บทที่ 1363 คนทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“ร่วมมือ?”

 

เมื่อได้ยินข้อเสนอของฟางหยวน การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นซับซ้อน

 

ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงาซับซ้อนมาก

 

ในฐานะกึ่งปีศาจต่างโลก ฟางหยวนเคยเป็นเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ที่ถูกส่งกลับมาในอดีตเพื่อทำลายแผนการของนิกายเงา

 

ฟางหยวนประสบความสำเร็จ เขายังสามารถฉกชิงร่างทารกอมตะและกลายเป็นศัตรูกับนิกายเงาอย่างสมบูรณ์

 

ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน นิกายเงาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน พวกเขาต้องการฉีกฟางหยวนออกเป็นชิ้นๆ

 

แต่ฟางหยนใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีประโยชน์และด้วยความได้เปรียบด้านร่างกาย เขาแข็งแกร่งขึ้นและออกไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

 

หากอิงอู๋เซี่ยไม่มีวิธีหลบหนีที่ยอดเยี่ยม พวกเขาคงตายด้วยน้ำมือของฟางหยวนไปแล้ว

 

หลังการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน ฟางหยวนสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด

 

นิกายเงาที่นำโดยราชันภูเขาม่วงเปลี่ยนกลยุทธ์และต้องการสร้างความร่วมมือกับฟางหยวน นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ของพวกเขา

 

ด้วยเหตุนี้เมื่อฟางหยวนเสนอความร่วมมือ อิงอู๋เซี่ยจึงตัดสินใจและพยักหน้าตอบ “เอาล่ะ เราจะร่วมมือ”

 

เขาไม่ปฏิเสธความร่วมมือในครั้งนี้

 

เวลาเปลี่ยน ความคิดของผู้คนก็มักเปลี่ยนแปลงไป

 

หากฟางหยวนอ่อนแอเหมือนมดตัวเล็กตัวน้อย อิงอู๋เซี่ยจะไม่ร่วมมือกับเขา

 

ความพ่ายแพ้ที่ภูเขาอี้เทียนทำให้อิงอู๋เซี่ยเกลียดชังฟางหยวนมาก ในเวลานั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถสร้างความร่วมมือ อิงอู๋เซี่ยต้องการเพียงกู้คืนความรุ่งโรจน์ของนิกายเงา

 

แต่เมื่อความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะหลังจากการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน มันทำให้อิงอู๋เซี่ยพัฒนาความรู้สึกใหม่ต่อฟางหยวน

 

มันคือความชื่นชม

 

ฟางหยวนทำในสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถทำได้ เขาคู่ควรที่จะด้รับการคัดเลือกจากเจตจำนงสวรรค์ให้หวนคืนกลับมาในอดีตและทำลายแผนการของนิกายเงา

 

‘ไม่ใช่ว่าข้าไม่แข็งแกร่ง แต่ศัตรูของข้าคือฟางหยวน!’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าความล้มเหลวของเขาไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถยอมรับ

 

“เราจะร่วมมือกันอย่างไร? ข้าทนไม่ไหวแล้ว” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

 

ฟางหยวนขมวดคิ้วและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับทัศนคติที่ตรงไปตรงมาของอิงอู๋เซี่ย

 

“แน่นอนข้าจะช่วยพวกเจ้าก่อน วังสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป มีเพียงการทำงานร่วมกันจึงจะมีความหวัง” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะส่งกลุ่มผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่กำลังต่อสู้กับอิงอู๋เซี่ยออกไป

 

“หือ เหตุใดข้าต้องล่าถอย? ข้ารู้จุดอ่อนของศัตรูแล้ว ข้าชนะได้” ผู้อมตะตระกูลเซี่ยสับสนมาก

 

“ผู้อมตะตระกูลเหยาตกอยู่ในอันตราย เจ้าต้องไปช่วยเขา เร็วเข้า ข้าเป็นคนดูแลสนามรบทั้งหมด เจ้าจะเข้าใจภาพรวมมากไปกว่าข้าได้อย่างไร?” ฟางหยวนกล่าว

 

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยไม่มีความสุขนักแต่เนื่องจากสถานะของวูอี้ไห่และความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสูดหายใจลึกก่อนจะจากไป

 

“เจ้าช่วยข้าได้อย่างไร? เจ้าทำสิ่งใดในช่วงที่ผ่านมา!?” อิงอู๋เซี่ยตกใจมาก

 

“หยุดโวยวาย ข้าช่วยเจ้าแล้ว” ฟางหยวนกล่าวในเวลาที่เหมาะสม

 

หัวใจของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น “เจ้ากล่าวเหมือนไม่ใช่ตัวเจ้า! เขาเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้างั้นหรือ?”

 

“ไร้สาระมาพอแล้ว บอกข้าว่าแผนการของนิกายเงาคือสิ่งใด อย่าบอกว่าพวกเจ้าไม่มีแผนสำรอง” ฟางหยวนเร่งถาม

 

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่นและตอบ “แน่นอน เรามี แผนสำรองก็คือข้า”

 

…..

 

“บึม!”

 

การระเบิดที่รุนแรงส่งคลื่นกระแทกพุ่งออกไปรอบๆ ราชันภูเขาม่วงบินออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“เหตุใดต้องหลบหนี? มาสู้กับข้า!” ราชันมังกรไล่ล่า

 

ตอนนี้ร่างกายของราชันมังกรเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เขามังกรบนศีรษะของเขายาวขึ้น กรงเล็บกลายเป็นยิ่งแหลมคม ผิวหนังปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร ขณะที่หางมังกรสะบัดไปมา

 

ราชันภูเขาม่วงอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชแต่แววตาของเขายังคมชัด

 

‘ราชันมังกร ตามบันทึก มันกล่าวว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเป็นหลัก แต่เนื่องจากอายุขัยที่ไม่เพียงพอ เขาจึงเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’ ราชันภูเขาม่วงวิเคราะห์อยู่ในใจ

 

‘เพียงวิธีบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาก็ทรงพลังมากแล้ว ดังคาด เขาเป็นตัวตนระดับเดียวกับโป้ชิงจริงๆ’

 

‘เช่นนั้นลองสิ่งนี้’

 

ร่างของราชันภูเขาม่วงสั่นสะท้านขึ้น เขาหันหลังกลับอย่างกะทันหันและบินขึ้นไปด้านบน

 

ในเวลาเดียวกันสิบนิ้วของเขาก็ขยับตัวราวกับกำลังดีดพิณ

 

แสงดาวสีม่วงพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขาและโจมตีราชันมังกร

 

แสงดาวเหล่านี้ทั้งรวดเร็วและงดงามแต่ราชันมังกรรู้สึกว่าพวกมันไม่ธรรมดา

 

เขาเริ่มตอบโต้พวกมันแต่แสงดาวเหล่านั้นกลับว่องไวและคล่องแคล่วมาก พวกมันสามารถหลบการโจมตีของราชันมังกรและพุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

 

ราชันมังกรลอบยกย่องอยู่ภายใน ‘ดังคาด ท่าไม้ตายอมตะของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาทั้งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะท่าไม้ตายนี้ มันละเอียดอ่อนมาก ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาในแง่นี้’

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีความเชี่ยวชาญในการควบคุมการเคลื่อนไหวของท่าไม้ตายอมตะและสร้างการโจมตีรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย

 

‘เหตุใดข้าต้องติดอยู่ที่นี่? เป็นการฉลาดกว่าที่จะใช้ประโยชน์จากจุดเด่นของข้า’ ราชันมังกรเพิกเฉยต่อแสงดาวสีม่วงเหล่านั้น เขาใช้การป้องกันที่ทรงพลังของตนและพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของราชันภูเขาม่วงก็ส่องประกายขึ้น

 

‘ในที่สุดเขาก็ตกหลุมพรางของข้า’

 

ปรากฎว่ามีกับดักที่ซ่อนอยู่ เมื่อแสงดาวสีม่วงสัมผัสเป้าหมาย มันจะส่งข้อมูลกลับไปยังราชันภูเขาม่วง

 

แม้จะเป็นข้อมูลที่กระจัดกระจายแต่มันยังสามารถเปิดเผยความลับของท่าไม้ตายอมตะ

 

ด้วยข้อมูลที่เพียงพอ ราชันภูเขาม่วงจะสามารถวางแผนและต่อสู้กับราชันมังกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ราชันภูเขาม่วงเริ่มใช้ท่าไม้ตายใหม่

 

เขาผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปและสร้างกลุ่มเมฆหมอกขึ้นปิดกั้นการเคลื่อนไหวของราชันมังกร

 

ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายแหลมคม เขาเข้าใจพลังอำนาจของท่าไม้ตายนี้ทันที

 

เขาหัวเราะและพุ่งเข้าไปในหมอกสีม่วง

 

ทันใดนั้นเขาก็สูญเสียการรับรู้ทิศทางไปอย่างสิ้นเชิง

 

ราชันมังกรหยุดเคลื่อนไหวก่อนจะอ้าปากคำรามด้วยเสียงมังกร

 

“โฮก…”

 

เสียงคำรามทำให้เมฆหมอกสีม่วงระเบิดออกและจางหายไป

 

ราชันมังกรเห็นราชันภูเขาม่วงอีกครั้ง เขายังคงหลบหนีและพยายามสร้างระยะห่าง

 

ราชันมังกรหัวเราะ ร่างของเขาหายไปก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าราชันภูเขาม่วงในพริบตา

 

“กินกำปั้นของข้า!” ราชันมังกรตะโกนเสียงดังและชกหมัดขวาออกมาโดยตรง

 

นี่ไม่ใช่ท่าไม้ตายอมตะ

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ ราชันมังกรต้องให้ความสำคัญกับท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน เขาไม่สามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ

 

อย่างไรก็ตามเพียงความแข็งแกร่งของร่างกาย หมัดธรรมดาของเขาก็ยังทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“ปัง!”

 

ราชันภูเขาม่วงไม่สามารถหลบได้ทันเวลา เขาถูกชกโดยตรง

 

แต่แสงลึกลับกลับส่องประกายขึ้นขณะที่ร่างกายของเขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ

 

ราชันภูเขาม่วงมีวิธีป้องกันที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน

 

นอกจากนั้นเขายังอาศัยแรงผลักจากหมัดของราชันมังกรเพื่อล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

 

แต่ในเวลาต่อมาราชันมังกรก็ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของราชันภูเขาม่วงอีกครั้งและส่งหมัดออกมาอีกหน

 

“ปัง!”

 

ฉากเดิมปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่ราชันมังกรยังไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าราชันภูเขาม่วงจะบินไปที่ใด เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่และชกศัตรูได้ทันที

 

หมัดของราชันมังกรหลั่งไหลออกมาอย่างไม่รู้จบสิ้น เงาหมัดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีราชันภูเขาม่วง

 

นั่นทำให้ราชันภูเขาม่วงดูเหมือนลูกบอลยางที่ถูกทุบตีโดยไม่สามารถตอบโต้

 

เมื่อเห็นราชันภูเขาม่วงยังสามารถป้องกันตัว ราชันมังกรจึงส่งหมัดที่ไม่ธรรมดาออกมาในที่สุด

 

หมัดมังกรแห่งความโกลาหล!

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกใช้งาน

 

แต่ผลลัพธ์ของมันกลับไม่เป็นดังคาด

 

ราชันมังกรคิด ‘หมัดมังกรแห่งความโกลาหลของข้าจะทำให้ความคิดในใจของศัตรูกลายเป็นโกลาหล แต่การโจมตีนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลย’

 

ราชันมังกรสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางสายอื่น ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาสามารถส่งผลกระทบเลียนแบบเส้นทางแห่งปัญญา

 

แต่เมื่อมันถูกใช้กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นราชันภูเขาม่วง มันก็กลายเป็นเพียงของเล่นหลอกเด็กเท่านั้น

 

หมัดมังกรแห่งความโกลากลอาจมีประสิทธิภาพต่อผู้อื่นแต่ไม่ใช่สำหรับราชันภูเขาม่วง

 

ขณะที่ราชันมังกรตรวจสอบความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของราชันภูเขาม่วง ราชันภูเขาม่วงก็กำลังวิเคราะห์ราชันมังกรเช่นกัน

 

แม้เขาจะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่เขายังสามารถสงบจิตใจและไม่มีอาการตื่นตระหนก

 

เส้นทางแห่งปัญญาเกี่ยวข้องกับความคิด เจตจำนง และอารมณ์ความรู้สึก แน่นอนว่าราชันภูเขาม่วงมีวิธีจัดการอารมณ์ในเชิงลบของตนเองระหว่างการต่อสู้

 

‘ชัดเจนว่าเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะที่ทำให้เขาสามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตา’

 

‘ในดวงตามังกรของเขายังมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลังอยู่อีกหนึ่ง’

 

‘ด้วยการอนุมานของข้า การเคลื่อนย้ายสถานที่ในพริบตาของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขามองไปที่ใด อย่าบอกข้าว่า…’