อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 456 แข็งชนแข็ง
ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเสน่ห์ที่มีม่านตาคนละสีคู่หนึ่ง ทุกการเคลื่อนไหวมีเสน่ห์ดึงดูดใจชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เพียงแค่ส่งสายตาหยาดเยิ้มเข้าไป ก็สามารถทำให้คนกลุ่มหนึ่งคลั่งไคล้แทบตายได้ เขางดงามมาก งดงามจนแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกว่ามีความกล้าหาญไม่เพียงพอ

แต่เมื่อสังเกตดีๆ ก็จะสามารถมองออกได้ว่า บนใบหน้าอันนุ่มนวลอ่อนโยนนั่นของเขา มีรอยหมัดจางๆอยู่รอยหนึ่ง

กู้ชูหน่วนมั่นใจแล้ว

มั่นใจว่าคือรอยหมัด และไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดที่มีความสามารถทิ้งรอยหมัดนั่นไว้บนใบหน้าของเขา

“ซือโม่เฟย เจ้าเป็นบ้าอะไร” กู้ชูหน่วนมีความคิดสับสนเล็กน้อย

มือที่บำรุงรักษาจนขาวเปล่งปลั่งของจอมมารลูบไล้เส้นผมสีดำสนิท ริมฝีปากสีแดงดั่งลูกเชอร์รีของยกสูงขึ้น พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “ข้าไม่ได้เป็นบ้า ข้ามาขอแต่งงาน พี่สาว ท่านยินยอมแต่งงานกับข้าหรือไม่”

กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว คิดก็ไม่คิด ปฏิเสธไปโดยตรง “ไม่แต่ง เจ้ามาทางไหนก็รีบกลับไปทางนั้นซะ”

คนทั้งเผ่าปีศาจอึ้งไปทันทีแล้ว

แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นพระชายาหาน แต่ก็บังอาจมากเกินไปแล้วล่ะมั้ง

คนที่มาขอแต่งงาน เป็นถึงจอมมาร จักรพรรดิในโลกหล้าก็ต้องหวาดกลัวจอมมารอยู่บ้างเล็กน้อยล่ะ

แต่นางกลับไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ปฏิเสธไปโดยตรงแล้ว

ประชาชนที่มุงล้อมดูความคึกคักอยู่ด้านข้างก็ตะลึงแล้ว

ชายหนุ่มชุดสีแดงผู้นั้นหน้าตาสง่างามขนาดนั้น กิริยาพาทีเต็มไปด้วยความสง่างาม ทั้งยังนำสินสอดทองหมั้นมามากมาย คิดไม่ถึงว่านางจะปฏิเสธ……

“ผู้หญิงคนนี้อยู่ในความสุขแต่ไม่เห็นคุณค่า”

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเป็นพวกเรา เพียงแค่เขาเต็มใจ ว่าจะเป็นอนุภรรยาหรือทาส พวกเราก็จะอยู่”

“คำพูดจะพูดเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าดูสิสีตาของเขาทั้งสองข้างไม่เหมือนกันนะ มีข้างหนึ่งเหมือนจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเหมือนจะเป็นสีม่วง”

“ใช่แล้ว ดวงตาของคนปกติจะมีสีเช่นนี้ได้อย่างไรล่ะ คงไม่ได้เป็นปีศาจหรอกนะ”

“ปัง…….”

คนที่วิพากษ์วิจารณ์ดวงตาของเขา ถูกลมแรงพัดพาไปอย่างไร้เหตุผล ทำให้พวกนางตกใจกลัวจนกรีดร้องอย่างน่าอนาถ

จอมมารค่อยๆจัดระเบียบแขนเสื้อของตัวเอง เสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “พวกเจ้าควรจะดีใจที่วันนี้ข้าอารมณ์ดี หึ……”

คนของเผ่าปีศาจกลืนน้ำลาย

ที่ผ่านมาคนที่วิพากษ์วิจารณ์ดวงตาของจอมมาร คนไหนที่สามารถมีชีวิตรอดได้

คนเหล่านี้เพียงแค่ถูกจอมมารไล่ออกไป และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่วิพากษ์วิจารณ์ดวงตาของจอมมารแล้วไม่ถูกสังหาร

ทุกคนล้วนคิดว่าจอมมารจะพิโรธ

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นการถูกปฏิเสธต่อหน้าฝูงชน ขายหน้าไม่ใช่น้อยๆ

แต่จอมมารไม่เพียงไม่โกรธ กลับยังยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เข้าใกล้กู้ชูหน่วนเล็กน้อย ยิ้มแล้วกล่าว “ท่านไม่ยอมแต่ง เช่นนั้นข้าแต่ง ข้าแต่งกับท่าน”

บรรดาผู้คน “เอ่อ…….”

นี่ยังเป็นจอมมารที่นิสัยเด็ดขาด อารมณ์ดีร้ายเอาแน่เอานอนไม่ได้ของพวกเขาอีกหรือ?

กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงว่า ซือโม่เฟยจะหน้าด้านเช่นนี้

ชายชาตรีผู้งามสง่าทั้งคน ทั้งยังเป็นเจ้าแห่งเผ่าปีศาจอีก คิดไม่ถึงว่าจะลดตัวมาแต่งงานจริงๆ?

“เจ้าหูหนวกไปแล้ว หรือว่าตาบอด ไม่เห็นหรือไงว่าข้าแต่งงานแล้ว?”

“คนแบบเย่จิ่งหานพรรคนั้น ไม่คู่ควรกับท่าน มีเพียงข้าเท่านั้นที่คู่ควรกับท่าน ลูกในท้องของท่าน ข้าเลี้ยง”

“ใครจะกล้าเลี้ยงลูกของข้า”

เสียงอันโหดร้ายพร้อมด้วยความเดือดดาลเล็กน้อยดังขึ้น

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง กลับเห็นชายผู้หนึ่งสวมหน้ากากผี ทั้งตัวมีพลังอันน่าเกรงขามดั่งจักรพรรดิที่ลงมายังโลกค่อยๆเดินเข้ามา

เห็นหน้าชายหนุ่มไม่ชัดเจน แต่พลังบนตัวของเขาเย็นยะเยือก เข้าใกล้เขาจิตใจก็กระวนกระวายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหมอบคลานลงไป

ต่อหน้าชายคนนี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

กู้ชูหน่วนเห็นเย่จิ่งหานออกมา อดกุมหน้าผากไม่ได้

นางเพียงคิดจะฉวยโอกาสหนี เดินทางไปหากุญแจรูปดาวสามดอก

แม้ว่าชั่วขณะนี้จะไม่มีวิธีหนีไปได้ นางก็อยากหาเพียงแค่สถานที่ดีๆงีบหลับสักครู่หนึ่ง

กองทัพทั้งสองฝ่าย พลังอำนาจดุดัน ชักดาบโก่งคันศร ทำสงครามใหญ่ได้ตลอดเวลา

เย่จิ่งหานยืนอยู่ตรงข้ามกับจอมมาร ในดวงตาของทั้งสองฝ่ายล้วนมีความดุเดือด

ทั้งเหตุการณ์นอกจากจอมมารและกู้ชูหน่วนแล้ว ผู้คนแทบจะทุกคนล้วนถูกพลังของเย่จิ่งหานข่มไว้แล้ว

จอมมารเผลอหัวเราะ ท่าทางงดงามสดใส สะดุดตา

“ข้าก็ว่าเป็นผู้ใดกัน ที่แท้ก็คือพวกขี้แพ้ ทำไม เมื่อวานโดนเล่นงานไปฉากหนึ่งยังไม่พอหรือ?”

เจี่ยงเสวียชักดาบ แทบอยากจะขึ้นหน้าไปจัดการเขาซะ

คนต่ำช้าไร้ศีลธรรมไร้ยางอาย

ฉวยโอกาสตอนที่นายท่านพิษเย็นกำเริบลอบโจมตี นับว่าเป็นความสามารถอะไรกัน?

หากไม่ใช่เพราะพิษเย็นของนายท่านกำเริบ และพลังบนตัวไม่ได้ถูกพระชายาดูดไปมากมายขนาดนั้น จะถูกเขาลอบกัดลับหลังได้อย่างไร?

“ซือโม่เฟย เจ้าอัปลักษณ์จริงๆ”

เย่จิ่งหานเพ่งมองเขา พูดอย่างตั้งใจประโยคหนึ่ง

คำพูดธรรมดาประโยคหนึ่ง ทำให้จอมมารระเบิดขึ้นมาโดยตรง

มือที่ลูบเส้นผมสีดำขลับของเขาชะงักทันที รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป หรี่ตาขึ้นดูอันตราย “เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไร?” ” ”

“ข้าพูดว่า เจ้าอัปลักษณ์จริงๆ”

“กระจก”

เสียงตะคอกเฉียบคม คนรับใช้ส่งกระจกให้ด้วยความลุกลี้ลุกลน

ซือโม่เฟยส่องกระจก มองซ้ายมองขวา เห็นว่าบนใบหน้าของตัวเองรอยหมัดอยู่ รอยยิ้มที่รักษาไว้ก็สลายไปทีละน้อย

ฉึกเสียงหนึ่ง

เขาฉีกผ้าสีแดงออกมาชิ้นหนึ่งปิดใบหน้าอันงดงามไร้ที่เปรียบนั่นไว้

“เย่จิ่งหาน ข้าเกลียดคนอื่นต่อยหน้าข้าที่สุด”

“ใช่หรือ แม้แต่หน้าเจ้าก็ไม่เอาแล้วยังจะกลัวคนอื่นต่อยหน้าเจ้าอีก” คำพูดของเย่จิ่งหานแฝงไปด้วยการเสียดสี คนที่อยู่ตรงนี้แค่ไม่ได้ตาบอด โดยพื้นฐานก็ล้วนฟังคำพูดของเขาเข้าใจ

มีเพียงจอมมารที่ฟังไม่ออก กล่าวเยาะเย้ยกลับ “เจ้ามีความสามารถก็ถอดหน้ากากออกสิ ให้คนอื่นดูใบหน้าที่ถูกต่อยจนฟกช้ำของเจ้าให้ดีๆ” กู้ชูหน่วนรู้ ที่นี่ใกล้จะเกิดสงครามใหญ่ฉากหนึ่ง สงครามใหญ่ที่มีขนาดใหญ่โตมากเหตุการณ์หนึ่ง

เพราะว่าเปลวไฟแห่งสงครามได้ปะทุขึ้นแล้ว

กลยุทธ์ทั้งสามสิบหก จากไปเป็นดีที่สุด

กู้ชูหน่วยคิดจะแอบย่องออกไปจากที่นี่เงียบๆ

ทันใดนั้น เย่จิ่งหานก็ตะโกนอย่างฉับพลันประโยคหนึ่งว่า “พระชายา บอกชายคนนี้สิว่า เจ้าเป็นพระชายาของข้า นอกจากข้า จะไม่แต่งงานกับคนที่สองอีกเด็ดขาด”

ฝีเท้าที่ยกขึ้นของกู้ชูหน่วนแทบจะวางลงไม่ได้

“ท่านอ๋อง ข้าไม่ตอบได้หรือไม่”

“ไม่ได้”

จอมมารกล่าว “พี่สาว ท่านบอกเขาไปสิ ท่านเบื่อหน่ายเขามานานแล้วคิดอยากจะหย่ากับเขาและแต่งงานกับข้าแล้วใช่หรือไม่”

กู้ชูหน่วนมุมปากกระตุก “เจ้าลูกหมา ข้าไม่ตอบได้หรือไม่”

“ไม่ได้”

กู้ชูหน่วนจนปัญญา

พวกเขาสู้กัน อย่ามาตีกันบนหัวของนางจะได้หรือไม่

บรรดาผู้คนของเผ่าปีศาจ “……”

บรรดาผู้คนของจวนอ๋องหาน “……”

เจ้าลูกหมา? มั่นใจว่ากำลังเรียกจอมมารหรือ?

ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้วสินะ

คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเรียกจอมมารว่าเจ้าลูกหมา

เขากระทืบเท้าเรื่อยเปื่อย ทั้งโลกก็สั่นไหวได้สามรอบแล้วนะ

ทุกคนล้วนคิดว่า จอมมารได้ยินคำว่าเจ้าลูกหมานั่นของกู้ชูหน่วนแล้ว จะต้องเดือดดาลเป็นแน่

แต่สีหน้าของจอมมารนิ่งเฉย ราวกับว่าไม่ได้โกรธเพราะสามคำนี้

เอ่อ…..

หรือจอมมารไม่รู้ว่ากู้ชูหน่วนด่าเขาว่าเป็นหมาอย่างนั้นหรือ?

หรือว่าจอมมารสนใจมุ่งเป้าไปที่เย่จิ่งหานเท่านั้น ไม่ได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วน?

ทุกคนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าจอมมารไม่ได้ยิน ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เดือดดาล

กู้ชูหน่วนกล่าว “พวกเจ้าคุยกันต่อนะ ข้าง่วงแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อน”

“กู้ชูหน่วน เจ้ากลับมา”

“จะทำอะไรอีก”

“บอกเขา ลูกของข้า ไม่ใช่ผู้ใดคิดจะเลี้ยงก็จะสามารถเลี้ยงได้”