ะ!

คนเดียวที่เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจนก็คือเย่เฟิง ชางกวนโม่ไปหามู่หรงเสวี่ยและกลับมากลายเป็นไอ้งี่เง่าแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะรู้สึกกลัวและก็อดที่จะโทษว่าเป็นความผิดของมู่หรงเสวี่ยไม่ได้

คุณชายเป็นคนที่หยิ่งยโส เขาจริงใจเพราะเธอเป็นคนที่พิเศษสำหรับเขา เขาไม่ค่อยรู้เรื่องที่แน่ชัดเท่าไร รู้แต่เพียงว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับน้องสาวของคุณชายแน่ เขาไม่ชอบน้องสาวของคุณชายมากกว่าที่ไม่ชอบมู่หรงเสวี่ยซะอีก