แดนนิรมิตเทพ บทที่ 677
บนเวที นักมวยฝ่ายดำและฝ่ายแดง กำลังต่อสู้กันครั้งสุดท้าย

มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เธอเอนตัวไปอยู่ข้างหูเฉินโม่ มีกลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาว และถามเบา ๆว่า “เฉินโม่ นายคิดว่าพวกเขาสองคน ใครจะเป็นฝ่ายชนะ?”

เฉินโม่เหลือบมองเวที แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองฉีหมิงซานด้วยสายตาหยอกล้อ

มู่หรงยานเอ๋อร์เข้าใจทันที เธอยกมุมปากขึ้นด้วยความเจ้าเล่ห์ แล้วมองฉีหมิงซานด้วยรอยยิ้มที่รู้สึกมีความสุขกับความโชคร้ายของคนอื่น

ฉีเยว่หยูเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของเฉินโม่กับมู่หรงยานเอ๋อร์ แต่เธอไม่สามารถเดาปริศนาของเฉินโม่กับมู่หรงยานเอ๋อร์ได้ เธอรู้สึกว่าคราวนี้พี่ชายอาจเป็นฝ่ายแพ้

หลังจากผ่านไปหลายนาที นักมวยฝ่ายดำชกไปที่หน้าของนักมวยฝ่ายแดง ทำให้นักมวยฝ่ายแดงล้มลงบนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นได้

ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวที ที่เดิมพันว่าฝ่ายแดงจะเป็นฝ่ายชนะ พวกเขาตะโกนเรียกนักมวยฝ่ายแดงทันที “ลุกขึ้น ลุกขึ้น!”

ผู้ตัดสินวิ่งไปนั่งอยู่ข้างนักมวยฝ่ายแดง และเริ่มตะโกนเสียงดังว่า “หนึ่ง สอง สาม…..”

ผู้ชมส่งเสียงโห่ร้องหนักยิ่งขึ้นไปอีก แต่สีหน้าของหวางเส้าหยู่ที่เดิมพันว่าฝ่ายแดงชนะยังคงราบเรียบ และไม่มีความกังวลใด ๆ บางทีเงินเดิมพันหนึ่งแสนสำหรับเขาแล้ว อาจเป็นแค่เศษเงินเท่านั้น

ฉีหมิงซานมองหวางเส้าหยู่ด้วยความเย่อหยิ่ง และกล่าวด้วยความลำพองใจว่า “คุณชายหวาง ต้องขอโทษด้วย เกรงว่าเกมนี้ผมจะเป็นฝ่ายชนะคุณอีกแล้ว!”

หวางเส้าหยู่กล่าวเยาะเย้ย “มันยังไม่แน่ เพราะมันยังไม่จบเกม?”

อาจเป็นเสียงเชียร์ของผู้ชม ที่ทำให้นักมวยฝ่ายแดงเกิดความฮึกเหิม ขณะที่ผู้ตัดสินนับถึงเจ็ด นักมวยฝ่ายแดงก็ลุกขึ้นยืนด้วยความทุลักทุเล

ทันใดนั้น คนที่เดิมพันว่าเขาเป็นฝ่ายชนะก็ตะโกนด้วยความดีใจ

ฉีหมิงซานด่าอยู่ในใจ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้เพียงดูการแข่งขันต่อไป

ถึงแม้ว่านักมวยฝ่ายแดงจะยืนขึ้น แต่หลังจากยืนหยัดต่อไปอีกหนึ่งนาที เขาก็ถูกนักมวยฝ่ายดำชกด้วยหมัดจนล้มลงบนพื้น และสุดท้ายเขาก็กลายเป็นฝ่ายแพ้

“ฮ่า ๆ เยี่ยมมาก!” ฉีหมิงซานรู้สึกดีใจมาก

“คุณชายหวาง ดูเหมือนว่าฝีมือของหวงไต้ซือมันก็เท่านั้น! ฮ่า ๆ…..ขอบคุณสำหรับเงินหนึ่งแสนของคุณ เอาเงินมาเถอะ” ฉีหมิงซานมองหวางเส้าหยู่และกล่าวด้วยความลำพองใจ

หวางเส้าหยู่พ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “ชนะหรือแพ้มันเป็นเรื่องปกติ เงินเแค่หนึ่งแสนเท่านั้น เป็นเรื่องเล็กน้อย ผมหวางเส้าหยู่ยอมรับความแพ้ได้!”

ทั้งสองคนไม่ได้ทำสัญญาเดิมพันเป็นลายลักษณ์อักษร เงินหนึ่งแสนสำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว เป็นเงินที่ค่อนข้างมาก แต่สำหรับฉีหมิงซานกับหวางเส้าหยู่แล้ว คาดว่าคงเป็นแค่เงินขนมสำหรับหนึ่งคืนเท่านั้น

หวางเส้าหยู่โอนเงินหนึ่งแสนให้ฉีหมิงซานทันที

ฉีหมิงซานเขย่าโทรศัพท์ไปทางหวางเส้าหยู่ด้วยความลำพองใจ และกล่าวว่า “คุณชายหวาง ขอบคุณมาก!”

หลังจากกล่าวจบ เขาเหลือบมองเฉินโม่ราวกับต้องการแสดงพลัง และกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งว่า “เป็นไงบ้างเฉินโม่ ได้เงินหนึ่งแสนมาอย่างง่ายดาย นายกล้าเดิมพันกับฉันไหม? ถ้านายไม่มีเงินทุนเดิมพัน ฉันสามารถยืมให้นายได้!”

ความเข้าใจที่ฉีหมิงซานมีต่อเฉินโม่นั้น ยังจำกัดอยู่ที่สองปีก่อน สำหรับเขาแล้ว เฉินโม่เป็นเพียงนักเรียนที่ย้ายมาจากอำเภอเล็ก ๆ และสำหรับคนบ้านนอกอย่างเฉินโม่แล้ว หนึ่งแสนเป็นเงินที่ค่อนข้างมาก

เฉินโม่ไม่สนใจเขา เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ แล้วกล่าวกับมู่หรงยานเอ๋อร์ว่า “คุณเล่นเองเถอะ ผมจะไปนั่งอยู่ทางโน้น”

“ค่ะ” มู่หรงยานเอ๋อร์มองเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล และพยักหน้าตกลง

เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ไม่สนใจตนเอง ฉีหมิงซานยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจมากขึ้น “ไอ้คนไร้ประโยชน์ ยังเสแสร้งอยู่อีก อีกสักครู่ฉันจะนำพาให้ยานเอ๋อร์ชนะสองเกม และฉันไม่เชื่อว่าคนบ้านนอกอย่างนายจะไม่รู้สึกอิจฉา!”

พนักงานทำความสะอาดเวทีเสร็จเรียบร้อยแล้ว และการแข่งขันนัดต่อไปกำลังจะเริ่มในไม่ช้า

หวางเส้าหยู่ตะโกนว่า “คุณชายฉี เกมนี้พวกเราเดิมพันสูงหน่อย คุณกล้าไหม?”